Aims and objectives To test the eff

Aims and objectives To test the effect of a Health Belief Model-based nursing intervention on healthcare outcomes in Chinese patients with moderate to severe COPD. Background The Health Belief Model ( HBM) has been internationally validated in a variety of chronic conditions. However, nursing intervention based on the HBM is less explored in Chinese patients with COPD. Design A randomised controlled trial. Methods Enrolled patients were randomly assigned to the intervention and control groups. Patients in the intervention group received a 20- to 30-minute HBM-based nursing intervention every 2 days during the hospitalisation period after disease conditions were stable, with additional follow-ups after discharge. Patients in the control group received routine nursing care. Results Patients had significantly increased scores of health belief and self-efficacy after receiving the HBM-based nursing intervention. After receiving the 3-month follow-up, patients in the intervention group had significantly higher mean total scores in the Health Belief Scale and the COPD Self-Efficacy Scale, as well as in all the subscales, than those in the control group except the perceived disease seriousness. Results showed that the value of FEV1/ FVC ratio had a significant difference between study groups before and after the intervention. Results also indicated that mean scores of the Dyspnea Scale, 6-minute walking distance and ADL were significantly different between the groups and between the study time-points. Conclusions Among patients with moderate to severe COPD, nursing intervention based on the HBM can enhance their health belief and self-efficacy towards the disease management, decrease dyspnoea and improve exercise tolerance and ADL. Relevance to clinical practice Nurses can use the HBM-based intervention to enhance patients' health belief and self-efficacy towards the management of COPD, and subsequently benefit healthcare outcomes

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จุดมุ่งหมายและวัตถุประสงค์ในการทดสอบผลของการแทรกแซงการพยาบาลตามรูปแบบความเชื่อด้านสุขภาพผลสุขภาพในผู้ป่วยจีนปานกลางถึงรุนแรงแอนเดอรส์ ตรวจโรงความเชื่อเบื้องหลังเดอะสุขภาพรุ่น (HBM) หลากหลายโรคเรื้อรังในระดับสากล อย่างไรก็ตาม พยาบาลตาม HBM แทรกแซงได้น้อยผู้ป่วยจีน explored ในกับแอนเดอรส์ ออกแบบ A randomised ทดลองควบคุม วิธี Enrolled ผู้ป่วยถูกสุ่มกำหนดกลุ่มแทรกแซงและควบคุม ผู้ป่วยในกลุ่มการจัดการรับการแทรกแซงของพยาบาลตาม HBM 20 - ไป 30 นาทีทุกวัน 2 ช่วง hospitalisation หลังจากสภาพโรคมีเสถียรภาพ กับติดตามเพิ่มเติมหลังจากปล่อย ผู้ป่วยในกลุ่มควบคุมได้รับการพยาบาลตามปกติ ผลลัพธ์ผู้ป่วยได้อย่างมีนัยสำคัญเพิ่มคะแนนความเชื่อสุขภาพและประสิทธิภาพตนเองหลังจากได้รับการแทรกแซงตาม HBM พยาบาล หลังจากได้รับการติดตามผล 3 เดือน ผู้ป่วยในกลุ่มการจัดการได้อย่างมีนัยสำคัญหมายถึงผลรวมคะแนน ในสเกลความเชื่อสุขภาพและระดับประสิทธิภาพตนเองแอนเดอรส์ รวม ทั้ง ใน subscales การทั้งหมด กว่าในกลุ่มควบคุมยกเว้นโรครับรู้ความรุนแรง ผลพบว่าค่า FEV1/ FVC อัตราส่วนมีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างกลุ่มศึกษาก่อน และ หลังการแทรกแซง ผลลัพธ์แสดงว่า คะแนนเฉลี่ย Dyspnea เดิน 6 นาที และ ADL แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ระหว่างกลุ่ม และ ระหว่างเวลาสถานศึกษา บทสรุประหว่างผู้ป่วยปานกลางถึงแอนเดอรส์รุนแรง การแทรกแซงตาม HBM พยาบาลสามารถเพิ่มความความเชื่อสุขภาพและประสิทธิภาพตนเองต่อการจัดการโรค ลด dyspnoea และปรับปรุงค่าเผื่อในการออกกำลังกายและ ADL เกี่ยวข้องกับคลินิกพยาบาลสามารถใช้การแทรกแซงตาม HBM เพื่อเพิ่มความเชื่อสุขภาพผู้ป่วยและตนเองประสิทธิภาพต่อการบริหารของแอนเดอรส์ และประโยชน์ต่อผลลัพธ์สุขภาพ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

จุดมุ่งหมายและวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบผลกระทบของความเชื่อด้านสุขภาพการพยาบาลรุ่นขึ้นอยู่กับผลการดูแลสุขภาพในผู้ป่วยที่จีนที่มีระดับปานกลางถึงรุนแรงปอดอุดกั้นเรื้อรัง ประวัติความเป็นมาความเชื่อด้านสุขภาพ (HBM) ได้รับการตรวจสอบในระดับนานาชาติในความหลากหลายของโรคเรื้อรัง อย่างไรก็ตามการพยาบาลขึ้นอยู่กับ HBM คือการสำรวจในผู้ป่วยน้อยกว่าจีนที่มีปอดอุดกั้นเรื้อรัง การออกแบบการทดลองควบคุมแบบสุ่ม วิธีการลงทะเบียนผู้ป่วยที่ได้รับการสุ่มการแทรกแซงและกลุ่มควบคุม ผู้ป่วยในกลุ่มทดลองที่ได้รับ 20 ถึง 30 นาทีการพยาบาล HBM ตามทุก 2 วันในช่วงระยะเวลารักษาในโรงพยาบาลหลังจากที่เงื่อนไขการเกิดโรคมีเสถียรภาพด้วยการติดตามเพิ่มเติมหลังจากที่ปล่อย ผู้ป่วยในกลุ่มควบคุมได้รับการพยาบาลตามปกติ ผลผู้ป่วยที่ได้คะแนนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของความเชื่อด้านสุขภาพและการรับรู้ความสามารถของตัวเองหลังจากที่ได้รับการพยาบาล HBM-based หลังจากที่ได้รับการติดตาม 3 เดือนผู้ป่วยในกลุ่มทดลองอย่างมีนัยสำคัญคะแนนรวมเฉลี่ยที่สูงขึ้นในความเชื่อชั่งสุขภาพและชั่งประสิทธิภาพตนเองปอดอุดกั้นเรื้อรัง, เช่นเดียวกับใน subscales ทั้งหมดกว่าผู้ที่อยู่ในกลุ่มควบคุมยกเว้น ความรุนแรงของโรคการรับรู้ ผลการศึกษาพบว่าค่าของ FEV 1อัตราส่วน / FVC มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่างกลุ่มการศึกษาก่อนและหลังการแทรกแซง ผลยังชี้ให้เห็นว่าคะแนนเฉลี่ยของ Dyspnea ชั่งสามารถเดิน 6 นาทีและ ADL อย่างมีนัยสำคัญที่แตกต่างกันระหว่างกลุ่มและระหว่างเวลาจุดศึกษา สรุปผลการวิจัยในบรรดาผู้ป่วยที่มีระดับปานกลางถึงรุนแรงปอดอุดกั้นเรื้อรัง, การพยาบาลขึ้นอยู่กับ HBM สามารถเพิ่มความเชื่อด้านสุขภาพของพวกเขาและการรับรู้ความสามารถตนเองที่มีต่อการจัดการโรคลดลงหายใจลำบากและปรับปรุงความทนทานต่อการออกกำลังกายและ ADL ความสัมพันธ์กันในการปฏิบัติทางคลินิกพยาบาลสามารถใช้การแทรกแซง HBM ที่ใช้ในการเสริมสร้างความเชื่อด้านสุขภาพของผู้ป่วยและการรับรู้ความสามารถตนเองที่มีต่อการบริหารงานของปอดอุดกั้นเรื้อรังและต่อมาได้รับประโยชน์ผลการดูแลสุขภาพ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

วัตถุประสงค์เพื่อทดสอบผลของการใช้แบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพ การพยาบาลต่อผลลัพธ์การดูแลสุขภาพในผู้ป่วย COPD จีนที่มีปานกลางถึงรุนแรง พื้นหลังรูปแบบความเชื่อด้านสุขภาพร่วมกับห์ได้รับในระดับสากลตรวจสอบในความหลากหลายของเงื่อนไขที่เรื้อรัง อย่างไรก็ตาม กิจกรรมการพยาบาลตามห์น้อยในผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังโดยจีน .แบบสุ่มทดลอง วิธีการเรียน การศึกษาครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อการ ทดลองและกลุ่มควบคุม ในผู้ป่วยกลุ่มที่ได้รับการพยาบาลตามห์ 20 - 30 นาที ทุกๆ 2 วัน ช่วงที่เข้าโรงพยาบาลหลังจากโรคเงื่อนไขเป็นมั่นคง กับเพิ่มเติมตาม UPS หลังจากที่ปล่อยผู้ป่วยกลุ่มควบคุมได้รับการพยาบาลตามปกติ ผู้ป่วยมีเพิ่มขึ้นผลคะแนนความเชื่อด้านสุขภาพ และการรับรู้ความสามารถของตนเอง หลังจากที่ได้รับห์การพยาบาลตาม หลังจากได้รับ 3 เดือน ติดตามผลผู้ป่วย ในกลุ่มทดลองมีคะแนนรวมในแบบแผนความเชื่อด้านสุขภาพและคุณภาพชีวิตของตนเอง แบบมาตราส่วนรวมทั้งในนั้นทั้งหมด สูงกว่ากลุ่มควบคุม นอกจากการรับรู้โรคอย่างจริงจัง ผลการศึกษาพบว่าค่าอัตรา < sub > 1 < / SUB / FVC มีอัตราส่วนความแตกต่างระหว่างกลุ่มศึกษา ก่อนและหลังการทดลอง พบว่าค่าเฉลี่ยของคะแนนอาการหายใจลำบากขนาด6 นาทีเดิน ADL แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญระหว่างกลุ่ม และระหว่างจุดการศึกษาเวลา บทสรุปของผู้ป่วยปอดอุดกั้นเรื้อรังปานกลางถึงรุนแรง การพยาบาลตามห์สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของความเชื่อด้านสุขภาพและการรับรู้ความสามารถของตนเองต่อการจัดการโรค ลดทำเป็นเล่น และปรับปรุงการออกกำลังกายและทำ .ความเกี่ยวข้องกับคลินิกพยาบาลสามารถใช้ห์ตามการแทรกแซงเพื่อเพิ่มความเชื่อด้านสุขภาพของผู้ป่วยและการรับรู้ความสามารถของตนเองต่อการจัดการของโรคและต่อมาได้รับประโยชน์ต่อสุขภาพ