Our results regarding how many user

Our results regarding how many users are aware that they can change their privacy settings
compared to how many users actually have changed their privacy settings demonstrate that users
are knowledgeable about their options within Facebook, but have chosen not to use them. 84%
of participants reported that they are aware that they can change their privacy settings. Of those 84%, less than 48% have made use of the privacy settings. Figure 4 details the specific types of information that users restricted. Maybe users don’t see any issue with restricting who can see the information they post and are fine with the restrictions that are provided by default. Another conclusion could be that users aren’t aware of the risks of not protecting their personal information that they share. They are not fully educated about how easy it may be for a stalker to follow them or employer or parent to get a hold of what they and others post on their profile. Maybe they haven’t considered how information on their profile can be used against them. This idea is suggested by articles that report consequences of information being openly available on Facebook (Schweitzer 2005).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ผลของเราเกี่ยวกับจำนวนผู้ใช้มีความตระหนักว่า พวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ใช้จริงมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขาแสดงให้เห็นถึงการตั้งค่าผู้ใช้ที่มีความรู้เกี่ยวกับตัวเลือกภายใน Facebook แต่เลือกไม่ใช้พวกเขา 84%รายงานว่า พวกเขาจะตระหนักว่า พวกเขาสามารถเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของผู้เรียน ที่ 84% น้อยกว่า 48% ทำให้ใช้การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว รูปที่ 4 แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับชนิดของข้อมูลที่จำกัดผู้ใช้เฉพาะ บางทีผู้ใช้ไม่เห็นปัญหาใด ๆ กับการจำกัดที่สามารถดูข้อมูลที่ลงรายการบัญชี และจะปรับกับข้อจำกัดที่กำหนดไว้ตามค่าเริ่มต้น บทสรุปอีกอาจเป็นที่ผู้ใช้ไม่ทราบถึงความเสี่ยงของการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลที่พวกเขาไม่ พวกเขาจะไม่เต็มศึกษาเกี่ยวกับง่ายอาจสำหรับ stalker ตามนั้น หรือนายจ้าง หรือหลักจะได้รับถือของสิ่งนั้นและอื่น ๆ ลงในโปรไฟล์ของพวกเขา บางทีพวกเขาไม่ได้พิจารณาวิธีการใช้ข้อมูลบนส่วนกำหนดค่าของพวกเขากับพวกเขา ความคิดนี้จะแนะนำตามบทความที่รายงานผลของข้อมูลที่มีการใช้อย่างเปิดเผยใน Facebook (ชแวแซร์ 2005)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ผลของเราเกี่ยวกับจำนวนผู้ใช้ที่มีความตระหนักว่าพวกเขาสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของพวกเขาเมื่อเทียบกับจำนวนผู้ใช้จริงที่มีการเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าผู้ใช้มีความรู้เกี่ยวกับตัวเลือกของพวกเขาภายในFacebook แต่เลือกที่จะไม่ใช้พวกเขา 84% ของผู้เข้าร่วมรายงานว่าพวกเขาจะทราบว่าพวกเขาสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของพวกเขา ของคนเหล่านั้น 84% น้อยกว่า 48% ได้ทำให้การใช้การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว รูปที่ 4 รายละเอียดเฉพาะประเภทของข้อมูลที่ผู้ใช้งาน จำกัด ผู้ใช้อาจจะไม่เห็นปัญหาใด ๆ กับการ จำกัด ผู้ที่สามารถดูข้อมูลที่พวกเขาโพสต์และจะมีการปรับมีข้อ จำกัด ที่กำหนดไว้โดยค่าเริ่มต้น สรุปอีกประการหนึ่งอาจเป็นได้ว่าผู้ใช้จะไม่ตระหนักถึงความเสี่ยงจากการไม่ได้ปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขาที่พวกเขาร่วมกัน พวกเขาจะไม่ได้รับการศึกษาอย่างเต็มที่เกี่ยวกับวิธีการที่ง่ายก็อาจจะมีการยกร่างที่จะปฏิบัติตามพวกเขาหรือนายจ้างหรือผู้ปกครองจะได้รับถือของสิ่งที่พวกเขาและคนอื่น ๆ โพสต์ในรายละเอียดของพวกเขา บางทีพวกเขายังไม่ได้พิจารณาว่าข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดของพวกเขาสามารถนำมาใช้กับพวกเขา ความคิดนี้เป็นข้อเสนอแนะจากบทความที่รายงานผลกระทบของการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นที่มีอยู่บน Facebook (Schweitzer 2005)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ของเราผลเกี่ยวกับจํานวนผู้ใช้ทราบว่า พวกเขาสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของพวกเขา
เมื่อเทียบกับวิธีการหลายรายต้องเปลี่ยนการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวของพวกเขาแสดงให้เห็นว่าผู้ใช้
มีความรู้เกี่ยวกับตัวเลือกของพวกเขาใน Facebook แต่ก็เลือกที่จะไม่ใช้พวกเขา 84 %
ผู้รายงานว่าพวกเขาทราบว่า พวกเขาสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าความเป็นส่วนตัว ที่ 84 %48 % มีให้ใช้ การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว รูปที่ 4 แสดงรายละเอียดเฉพาะชนิดของข้อมูลที่ผู้ใช้จำกัด บางทีผู้ใช้ไม่พบปัญหาใด ๆ กับการ ที่สามารถดูข้อมูลที่พวกเขาโพสต์และโอเคกับข้อ จำกัด ที่ให้ไว้ โดยค่าเริ่มต้นสรุป อาจจะเป็นที่ผู้ใช้ไม่ตระหนักถึงความเสี่ยงของการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของพวกเขาที่พวกเขาแบ่งปัน พวกเขาจะไม่เต็มที่ศึกษาเกี่ยวกับวิธีง่ายมันอาจเป็นพวกโรคจิตตามพวกเขา หรือนายจ้าง หรือพ่อแม่จะได้รับถือของสิ่งที่พวกเขาและคนอื่น ๆโพสต์ในโปรไฟล์ของพวกเขา บางทีพวกเขาอาจจะไม่ได้พิจารณาว่าข้อมูลในโปรไฟล์ของพวกเขาสามารถใช้กับพวกเขาแนวคิดนี้เสนอโดยบทความที่รายงานผลของการเปิดเผยข้อมูลที่มีอยู่บน Facebook ( Schweitzer 2005 )