In a speech at the University of Zu

In a speech at the University of Zurich on 19 September 1946, Sir Winston Churchill called for a "kind of United States of Europe" and for the creation of a Council of Europe.[6][7] He had spoken of a Council of Europe as early as 1943 in a radio broadcast
The future structure of the Council of Europe was discussed at a specific congress of several hundred leading politicians, government representatives and civil society in The Hague, Netherlands, in 1948. There were two schools of thought competing: some favoured a classical international organization with representatives of governments, while others preferred a political forum with parliamentarians. Both approaches were finally combined through the creation of the Committee of Ministers and the Parliamentary Assembly under the Statute of the Council of Europe. This dual intergovernmental and inter-parliamentary structure was later copied for the European Communities, North Atlantic Treaty Organization and the Organization for Security and Co-operation in Europe.
The Council of Europe was founded on 5 May 1949 by the Treaty of London. The Treaty of London or the Statute of the Council of Europe was signed in London on that day by ten states: Belgium, Denmark, France, Ireland, Italy, Luxembourg, the Netherlands, Norway, Sweden and the United Kingdom. Many other states followed, especially after the democratic transitions in central and eastern Europe during the early 1990s, and the Council of Europe now includes all European states except Belarus,[9] Kazakhstan,[9] Vatican City[10] and the European states with limited recognition such as the Nagorno-Karabakh Republic, Abkhazia, South Ossetia, Northern Cyprus, Transnistria, and Kosovo.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในคำพูดที่มหาวิทยาลัยซูริคที่ 19 กันยายน 1946 เซอร์วินสตันเชอร์ชิลเรียก "ชนิดของสหรัฐยุโรป" และการสร้างสภายุโรป. [6] [7] เขาได้พูดถึงสภา ยุโรปเป็นช่วงต้น 1943 ในวิทยุออกอากาศ
โครงสร้างอนาคตของสภายุโรปถูกกล่าวถึงในสภาคองเกรสที่เฉพาะเจาะจงของหลายร้อยนักการเมืองชั้นนำตัวแทนรัฐบาลและภาคประชาสังคมในกรุงเฮกประเทศเนเธอร์แลนด์ในปี 1948 มีอยู่สองโรงเรียนแห่งความคิดการแข่งขัน : บางคนได้รับการสนับสนุนองค์กรระหว่างประเทศที่คลาสสิกกับตัวแทนของรัฐบาลขณะที่คนอื่นแนะนำฟอรั่มทางการเมืองกับสมาชิกรัฐสภา วิธีการทั้งสองมารวมกันในที่สุดก็ผ่านการสร้างของคณะกรรมการของรัฐมนตรีและสมัชชารัฐสภาภายใต้ธรรมนูญของสภายุโรป คู่นี้โครงสร้างระหว่างรัฐบาลและระหว่างรัฐสภาถูกคัดลอกในภายหลังสำหรับยุโรปชุมชนองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือและองค์การเพื่อความมั่นคงและความร่วมมือในยุโรป.
สภายุโรปก่อตั้งเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 1949 โดยสนธิสัญญาลอนดอน สนธิสัญญาลอนดอนหรือธรรมนูญของสภายุโรปได้ลงนามในกรุงลอนดอนในวันนั้นโดยสิบรัฐ: เบลเยียม, เดนมาร์ก, ฝรั่งเศส, ไอร์แลนด์, อิตาลี, ลักเซมเบิร์ก, เนเธอร์แลนด์, นอร์เวย์, สวีเดนและสหราชอาณาจักร รัฐอื่น ๆ อีกมากมายตามมาโดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่มีการเปลี่ยนผ่านประชาธิปไตยในภาคกลางและภาคตะวันออกของยุโรปในช่วงต้นปี 1990 และสภายุโรปขณะนี้รวมถึงยุโรปอเมริกาทั้งหมดยกเว้นเบลารุส [9] คาซัคสถาน, [9] นครวาติกัน [10] และยุโรปอเมริกา มีอยู่อย่าง จำกัด เช่นคาราบาคห์สาธารณรัฐ Abkhazia, เซาท์ออสซีเชีย, ไซปรัสเหนือ Transnistria และโคโซโว

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ในสุนทรพจน์ที่มหาวิทยาลัยซูริค 19 กันยายน 1946 , Sir Winston Churchill เรียก " ชนิดของสหรัฐอเมริกา ยุโรป และมีการก่อตั้งสภายุโรป . [ 6 ] [ 7 ] พระองค์ตรัสสภายุโรปเร็ว 1943 ในวิทยุกระจายเสียงโครงสร้างสภายุโรปในอนาคตได้ถูกกล่าวถึงในการประชุมเฉพาะของหลายร้อยนำนักการเมือง รัฐบาล และตัวแทนภาคประชาสังคม ในกรุงเฮก ประเทศเนเธอร์แลนด์ ในปี 1948 มี สอง โรงเรียนแห่งความคิด : บางองค์กรนานาชาติการแข่งขันที่ชื่นชอบคลาสสิกกับตัวแทนของรัฐบาล ในขณะที่คนอื่นต้องการเวทีการเมือง สมาชิกรัฐสภา . ทั้งสองวิธี ได้รวม ผ่านการสร้างของคณะกรรมการ ของรัฐมนตรี และการประชุมรัฐสภาภายใต้ธรรมนูญแห่งสภายุโรป นี้คู่ระหว่าง อินเตอร์ และโครงสร้างของรัฐสภาภายหลังถูกคัดลอกสำหรับประชาชนในชุมชน องค์กร และองค์กรเพื่อความมั่นคงและร่วมมือในยุโรปสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือสภายุโรป ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2492 โดยสนธิสัญญาแห่งลอนดอน สนธิสัญญาแห่งลอนดอนหรือธรรมนูญสภายุโรปได้ลงนามในลอนดอนในวันที่สิบรัฐเบลเยี่ยม เดนมาร์ก ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ อิตาลี ลักเซมเบิร์ก เนเธอร์แลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน และสหราชอาณาจักร รัฐอื่น ๆอีกมากมายตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากประชาธิปไตย การเปลี่ยนแปลงในกลางและยุโรปตะวันออกในช่วงต้นทศวรรษ 1990 และสภายุโรปในขณะนี้ รวมถึงยุโรปอเมริกายกเว้นเบลารุส , [ 9 ] คาซัคสถาน , [ 9 ] [ 10 ] และนครรัฐวาติกันรัฐยุโรป ด้วยการรับรู้จำกัดเช่นนากอร์โน คาราบักห์สาธารณรัฐ Abkhazia เซาท์ออสซีเชีย , , ภาคเหนือของไซปรัส Transnistria และโคโซโว .