The Concave cut is a three dimensio

The Concave cut is a three dimensional conical shaped facet applied to the pavilion of the gem that creates depth as well as length and breadth. Instead of the facets being joined by an angle they are joined with a groove. This third dimension allows the gem to refract more light, thereby maximizing its brilliance. The Concave cut also distributes light more evenly, giving the gem a homogeneous interior glow.
While it is sometimes confused with the Millennium cut it can be easily distinguished by the lack of a standard number of facets and its application only to the pavilion.
While Doug Hoffman patented Concave cut technology in the early 1990’s, his friend Richard Homer is credited as perfecting the technique of the Concave cut. While working towards a Geology Degree, Homer began cutting gems in 1974 to help pay his tuition. Since then, his designs have won 15 American Gem Trade Association (AGTA) Cutting Edge Awards.
Not all gems benefit from the Concave cut. Optimizing color and light is always the first consideration in cutting gems, and although Diamonds and lighter toned gems increase up to 100% in brilliance when Concave cut, darker gems like Rubies can appear murkier and less attractive. Another disadvantage of the Concave cut is that it is significantly more expensive than traditionally cut gems. This is due to the higher weight loss and the additional labor required.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ตัดเว้าเป็นสามมิติด้านรูปทรงกรวยนำไปใช้กับศาลาของอัญมณีที่จะสร้างความลึกเช่นเดียวกับความยาวและความกว้าง แทนที่จะเป็นแง่มุมที่ถูกเข้าร่วมโดยมุมที่พวกเขาจะร่วมกับร่อง มิติที่สามนี้ช่วยให้อัญมณีที่จะมีการหักเหแสงมากขึ้นซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถของตน ตัดเว้ายังกระจายแสงมากขึ้นอย่างเท่าเทียมกันให้อัญมณีเรืองแสงภายในเหมือนกัน.
ในขณะที่มันบางครั้งก็สับสนกับสหัสวรรษตัดมันจะประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดายโดยการขาดมาตรฐานของจำนวนของปัจจัยและการประยุกต์ใช้เฉพาะศาลา
ขณะที่ดั๊กฮอฟแมนจดสิทธิบัตรเว้าตัดเทคโนโลยีในช่วงต้นปี 1990, เพื่อนของเขาริชาร์ดโฮเมอร์เป็นเครดิตที่สมบูรณ์แบบเทคนิคของการตัดเว้าในขณะที่ทำงานต่อระดับปริญญาธรณีวิทยา, โฮเมอร์เริ่มอัญมณีตัดในปี 1974 ที่จะช่วยจ่ายค่าเล่าเรียนของเขา ตั้งแต่นั้นมาการออกแบบของเขาได้รับรางวัล 15 อัญมณีอเมริกันสมาคมการค้า (Agta) ตัดขอบรางวัล
ไม่ได้รับประโยชน์จากอัญมณีตัดเว้า การเพิ่มประสิทธิภาพของสีและแสงอยู่เสมอพิจารณาครั้งแรกในอัญมณีตัดและถึงแม้ว่าเพชรอัญมณีและเบากระชับเพิ่มขึ้นถึง 100% ในความฉลาดเมื่อเว้าตัดอัญมณีที่มีสีเข้มเช่นทับทิมสามารถปรากฏขุ่นมัวและน่าสนใจน้อยกว่า ข้อเสียของการตัดเว้าอีกอย่างก็คือว่ามันเป็นอย่างมีนัยสำคัญมีราคาแพงกว่าอัญมณีตัดแบบดั้งเดิม นี้เกิดจากการสูญเสียน้ำหนักที่สูงขึ้นและแรงงานเพิ่มเติมที่จำเป็น.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ตัดเว้าเป็นสามเป็นรูปทรงกรวยรูปพได้ใช้ศาลาของพลอยที่สร้างความลึกรวมทั้งความยาว และความกว้าง แทนที่เป็นแง่มุมที่ถูกเข้าร่วม โดยมุม พวกเขามีร่วมกับร่อง อัญมณีการ refract แสงมากขึ้น จึงช่วยเพิ่มความเป็นมิติที่สามนี้ได้ อาหารคอนเคฟตัดยังกระจายแสงขึ้นเสมอ ให้พลอยเป็นเหมือนภายในเรืองแสงได้
ขณะบางครั้งแตกสับสนกับตัดมิลเลนเนียมมันสามารถเดินต่างอย่างหลายแง่มุมและการประยุกต์เฉพาะกับเดอะพาวิลเลี่ยนมาตรฐานได้
ขณะ Doug แมน อาหารคอนเคฟจดสิทธิบัตรเทคโนโลยีใน 1990 เพื่อนของเขาริชาร์ดโฮเมอร์เครดิตเป็นเทคนิคของการอาหารคอนเคฟ perfecting ตัดตัด โฮเมอร์เริ่มตัดอัญมณีใน 1974 เพื่อช่วยจ่ายค่าเล่าเรียนของเขาในขณะที่ทำงานไปศึกษาธรณีวิทยา ตั้งแต่นั้น ออกแบบของเขาได้รับรางวัลตัดขอบอเมริกันอัญมณีค้าสมาคม (AGTA) 15
ไม่ได้ประโยชน์จากการตัดเว้า ปรับสีและแสงอยู่เสมอพิจารณาแรกในตัดอัญมณี และถึงแม้ว่าเพชรและไฟแช็ก เหลืองกระชับ อัญมณีเพิ่ม 100% ในความหมายอาหารคอนเคฟตัด เข้มอัญมณีเช่นทับทิมจะปรากฏ murkier และน้อยน่าสนใจ อีกข้อเสียของการตัดเว้าเป็นที่เป็นมากแพงกว่าอัญมณีซึ่งตัด นี้มีน้ำหนักสูงและแรงงานเพิ่มเติมที่ต้องการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ตัดส่วนเว้าที่เจียระไนแล้วเป็นสามมิติทรงกรวยรูปที่นำไปใช้กับ Pavilion ของอัญมณีที่จะสร้างความลึกและความยาวและความกว้าง แทนที่จะเป็นมุมมองที่เข้าร่วมโดยทำมุมที่จะเข้าร่วมกับร่องที่ ขนาดที่สามนี้ช่วยให้เครื่องประดับให้การหักของแสงไฟมากขึ้นซึ่งจะช่วยเพิ่มความสว่างสดใสของพื้นที่ ตัดส่วนเว้าที่ยังกระจายแสงได้มากอย่างทั่วถึงช่วยให้เป็นอัญมณีที่ ภายใน ห้องโดยสารเรืองแสงเป็นเนื้อเดียวกัน.
ในขณะที่บางครั้งก็เกิดความสับสนกับมิลเลเนียมที่ตัดเป็นความโดดเด่นสามารถเป็นได้อย่างง่ายดายโดยไม่มีหมายเลขมาตรฐานของหลายมุมมองทั้งแบบดั้งเดิมและแอปพลิเคชันของบริษัทเท่านั้นที่สามารถ Pavilion
ในขณะที่รองประธาน Doug Davis Hoffman Estates ซึ่งจดสิทธิบัตรแล้วส่วนเว้าตัดเทคโนโลยีในช่วงต้นปี 1990 ' sthe เพื่อนของเขาริชาร์ดดีเซลมีความสมบูรณ์แบบแห่งคำนวณเป็นเทคนิคการปรับลดเว้าในขณะที่การทำงานไปทางธรณีวิทยาที่ระดับราคาดีเซลเริ่มมีเครื่องประดับใน 1974 จะช่วยให้จ่ายค่าเล่าเรียนของเขา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาการออกแบบของเขาได้รับรางวัล 15 อเมริกันอัญมณีการค้าการเชื่อมโยง( agta )การตัดขอบรางวัล
ไม่ทั้งหมดอัญมณีได้รับประโยชน์จากการลดเว้า การปรับแต่งค่าสีสันและแสงสว่างอยู่เสมอพิจารณาครั้งแรกที่อยู่ในใบมีดอัญมณีและแม้ว่าเพชรและอัญมณีสีอ่อนน้ำหนักเบาเพิ่มขึ้นถึง 100% ในความสดใสเมื่อตัดส่วนเว้าอัญมณีสีเข้มขึ้นคล้ายกับเพชร murkier จะปรากฏขึ้นและไม่น่าดึงดูดใจ ข้อเสียอีกคนหนึ่งของการตัดที่ส่วนเว้าที่ว่ามันเป็นมากกว่านี้มากซึ่งมีราคาแพงกว่าอัญมณีตัดตามแบบดั้งเดิม โรงแรมแห่งนี้คือเนื่องจากการลดน้ำหนักที่สูงกว่าแรงงานและเพิ่มเติมที่ต้องใช้.