The Western Pennsylvania Conservanc

The Western Pennsylvania Conservancy conducted an intensive program to preserve and restore Fallingwater. From 1988, a New York City-based architecture and engineering firm was responsible for the materials conservation of Fallingwater. During this time the firm reviewed original construction documents and subsequent repair reports, evaluated conditions and problems, analyzed select materials, designed the re-roofing and re-waterproofing of roofs and terraces, specified the restoration for original steel casement windows and doors, reconstructed failed concrete reconstructions, restored the masonry, analyzed interior paint finishes, specified interior paint removal methods and re-painting, designed repair methods for concrete and stucco, and developed a new coating system for the concrete.

Given the humid environment directly over running water, mold had proven to be a problem. The elder Kaufmann called Fallingwater "a seven-bucket building" for its leaks, and nicknamed it "Rising Mildew".[27] Condensation under roofing membranes was also an issue, due to the lack of damp proofing or thermal breaks.[28]

Fallingwater's structural system includes a series of very bold reinforced concrete cantilevered balconies which had problems from the beginning. Pronounced deflection of the concrete cantilevers was noticed as soon as formwork was removed at the construction stage. This deflection continued to increase over time, and eventually reached 7 inches (over a 15-foot span).


Miniature replica of the Fallingwater building at MRRV, Carnegie Science Center in Pittsburgh
In 1995, the Western Pennsylvania Conservancy commissioned a study of Fallingwater’s structural integrity. Structural engineers analyzed the movement of the cantilevers over time and conducted radar studies of the cantilevers to locate and quantify the reinforcement. These showed that the contractor had indeed added reinforcement over Wright's plan; nevertheless, the cantilevers were still insufficiently reinforced. An architecture firm was hired to fix the problem.[29] Both the concrete and its steel reinforcement were close to their failure limits. As a result, in 1997, temporary girders were installed beneath the cantilevers to carry their weight.[30]

In 2002, the structure was repaired permanently using post-tensioning. The living room's flagstone floor's blocks were individually tagged and removed. Blocks were joined to the concrete cantilever beams and floor joists, high-strength steel cables were fed through the blocks and exterior concrete walls, and then the cables were tightened using jacks. The floors and walls were then restored, leaving Fallingwater’s interior and exterior appearance unchanged. The cantilevers now had sufficient support, and the deflection stopped.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

The Western Pennsylvania Conservancy conducted an intensive program to preserve and restore Fallingwater. From 1988, a New York City-based architecture and engineering firm was responsible for the materials conservation of Fallingwater. During this time the firm reviewed original construction documents and subsequent repair reports, evaluated conditions and problems, analyzed select materials, designed the re-roofing and re-waterproofing of roofs and terraces, specified the restoration for original steel casement windows and doors, reconstructed failed concrete reconstructions, restored the masonry, analyzed interior paint finishes, specified interior paint removal methods and re-painting, designed repair methods for concrete and stucco, and developed a new coating system for the concrete.Given the humid environment directly over running water, mold had proven to be a problem. The elder Kaufmann called Fallingwater "a seven-bucket building" for its leaks, and nicknamed it "Rising Mildew".[27] Condensation under roofing membranes was also an issue, due to the lack of damp proofing or thermal breaks.[28]Fallingwater's structural system includes a series of very bold reinforced concrete cantilevered balconies which had problems from the beginning. Pronounced deflection of the concrete cantilevers was noticed as soon as formwork was removed at the construction stage. This deflection continued to increase over time, and eventually reached 7 inches (over a 15-foot span).แบบจำลองขนาดเล็กของฟอลลิงวอเทอร์ที่ MRRV แฟคในพิตส์เบิร์กใน 1995, Conservancy เพนซิลวาเนียตะวันตกมอบหมายอำนาจหน้าที่ของการศึกษาความสมบูรณ์ของโครงสร้างของฟอลลิงวอเทอร์ วิศวกรโครงสร้างวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของ cantilevers ที่ช่วงเวลา และดำเนินการศึกษาเรดาร์ของ cantilevers เพื่อค้นหา และกำหนดปริมาณเหล็กเสริมที่ เหล่านี้แสดงให้เห็นว่า ผู้รับเหมาได้เพิ่มเสริมแน่นอนผ่านแผนของไรท์ อย่างไรก็ตาม cantilevers ได้ยังคง insufficiently เสริมการ บริษัทสถาปัตยกรรมถูกว่าจ้างเพื่อแก้ไขปัญหา [29] ทั้งคอนกรีตและเสริมเหล็กของใกล้กับขีดจำกัดของพวกเขาล้มเหลว ดังนั้น ในปี 1997, girders ชั่วคราวติดตั้งใต้ cantilevers เพื่อน้ำหนักของพวกเขา [30]ใน 2002 โครงสร้างได้ซ่อมแซมอย่างถาวรโดยใช้หลังปรับความตึง แต่ละบล็อกของห้อง flagstone ชั้นถูกแท็ก และลบออกไป บล็อกถูกรวมเข้ากับคานคอนกรีต cantilever และชั้น joists สายเหล็กกำลังสูงถูกป้อนผ่านบล็อกและผนังคอนกรีตภายนอก แล้ว สายถูกทำให้รัดกุมโดยใช้หัวต่อ พื้นและผนังแล้วคืนค่า ออกจากลักษณะภายใน และภายนอกของฟอลลิงวอเทอร์เปลี่ยนแปลง Cantilevers ขณะนี้มีการสนับสนุนเพียงพอ และ deflection ที่หยุด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เวสเทิร์เพนซิลธรรมชาติดำเนินการหลักสูตรเร่งรัดที่จะรักษาและเรียกคืน Fallingwater จากปี 1988 นิวยอร์กสถาปัตยกรรมเมือง-based และ บริษัท วิศวกรรมเป็นผู้รับผิดชอบในการอนุรักษ์วัสดุ Fallingwater ในช่วงเวลานี้ บริษัท รับการตรวจสอบเอกสารการก่อสร้างเดิมและรายงานการซ่อมแซมภายหลังการประเมินสภาพและปัญหาการวิเคราะห์วัสดุที่เลือกได้รับการออกแบบใหม่หลังคาและป้องกันการรั่วซึมอีกครั้งของหลังคาและระเบียงที่ระบุการฟื้นฟูเหล็กเดิมบานหน้าต่างและประตูที่สร้างขึ้นใหม่ล้มเหลว ไทปันคอนกรีตบูรณะก่ออิฐวิเคราะห์เสร็จสิ้นสีภายในที่ระบุวิธีการกำจัดสีภายในและอีกภาพวาดวิธีการออกแบบซ่อมแซมคอนกรีตและปูนปั้นและพัฒนาระบบเคลือบใหม่สำหรับคอนกรีต. ได้รับสภาพแวดล้อมที่ชื้นโดยตรงผ่านการใช้น้ำแม่พิมพ์ ได้พิสูจน์แล้วว่าเป็นปัญหา พี่ Kaufmann เรียก Fallingwater "อาคารเจ็ดถัง" สำหรับการรั่วไหลของตนและชื่อเล่นว่า "Rising โรคราน้ำค้าง". [27] การควบแน่นภายใต้เยื่อหุ้มหลังคายังเป็นปัญหาเนื่องจากการขาดการตรวจสอบที่ชื้นหรือหยุดพักร้อน. [28] ระบบโครงสร้าง Fallingwater รวมถึงชุดของตัวหนามากระเบียงแพร่งเสริมคอนกรีตที่มีปัญหาจากจุดเริ่มต้น โก่งเด่นชัดของ cantilevers คอนกรีตก็สังเกตเห็นเร็วที่สุดเท่าที่หล่อจะถูกลบออกในขั้นตอนการก่อสร้าง โก่งนี้ยังคงเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาและในที่สุดก็ถึง 7 นิ้ว (มากกว่าช่วง 15 ฟุต). จำลองขนาดเล็กของอาคาร Fallingwater ที่ MRRV คาร์เนกีศูนย์วิทยาศาสตร์ในพิตส์เบิร์กในปี1995 เวสเทิร์เพนซิลธรรมชาติหน้าที่การศึกษาของความสมบูรณ์ของโครงสร้าง Fallingwater ของ . วิศวกรโครงสร้างการวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของ cantilevers เมื่อเวลาผ่านไปและดำเนินการศึกษาเรดาร์ของ cantilevers เพื่อค้นหาและปริมาณการเสริมแรง เหล่านี้แสดงให้เห็นว่าผู้รับเหมาที่ได้เพิ่มการสนับสนุนแน่นอนกว่าแผนของไรท์; แต่ cantilevers ยังคงได้รับการเสริมไม่เพียงพอ บริษัท สถาปัตยกรรมได้รับการว่าจ้างในการแก้ไขปัญหา. [29] ทั้งคอนกรีตและเหล็กเสริมที่ได้ใกล้เคียงกับข้อ จำกัด ของพวกเขาล้มเหลว เป็นผลให้ในปี 1997 คานชั่วคราวมีการติดตั้งใต้ cantilevers เพื่อดำเนินน้ำหนักของพวกเขา. [30] ในปี 2002 โครงสร้างได้รับการซ่อมแซมอย่างถาวรโดยใช้โพสต์ดึง ห้องนั่งเล่นของกระเบื้องปูพื้นชั้นของตึกถูกแท็กเป็นรายบุคคลและลบออก บล็อกได้เข้าร่วมในการคานคานคอนกรีตและไม้ชั้นความแข็งแรงสูงสายเหล็กถูกป้อนผ่านบล็อกและผนังคอนกรีตภายนอกและจากนั้นสายที่ถูกทำให้รัดกุมโดยใช้แจ็ค พื้นและผนังถูกเรียกคืนจากนั้นออกจาก Fallingwater ของภายในและภายนอกลักษณะไม่เปลี่ยนแปลง cantilevers ในขณะนี้ได้รับการสนับสนุนที่เพียงพอและการโก่งหยุด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โดยอนุรักษ์เพนซิลวาเนียตะวันตกดำเนินการโปรแกรมเร่งรัดเพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูวัฒนธรรมเคลต์ . จาก 1988 , บริษัท สถาปัตยกรรมและวิศวกรรมตามนิวยอร์กรับผิดชอบวัสดุเพื่อการอนุรักษ์ของวัฒนธรรมเคลต์ . ในช่วงเวลานี้ บริษัท ตรวจสอบเอกสารต้นฉบับและรายงานการซ่อมภายหลัง ประเมินสภาพและปัญหา วิเคราะห์ เลือกวัสดุออกแบบเป็นหลังคาและป้องกันการรั่วซึมของหลังคาและระเบียง ระบุ การฟื้นฟูหน้าต่างบานเดิม และสร้างประตูเหล็ก , คอนกรีตก่ออิฐ ล้มเหลว การสร้างใหม่ , บูรณะ , วิเคราะห์ระบายสีเสร็จ ภายใน ระบุ สีภายในการกำจัดวิธีการและภาพวาดจะออกแบบวิธีการซ่อมแซมคอนกรีต และปูนปั้นและพัฒนาระบบเคลือบใหม่สำหรับคอนกรีต .

ได้รับสภาพแวดล้อมที่ชื้นโดยตรงผ่านน้ำไหล , แม่พิมพ์ได้พิสูจน์แล้วจะเป็นปัญหา ผู้อาวุโสที่สุดเรียกว่าวัฒนธรรมเคลต์ " เจ็ดถังอาคารของการรั่วไหล และมีชื่อเล่นว่า " ขึ้นเป็น " [ 27 ] หยดน้ำใต้หลังคาแผ่นยังเป็นปัญหา เนื่องจากการขาดความชื้นพิสูจน์อักษรหรือหยุดพักร้อน [ 28 ]

ฟอลลิงวอเทอร์เป็นโครงสร้างของระบบประกอบด้วยชุดของตัวหนามากคอนกรีตเสริมเหล็ก cantilevered ระเบียงซึ่งมีปัญหาตั้งแต่เริ่มต้น การออกเสียงของ cantilevers คอนกรีตถูกสังเกตได้เร็วแบบหล่อถูกลบออกในขั้นตอนการก่อสร้าง มุมนี้ยังคงเพิ่มขึ้นตลอดเวลา และในที่สุดถึง 7 นิ้ว ( มากกว่า 15 ฟุต (

)แบบจำลองขนาดเล็กของวัฒนธรรมเคลต์ที่ mrrv อาคารศูนย์วิทยาศาสตร์ Carnegie ในพิตต์สเบิร์ก
ใน 1995 , อนุรักษ์เพนซิลวาเนียตะวันตกมอบหมายการศึกษาวัฒนธรรมเคลต์ของโครงสร้างความสมบูรณ์ของ วิศวกรโครงสร้างวิเคราะห์การเคลื่อนไหวของ cantilevers ตลอดเวลา และใช้เรดาร์การศึกษา cantilevers เพื่อค้นหาและหากำลังเสริมเหล่านี้พบว่า ผู้รับเหมาได้เสริมเพิ่มแน่นอนกว่าไรท์แผน ; อย่างไรก็ตาม , cantilevers ยังไม่ช่วย บริษัทสถาปนิกถูกจ้างเพื่อแก้ไขปัญหา [ 29 ] ทั้งคอนกรีตและเหล็กเสริมของใกล้ขีดจำกัดความล้มเหลวของพวกเขา เป็นผลให้ในปี 1997 คานชั่วคราวถูกติดตั้งอยู่ใต้ cantilevers แบกน้ำหนักของพวกเขา . [ 30 ]

ในปี 2002 โครงสร้างถูกซ่อมแซมอย่างถาวรโดยใช้โพสต์ tensioning . ห้องนั่งเล่นของกระเบื้องปูพื้นพื้นบล็อกแต่ละแท็กและลบออก บล็อกกับคานคอนกรีตสะพาน และ joists , สายเหล็กความแข็งแรงสูงถูกป้อนผ่านบล็อกและผนังคอนกรีตภายนอก แล้ว สายยังแน่นใช้แจ๊ค พื้นและผนังนั้นกลับคืนมาทิ้งวัฒนธรรมเคลต์ของตกแต่งภายในและภายนอกลักษณะไม่เปลี่ยนแปลง ที่ cantilevers ตอนนี้ได้สนับสนุนที่เพียงพอ และการหยุด .