Information on pitta breeding is ve

Information on pitta breeding is very poorly known, although some breeding information has been collected from
captive breeding (Erritzoe, 2004). Pittas are monogamous birds and are solitary breeders (in pairs and not in groups)
defending against intruders. The breeding season is generally timed with the onset of the rainy season, which coincides
with the increase abundance of arthropods. Rain also makes the soil soft and moist, bringing the earthworms, which
retreat deeper into the earth during the drier season up to the soil surface, where they are easily found by foraging birds.
Another reason for breeding during the rainy season is that because of the increase in rainfall, the vegetation gets lusher,
thus providing more cover for the nest and nestlings. However the blue-winged pitta in the northern states of the Malay
Peninsula such as Kedah, Perlis, and Penang has been observed to breed in fruit plantations during the months of May–
Aug. which is the dry season. These shy and elusive birds are ground nesters and are more easily observed during this
nesting period. It is thought that they migrate northwards into Thailand with their young after the breeding season, thus
explaining why not a single blue-winged pitta is observed or heard in Kedah, Penang and Perlis outside the nesting
months. During the period prior to nest-building, they can often be observed hopping all over the ground digging up
earthworms and catching other insects and invertebrates such as crickets, grasshoppers and even the occasional
centipede (Figs. 6, 7).
During nest-building period, blue-winged pittas are observed to build their nests of dried material and fine roots, which
they collect fervently (Erritzoe, 2004). Their nests are usually built right on the ground, or amongst low scrub and
undergrowth but have also been observed in birds nest ferns (Asplenium nidus) growing on the trunks and branches of
fruit trees. Their nests are rarely located high in the trees. Their nests are usually dome-shaped and sheltered with a front-facing entrance. Usually 3–4, lightly speckled eggs are laid per nest (Fig. 8), with the male and female birds
taking turns to incubate and tend to the eggs. When one parent sits is on the nest, the other is often found perching on a
nearby low branch keeping guard or is out foraging for food. The incubation period was approximated at 7–10 days
which is rather short, although Erritzoe (2004) reports incubation typically lasting 14–16 days in the blue-winged pitta,
and 15–16 days for the hooded pitta, after which dark brown chicks emerge (Fig. 9).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ข้อมูลเกี่ยวกับการเพาะพันธุ์นกเป็นที่รู้จักกันมากไม่ดีแม้ว่าข้อมูลบางพันธุ์ที่ได้รับการรวบรวมจากนักโทษพันธุ์
(erritzoe, 2004) pittas เป็นนกคู่สมรสและพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ที่โดดเดี่ยว (ในคู่และไม่ได้อยู่ในกลุ่ม)
ป้องกันการบุกรุก ฤดูผสมพันธุ์เป็นเวลาที่กำหนดโดยทั่วไปกับการโจมตีของฤดูฝนซึ่งสอดคล้อง
มีความอุดมสมบูรณ์เพิ่มขึ้นจากรพฝนยังทำให้ดินอ่อนนุ่มและชุ่มชื้นนำไส้เดือนซึ่งหนี
ลึกเข้าไปในแผ่นดินในช่วงฤดู​​แห้งถึงผิวดินที่พวกเขาจะพบได้อย่างง่ายดายโดยนกหาอาหาร.
เหตุผลสำหรับการผสมพันธุ์ในช่วงฤดู​​ฝนก็คือว่า เนื่องจากการเพิ่มขึ้นในปริมาณน้ำฝนที่พืชได้รับ Lusher
จึงให้ครอบคลุมมากขึ้นสำหรับรังและรังแต่นกสีฟ้ามีปีกในรัฐทางตอนเหนือของคาบสมุทรมาเลย์
เช่นไทรบุรีปะลิสและปีนังได้รับการสังเกตเห็นว่าสายพันธุ์ในสวนผลไม้ในช่วงเดือนพฤษภาคม-
สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงฤดู​​แล้ง เหล่านกขี้อายและเข้าใจยากมีรั้วรอบขอบชิดพื้นดินและมีการตั้งข้อสังเกตได้ง่ายขึ้นในช่วงระยะเวลานี้ทำรัง
มันเป็นความคิดที่พวกเขาย้ายไปทางเหนือเข้ามาในประเทศไทยกับหนุ่มหลังจากฤดูผสมพันธุ์ของพวกเขาจึง
อธิบายว่าทำไมไม่ได้นกสีฟ้ามีปีกเดียวเป็นที่สังเกตหรือได้ยินในไทรบุรีและปีนัง Perlis นอกเดือน
รัง ในช่วงระยะเวลาก่อนที่จะมีการสร้างรังที่พวกเขามักจะสามารถสังเกตกระโดดทั่วพื้นดินที่ขุดขึ้น
ไส้เดือนและจับแมลงอื่น ๆ และสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเช่นจิ้งหรีดตั๊กแตนและแม้กระทั่งบางครั้ง
ตะขาบ (รูปที่ 6, 7).
ในช่วงรังอาคาร pittas สีฟ้ามีปีกตั้งข้อสังเกตในการสร้างรังของพวกเขาของวัสดุที่แห้งและรากดี ซึ่งพวกเขาเก็บรวบรวม
รุนแรง (erritzoe, 2004) รังของพวกเขามักจะสร้างขวาบนพื้นดินหรือในหมู่ขัดต่ำและ
พง แต่ก็ยังคงถูกพบในนกทำรังเฟิร์น (asplenium nidus) ที่เจริญเติบโตบนลำต้นและกิ่งก้านของต้นไม้ผลไม้
รังของพวกเขาจะไม่ค่อยสูงตั้งอยู่ในต้นไม้ รังของพวกเขามักจะมีรูปโดมที่กำบังและมีประตูทางเข้าด้านหน้า มักจะ 3-4 จุดด่างดำไข่เบา ๆ จะวางต่อรัง (รูปที่ 8) กับนกชายและหญิง
ผลัดกันไปฟักไข่และมีแนวโน้มที่จะไข่ เมื่อแม่หนึ่งนั่งอยู่บนรังอื่น ๆ ที่มักจะพบเกาะอยู่บน
ต่ำสาขาที่ใกล้เคียงการรักษาความปลอดภัยหรือมีการออกหาอาหารสำหรับอาหาร ระยะเวลาการบ่มที่ถูกประมาณ 7-10 วัน
ซึ่งเป็นค่อนข้างสั้นแม้ว่า erritzoe (2004) รายงานการบ่มเพาะเป็นเวลานานมักจะ 14-16 ในวันที่ฟ้ามีปีกนกและ
15-16 วันสำหรับนกที่คลุมด้วยผ้า,หลังจากที่ลูกไก่สีน้ำตาลเข้มโผล่ออกมา (รูปที่ 9)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ข้อมูลเกี่ยวกับนกแต้วแร้วพันธุ์เป็นที่รู้จักมากไม่ดีกัน แม้ว่าบางข้อมูลพันธุ์รวบรวมจาก
ภายในกิจการและปรับปรุงพันธุ์ (Erritzoe, 2004) Pittas นกเว้น และ บรีดเดอร์สปัจเจก (เป็นคู่ และไม่อยู่ ในกลุ่ม)
ป้องกันรุก โดยทั่วไปคือเวลาฤดูกาลผสมพันธุ์กับของฝน ซึ่งกรุณา
กับมาย arthropods เพิ่ม ฝนยังทำให้ดินอ่อนนุ่ม และชุ่ม ชื่น นำไส้เดือน ซึ่ง
ถอยลึกลงในดินในระหว่างฤดูกาลแห้งถึงผิวดิน ที่พวกเขาจะได้พบ โดยอกนก.
จะผสมพันธุ์ในช่วงฤดูฝนอีกเหตุผลว่า เนื่องจากการเพิ่มขึ้นปริมาณน้ำฝน พรรณนาได้ lusher,
จึง ให้ครอบคลุมเพิ่มเติมรังและ nestlings อย่างไรก็ตามนกแต้วแร้วปีกสีฟ้าในอเมริกาเหนือของมลายู
คาบสมุทรเช่นเคดาห์ ลาเปอร์ลิส และปีนังได้ถูกสังเกตขุนในสวนผลไม้ในช่วงเดือน May–
ส.ค.ซึ่งเป็นฤดูแล้ง นกเหล่านี้ขี้อาย และเปรียวเป็น nesters พื้น และพบได้ง่ายในช่วงนี้
ระยะซ้อน มันเป็นความคิดที่ จะโยกย้าย northwards ในไทยกับหนุ่มของพวกเขาหลังจากฤดูผสมพันธุ์ ดัง
อธิบายทำไมไม่มีนกแต้วแร้วปีกสีฟ้าเดียวอยู่สังเกต หรือกลางกรุงเทพในเคดาห์ ปีนัง และเปอร์ลิสนอกในเนสติ้ง
เดือน ในช่วงเวลาก่อนที่จะสร้างรัง พวกเขามักจะสังเกตได้จากไปทั่วพื้นดินที่ขุดขึ้น
ไส้เดือนและจับแมลงและ invertebrates เช่นจิ้งหรีด grasshoppers และตามแม้ในโอกาสอื่น ๆ
ตะขาบ (Figs. 6, 7) .
ในระหว่างรอบระยะเวลาการสร้างรัง สังเกตปีกสีฟ้า pittas ไปสร้างรังของพวกเขาของวัสดุแห้งและรากดี ซึ่ง
จะเก็บ fervently (Erritzoe, 2004) รังของมันมักจะสร้างขึ้น บนพื้นดิน หรือใน หมู่ขัดผิวต่ำ และ
undergrowth แต่ยังได้พบในนกรังเฟิร์น (ข้าหลวงหลังลาย) เติบโตในกางเกงและสาขา
ผลไม้ต้นไม้ รังของมันไม่ค่อยอยู่ในต้นไม้ รังของมันมัก รูปโดม และกำบัง ด้วยเข้าหันหน้าไปทางด้านหน้า ปกติ 3-4 เหตุเบา ๆ ไข่จะวางต่อรัง (Fig. 8), กับนกชาย และหญิง
การเปิด การฟักไข่มัก เมื่อแม่หนึ่งอยู่บนรัง อื่น ๆ มักจะพบ perching ในการ
ต่ำรักษาเจ้าหน้าที่สาขาใกล้เคียง หรือมาจับเหยื่อของอาหาร ระยะฟักตัวเลียนแบบที่วัน 7–10
ซึ่งจะค่อนข้างสั้น แม้ว่า Erritzoe (2004) รายงานคณะทันตแพทยศาสตร์โดยทั่วไปยาวนานวันนกแต้วแร้วปีกสีฟ้า 14–16
15–16 วันนกแต้วแร้วหมวกขาว และ หลังจากลูกไก่สีน้ำตาลเข้มออก (Fig. 9)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ข้อมูลเกี่ยวกับการผสมพันธุ์ pitta แม้ว่าจะเป็นที่รู้จักกันในชื่อข้อมูลบางพันธุ์มีการเก็บรวบรวมข้อมูลจาก
ยึดเพาะพันธุ์( erritzoe 2004 )เป็นอย่างมากได้อย่างมี ประสิทธิภาพ pittas มีนกซึ่งมีคู่สมรสคนเดียวและเป็นคนเดียวที่นักปรับปรุงพันธุ์(เป็นคู่และไม่ได้อยู่ในกลุ่ม)
ปกป้องจากผู้บุกรุก ช่วงฤดูผสมพันธุ์จะหมดระยะเวลาแล้วพร้อมด้วยจุดเริ่มต้นของช่วงฤดูฝนซึ่งเข้ากันอย่างแนบแน่น
ซึ่งจะช่วยเพิ่มขึ้นพร้อมด้วยความหลากหลายของ arthropods โดยทั่วไปฝนตกยังทำให้ดินที่นุ่มและน้ำบิดพอหมาดนำไส้เดือนซึ่ง
ซึ่งจะช่วยการพักผ่อนลึกลงไปในดินในระหว่างช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่เป่าผมได้ถึงผิวดินที่พวกเขาถูกพบว่านกเดินเปะปะได้อย่างง่ายดาย.
เหตุผลอื่นสำหรับการผสมพันธุ์ในช่วงฤดูฝนที่มีว่าเป็นเพราะฝนตกชุกเพิ่มขึ้นในพันธุ์ไม้ที่ได้รับ lusher
จึงให้ครอบคลุมมากขึ้นสำหรับ nestlings และรังแต่ถึงอย่างไรก็ตาม pitta สีฟ้า - ปีกในรัฐทางตอนเหนือของชาวมาเลย์
Peninsula เช่นไทรบุรีปะลิสรัฐปีนังและได้รับการปฏิบัติในการเพาะพันธุ์ในไร่ผลไม้ในระหว่างเดือน พฤษภาคม - สิงหาคม
ซึ่งเป็นช่วงฤดูแล้งได้ นกขี้อายและยากเหล่านี้มี nesters ล่างและมีมากกว่าสังเกตเห็นได้ง่ายในระหว่างช่วงเวลานี้การซ้อน
มันเป็นความคิดที่จะปรับเปลี่ยนตรงไปทางด้านทิศเหนือในประเทศไทยพร้อมด้วยหนุ่มของเขาหลังจากช่วงฤดูผสมพันธุ์จึง
ซึ่งจะช่วยอธิบายว่าทำไมไม่ pitta เดี่ยวสีฟ้า - ปีกคู่ที่พบว่ามีหรือได้ยินเสียงในไทรบุรีปะลิสและรัฐปีนังทางด้านนอกเดือนซ้อน
ซึ่งจะช่วยได้ ในระหว่างที่อยู่ในระยะเวลาก่อนที่จะรัง - เป็นอาคารที่สามารถสังเกตแบบตื่นตาตื่นใจทั้งหมดมากกว่าดินที่ขุดขึ้นมามักจะ
ไส้เดือนและจับ ELEPHANT CONSERVATION AND PROTECTED AREA MANAGMENT และแมลงอื่นๆเช่นรับชมเสียงจิ้งหรีดฝูงๆฝูงและแม้ว่าจะได้เป็นบางครั้งบางคราว
ตะขาบ(มะเดื่อ. 6 , 7 )..
ในระหว่างช่วงเวลารัง - อาคาร pittas สีฟ้า - ปีกมีการปฏิบัติในการสร้างรังของพวกมันแห้งวัสดุเชื่อมต่อในชั้นดีและรากซึ่ง
ซึ่งจะช่วยเขาไปรับแรงกล้า( erritzoe 2004 ) รังของเขาได้ถูกสร้างขึ้นมาอยู่บนดินหรือต่ำในป่าละเมาะและ
ตามมาตรฐานโดยปกติแล้วพงแต่มีการตั้งข้อสังเกตว่าในต้นเฟิร์นรังนกยัง( nidus Asplenium australasicum )ขึ้นอยู่บนกิ่งและลำต้นของต้น
ผลไม้ รังของพวกมันแทบจะไม่ตั้งอยู่ในต้นไม้ โดยปกติแล้วรังของพวกมันเป็นรูปโค้งและตั้งอยู่พร้อมด้วยทางเข้าด้านหน้า - หันหน้าเข้าหาที่ โดยปกติแล้ว 3-4 3-4 3-4 เบาๆไข่ลายจุดมีการวางต่อรัง(รูปที่ 8 )พร้อมด้วยตัวผู้และตัวเมียนก
ตามมาตรฐานได้การเปิดการอบและมีแนวโน้มที่จะไข่ เมื่อหนึ่งแม่ตั้งอยู่ในรังที่อื่นๆที่พบได้ในยาม perching
ซึ่งจะช่วยรักษาไว้ซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงต่ำหรือสาขาที่มีออกมาเดินเปะปะสำหรับอาหาร แสดงระยะฟักตัวอยู่โดยที่ 7-10 7-10 7-10 วัน
ซึ่งเป็นระยะสั้นมากแม้ว่า erritzoe ( 2004 )รายงานแสดงระยะฟักตัวโดยปกติแล้วใช้งานได้ยาวนาน 14-16 14-16 14-16 วันใน pitta สีฟ้า - ปีก
และ 15-16 15-16 15-16 วันสำหรับ pitta มีหลังคาที่หลังจากที่ลูกไก่เนื้อสีเข้มสีน้ำตาลออก(รูปที่ 9 )