Some hypotheses and theories attemp

Some hypotheses and theories attempt to explain cogni- tive and motor performance for the dual-task paradigm. Dietrich proposed the transient hypofrontality hypothesis,9 which suggests that the cognitive functions associated with the frontal areas are impaired during physical exer- cise because the brain prioritizes motor control and the maintenance of vital functions (e.g., blood pressure and temperature control). In contrast, the bottleneck theory assumes that dual tasks are processed by the same neural networks, resulting in impaired execution of the second task.10 Indeed, Bloem et al. noted that young adults adopt a
‘‘posture first’’ strategy, in which they automatically prioritize motor tasks rather than cognitive tasks.11
Conversely, elderly subjects and neurological patients
(Alzheimer’s disease, Parkinson’s disease, and stroke patients) focus on the cognitive task when performing dual-tasks, thereby increasing the risk of falls.8

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สมมติฐานบางและทฤษฎีพยายามที่จะชี้แจงผลการ Cogni-tive และมอเตอร์สำหรับกระบวนทัศน์แบบ dual-task ทริชเสนอสมมติฐาน hypofrontality ชั่วคราว 9 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการทำงานขององค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ด้านหน้าที่มีการด้อยค่าในช่วง Cise exer ทางกายภาพเพราะสมองจัดลำดับการควบคุมมอเตอร์และการบำรุงรักษาของการทำงานที่สำคัญ (เช่นความดันโลหิตและการควบคุมอุณหภูมิ) ในทางตรงกันข้ามทฤษฎีคอขวดสมมติว่างานที่มีการประมวลผลแบบ dual โดยเครือข่ายประสาทเดียวกันส่งผลให้การดำเนินการด้อยค่าของสอง task.10 จริง Bloem et al, ตั้งข้อสังเกตว่าคนหนุ่มสาวนำมาใช้เป็นกลยุทธ์
'''' ท่าแรกที่พวกเขาโดยอัตโนมัติจัดลำดับความสำคัญงานมอเตอร์มากกว่าองค์ความรู้ tasks.11
ตรงกันข้ามวิชาผู้สูงอายุและผู้ป่วยทางระบบประสาท
(สมองเสื่อม, โรคพาร์กินสันและผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง) มุ่งเน้นไปที่งานองค์ความรู้เมื่อการปฏิบัติงานแบบ dual-จึงเพิ่มความเสี่ยงของการ falls.8

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บางสมมุติฐานและทฤษฎีพยายามอธิบาย cogni tive และมอเตอร์ประสิทธิภาพในกระบวนทัศน์สองงาน ดีทริชเสนอสมมติฐานชั่วคราว hypofrontality, 9 ที่แนะนำฟังก์ชันการรับรู้ที่สัมพันธ์กับพื้นที่หน้าผากที่พิการระหว่าง cise exer จริงเนื่องจากการจัดลำดับความสมองสำคัญควบคุมมอเตอร์และการบำรุงรักษาของฟังก์ชันสำคัญ (เช่น ความดันโลหิตและควบคุมอุณหภูมิ) ในทางตรงกันข้าม ทฤษฎีคอสันนิษฐานว่า สองงานจะประมวลผล โดยเครือเดียวกันประสาทข่าย ผลลัพธ์ในการดำเนินการพิการของ task.10 สองจริง ๆ al. Bloem ร้อยเอ็ดกล่าวว่า ผู้ใหญ่นำมาใช้กับ
'' ท่าแรก '' กลยุทธ์ ซึ่งพวกเขาโดยอัตโนมัติสำคัญงานมอเตอร์มากกว่ารับรู้ tasks.11
Conversely เรื่องผู้สูงอายุและผู้ป่วยระบบประสาท
(โรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน และผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง) เน้นงานรับรู้เมื่อทำงานคู่ จึงเพิ่มความเสี่ยงของ falls.8

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทฤษฎีและข้อสมมุติบางส่วนพยายามที่จะอธิบาย ประสิทธิภาพ cogni - เป็นหมู่คณะ.และมอเตอร์สำหรับกระบวนทัศน์ dual - งาน dietrich เสนอชั่วคราว hypofrontality hypothesis, 9 ซึ่งจะแนะนำว่าฟังก์ชั่นการทำงานการเรียนรู้ที่เกี่ยวข้องพร้อมด้วยพื้นที่ด้านหน้าที่มีระบบการได้ยินบกพร่องในระหว่างทาง กายภาพ exer - cise เพราะว่าสมองที่จะจัดลำดับความสำคัญการควบคุมมอเตอร์และการบำรุงรักษาที่สำคัญของการใช้งาน(เช่น:การควบคุม อุณหภูมิ และความดันโลหิต) ในทางตรงกันข้ามทฤษฎีอุปสรรคที่จะถือว่างานคู่จะได้รับการประมวลผลโดยเครือข่ายเกินเหมือนกันที่เป็นผลในการบังคับคดีที่สองสำหรับผู้มีสายตาผิดปกติของ task. 10 จริงๆแล้ว witte bloem et al .ระบุไว้ว่าผู้ใหญ่หนุ่มใช้
ซึ่งจะช่วย"ทุกท่วงท่าครั้งแรก"กลยุทธ์ที่งานมอเตอร์โดยอัตโนมัติจัดลำดับความสำคัญมากกว่าการเรียนรู้ tasks. 11
ในทางตรงกันข้ามวัตถุผู้สูงอายุและผู้ป่วยทางประสาท
(โรคสมองโรคพาร์กินสันและผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองแตก)ให้ความสำคัญกับงานการเรียนรู้ที่เมื่อการดำเนินการแบบ Dual - งานดังนั้นจึงช่วยเพิ่มความเสี่ยงของ falls. 8