Energy supply not only affects nati

Energy supply not only affects nation’s energy security, but also affects sustainable development. The global rise
in energy demand and concern about increased greenhouse gas emissions make lignocellulosic biomass increasingly
to be recognized as having great potential for biofuel and biomaterial production based on the biorefinery concept
[1]. The advantages of lignocellulosic biomass as potential energy sources are their neutral carbon balance,
renewable character, large availability, independence of geographic location and improvement of local economy
derived from cultivation [2]. The chemical components of lignocellulosic biomass are cellulose, hemicellulose, and
lignin. Cellulose and hemicellulose can be converted to sugars (C-6 and C-5) through biological or chemical
conversion, and these sugars can be fermented to ethanol or other valuable chemicals [3]. However, lignin is a
polymer of phenolic nature became an inhibitor of enzymatic reactions. Lignin not only prevents cellulase from
forming cellulose but also adsorbs the enzyme, thereby inactivating it for cellulose hydrolysis [4]. One of the largest
lignocellulosic sources in Indonesia is wastes from oil palm industry, such as oil palm empty fruit bunches (EFBs)
or frond. Oil palm production in Indonesia increased from 17.54 million tons in 2008 to 23.52 million tons in 2012
[5]. The dry weight of EFBs is about 8% of the dry weight of FFB (Fresh Fruit Bunches) [6], or 39% of the weight
of CPO produced [7]. The chemical component of EFBs is 44.21% cellulose, 16.68% hemicelluloses and 35.51%
lignin [8]. Cellulose is the highest component of EFBs that can be converted to ethanol

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

พลังงานไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อด้านพลังงานของประเทศ แต่ยัง มีผลต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เพิ่มขึ้นทั่วโลกในพลังงาน ความต้องการและความกังวลเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้นทำให้ชีวมวล lignocellulosic มากขึ้นการรับรู้ว่ามีศักยภาพที่ดีสำหรับการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพและ biomaterial ตามแนวคิด biorefinery[1] . ข้อดีของ lignocellulosic ชีวมวลเป็นแหล่งพลังงานศักย์มีสมดุลของคาร์บอนที่เป็นกลางอักขระทดแทน ความพร้อมใช้งานขนาดใหญ่ ความเป็นอิสระของที่ตั้งทางภูมิศาสตร์และการพัฒนาเศรษฐกิจได้มาจากการเพาะปลูก [2] ส่วนประกอบทางเคมีของชีวมวล lignocellulosic มีเซลลูโลส hemicellulose และlignin เซลลูโลสและ hemicellulose สามารถถูกแปลงเป็นน้ำตาล (C 6 และ C-5) ผ่านทางชีวภาพหรือเคมีแปลง และน้ำตาลเหล่านี้สามารถสามารถหมักเอทานอลหรือสารเคมีมีคุณค่าอื่น ๆ [3] อย่างไรก็ตาม lignin เป็นการพอลิเมอร์ธรรมชาติฟีนอกลายเป็น เป็นผลของปฏิกิริยาที่เอนไซม์ในระบบ Lignin ไม่เพียงป้องกัน cellulase จากเป็นเซลลูโลส แต่ยัง adsorbs เอนไซม์ จึงยกสำหรับไฮโตรไลซ์เซลลูโลส [4] หนึ่งในใหญ่ที่สุดแหล่ง lignocellulosic ในอินโดนีเซียเป็นขยะจากอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม เช่นปาล์มเปล่านปุ๋ย (EFBs)หรือ frond ผลิตน้ำมันปาล์มในอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นจาก 17.54 ล้านตันในปี 2008 กับ 23.52 ล้านตันในปี 2555[5] น้ำหนักแห้งของ EFBs เป็นประมาณ 8% ของน้ำหนักแห้งของ FFB (สดผลไม้ Bunches) [6], หรือ 39% ของน้ำหนักของ CPO ผลิต [7] ส่วนประกอบทางเคมีของ EFBs เป็นเซลลูโลส 44.21%, hemicelluloses 16.68% และ 35.51%lignin [8] เซลลูโลสเป็นส่วนประกอบสูงสุดของ EFBs ที่สามารถแปลงเป็นเอทานอล

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การจัดหาพลังงานไม่เพียง แต่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ แต่ยังส่งผลกระทบต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ที่เกิดขึ้นทั่วโลกในความต้องการพลังงานและความกังวลเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้นทำให้ชีวมวลลิกโนเซลลูโลสมากขึ้นได้รับการยอมรับว่ามีศักยภาพที่ดีสำหรับเชื้อเพลิงชีวภาพและการผลิตของวัสดุตามแนวคิดbiorefinery [1] ข้อดีของชีวมวลลิกโนเซลลูโลสเป็นแหล่งพลังงานที่มีศักยภาพมีความสมดุลคาร์บอนของพวกเขาตัวอักษรทดแทนว่างขนาดใหญ่ที่เป็นอิสระของที่ตั้งทางภูมิศาสตร์และการปรับปรุงเศรษฐกิจท้องถิ่นที่ได้มาจากการเพาะปลูก[2] ส่วนประกอบทางเคมีของชีวมวลที่มีลิกโนเซลลูโลสเซลลูโลสเฮมิเซลลูโลสและลิกนิน เซลลูโลสเฮมิเซลลูโลสและสามารถแปลงเป็นน้ำตาล (C-6 และ C-5) ผ่านทางชีวภาพหรือสารเคมีแปลงและน้ำตาลเหล่านี้สามารถหมักเอทานอลหรือสารเคมีที่มีค่าอื่นๆ [3] อย่างไรก็ตามลิกนินเป็นพอลิเมอฟีนอลของธรรมชาติกลายเป็นสารยับยั้งปฏิกิริยาของเอนไซม์ ลิกนินไม่เพียง แต่จะช่วยป้องกันเซลลูเลสจากการสร้างเซลลูโลสแต่ยัง adsorbs เอนไซม์ซึ่งจะช่วยยับยั้งมันสำหรับการย่อยสลายเซลลูโลส [4] หนึ่งที่ใหญ่ที่สุดแหล่งที่มาลิกโนเซลลูโลสในอินโดนีเซียเป็นของเสียจากอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มเช่นน้ำมันปาล์มทะลาย (EFBs) หรือเฟิน การผลิตน้ำมันปาล์มในประเทศอินโดนีเซียเพิ่มขึ้นจาก 17,540,000 ตันใน 2008-23520000 ตันในปี 2012 [5] น้ำหนักแห้งของ EFBs เป็นประมาณ 8% ของน้ำหนักแห้งของผลปาล์มสด (ผลไม้สดที่อัดแน่น) [6] หรือ 39% ของน้ำหนักน้ำมันปาล์มดิบที่ผลิต[7] องค์ประกอบทางเคมีของ EFBs เป็นเซลลูโลส 44.21%, 16.68% และเฮมิเซลลูโลส 35.51% ลิกนิน [8] เซลลูโลสเป็นองค์ประกอบสูงสุดของ EFBs ที่สามารถแปลงเป็นเอทานอล

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การจัดหาพลังงานไม่เพียงส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ แต่ยังมีผลต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
เพิ่มขึ้นทั่วโลกในความต้องการพลังงานเพิ่มขึ้น และความกังวลเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้มวลชีวภาพ lignocellulosic ยิ่งขึ้น
ที่ได้รับการยอมรับว่ามีศักยภาพที่ดีสำหรับการผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพและินตามแนวคิด
* [ 1 ]ข้อดีของ lignocellulosic ชีวมวลเป็นแหล่งพลังงานที่มีศักยภาพมีความสมดุลของคาร์บอนเป็นกลาง
ทดแทนตัวห้องพักขนาดใหญ่ , ความเป็นอิสระของที่ตั้งทางภูมิศาสตร์และการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น
มาจากการเพาะปลูก [ 2 ] ส่วนประกอบทางเคมีของชีวมวล lignocellulosic
เป็นเซลลูโลส เฮมิเซลลูโลส และลิกนินเซลลูโลสและเฮมิเซลลูโลส สามารถแปลง ( และน้ำตาล c-6 C-5 ) ผ่านทางชีวภาพหรือเคมี
การแปลงและน้ำตาลเหล่านี้สามารถหมักเอทานอล หรือสารเคมีอื่น ๆที่มีคุณค่า [ 3 ] อย่างไรก็ตาม ลิกนินเป็นพอลิเมอร์ของฟีนอลธรรมชาติ
เป็นสารยับยั้งปฏิกิริยาของเอนไซม์ . ดังนั้นไม่เพียง แต่ช่วยป้องกันเซลลูเลสจาก
สร้างเซลลูโลส แต่ยัง adsorbs โดยเอนไซม์จึง inactivating สำหรับการย่อยเซลลูโลส [ 4 ] หนึ่งในแหล่งที่ใหญ่ที่สุดในอินโดนีเซีย คือ lignocellulosic
ของเสียจากอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม เช่น ทะลายเปล่าปาล์มน้ำมัน ( efbs )
หรือใบ . การผลิตปาล์มน้ำมันในอินโดนีเซียเพิ่มขึ้น 17.54 ล้านตันในปี 2008 ถึง 23.52 ล้านตันในปี 2555
[ 5 ] น้ำหนักแห้งของ efbs ประมาณ 8 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักแห้งของเอฟเอฟบี ( bunches ผลไม้สด ) [ 6 ]หรือ 39 % ของน้ำหนัก
ของน้ำมันปาล์มดิบที่ผลิต [ 7 ] และส่วนประกอบทางเคมีของ efbs เป็น 44.21 % เซลลูโลส hemicelluloses 16.68 และร้อยละ 35.51 %
ลิกนิน [ 8 ] เซลลูโลสเป็นองค์ประกอบสูงสุดของ efbs ที่สามารถแปลงเป็นเอทานอล