Pluralist theory is based on a libe

Pluralist theory is based on a liberal conception of interests which equates people's interests with expressed preferences. That is, pluralists argue that people's interests are what they say they are, And the nature of these interests may be inferred through observation of political action and inaction. This conception of interests poses at least two difficulties. First, occasions arise when people appear to act or not act in a way which is against their interests. An example taken from the community power literature, would be retailers who fail to oppose urban redevelopment plans that would put them out of business (Polsby, 1980, p. 226). In a case such as this it could be argued that the retailers' real interests were not reflected in their political behaviour. Even more problematic is the second objection to the liberal conception of interests, namely that it does not admit the possibility that a false consensus may exist. in other words, if interests are equated with expressed preferences and a consensus exists, then the assumption must be that the consensus is genuine. Writers who find this conception of interests untenable have sought ways of distinguishing subjective interests from objective or real interests. As a consequence

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทฤษฎี pluralist ยึดตามคิดเสรีคอยซึ่งเท่าสนใจประชาชนกำหนดลักษณะการแสดง นั่นคือ pluralists โต้แย้งว่า ประชาชนสนใจสิ่งที่พวกเขาบอกว่า เขาเป็น และลักษณะของสถานที่เหล่านี้อาจสรุปผ่านการสังเกตการดำเนินการทางการเมืองและ inaction ความคิดนี้น่าสนใจซึ่งทำให้เกิดความยากลำบากน้อยสอง ครั้งแรก โอกาสเกิดเมื่อคนจะ ทำ หรือไม่ทำสิ่งใดที่มีความสนใจ ตัวอย่างที่นำมาจากเอกสารประกอบการใช้พลังงานชุมชน จะเป็นร้านค้าปลีกที่ไม่ได้ต่อต้านแผนพัฒนาเมืองขื้นใหม่ที่จะทำให้พวกเขาออกจากธุรกิจ (Polsby, 1980, p. 226) ในกรณีเช่นนี้ มันอาจจะโต้เถียงว่า สถานที่จริงของร้านค้าปลีกได้ไม่มีผลกับพฤติกรรมทางการเมืองของพวกเขา ยิ่งมีปัญหาเป็นมรดกความคิดเสรีนิยมคอย ที่สองคือว่า มันยอมรับมติเท็จอาจมีความไม่ ในคำอื่น ๆ ถ้าสนใจมี equated กับแสดงลักษณะ และฉันทามติ สมมติฐานต้อง เป็นที่ ช่วยให้ได้ของแท้ นักเขียนที่ค้นหาความคิดนี้น่าสนใจ untenable ได้ค้นหาวิธีแยกความแตกต่างสนใจตามอัตวิสัยจากวัตถุประสงค์หรือผลประโยชน์ที่แท้จริง ผล

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทฤษฎีพหุนิยมจะขึ้นอยู่กับความคิดเสรีนิยมของผลประโยชน์ซึ่งเท่ากับความสนใจของผู้คนมีการตั้งค่าแสดง นั่นคือ pluralists ยืนยันว่าผลประโยชน์ของประชาชนเป็นสิ่งที่พวกเขากล่าวว่าพวกเขาและลักษณะของผลประโยชน์เหล่านี้อาจจะสรุปได้ผ่านการสังเกตของการดำเนินการทางการเมืองและเฉย ความคิดที่น่าสนใจนี้ poses อย่างน้อยสองปัญหา ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อครั้งที่ผู้คนดูเหมือนจะทำหน้าที่หรือไม่ทำหน้าที่ในทางที่ผิดความสนใจของพวกเขา ตัวอย่างที่นำมาจากชุมชนวรรณกรรมอำนาจจะเป็นร้านค้าปลีกที่ล้มเหลวในการคัดค้านแผนป็นเมืองที่จะนำพวกเขาออกจากธุรกิจ (Polsby, 1980, น. 226) ในกรณีเช่นนี้ก็อาจจะแย้งว่าร้านค้าปลีกที่สนใจจริงไม่ได้สะท้อนให้เห็นในพฤติกรรมทางการเมืองของพวกเขา แม้จะมีปัญหามากขึ้นเป็นที่สองที่จะคัดค้านความคิดเสรีนิยมที่น่าสนใจคือว่ามันไม่ได้ยอมรับว่าเป็นไปได้ว่ามติที่ผิดพลาดอาจมีอยู่ ในคำอื่น ๆ ถ้าผลประโยชน์จะถูกบรรจุด้วยการตั้งค่าการแสดงและฉันทามติที่มีอยู่แล้วสมมติฐานที่จะต้องมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าเป็นของแท้ นักเขียนที่พบความคิดของผลประโยชน์ไม่สามารถป้องกันได้นี้ได้ขอวิธีที่น่าสนใจและแตกต่างจากอัตนัยวัตถุประสงค์หรือผลประโยชน์ที่แท้จริง เป็นผลให้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทฤษฎี pluralist อยู่บนพื้นฐานของความคิดเสรีนิยมของผลประโยชน์ที่เป็นคนแสดงความสนใจด้วยการตั้งค่า นั่นคือ pluralists โต้เถียงว่า ความสนใจของผู้คนมีสิ่งที่พวกเขากล่าวว่า พวกเขาถูก และธรรมชาติของผลประโยชน์เหล่านี้อาจจะได้ผ่านการสังเกตของปฏิบัติการทางการเมือง และไม่ . นี้ความคิดของผลประโยชน์ poses อย่างน้อยสองปัญหา ครั้งแรกโอกาสเกิดขึ้นเมื่อคนปรากฏที่จะกระทำหรือไม่กระทำในทางที่ขัดขวางผลประโยชน์ของพวกเขา ตัวอย่างถ่ายจากชุมชน อำนาจวรรณกรรม จะเป็นร้านค้าปลีกที่ล้มเหลวในการคัดค้านแผนพัฒนาเมืองนั้นจะทำให้พวกเขาออกจากธุรกิจ ( polsby , 1980 , หน้า 226 )ในกรณีเช่นนี้มันอาจจะแย้งว่าผลประโยชน์ที่แท้จริงของร้านค้าปลีก ' ไม่ได้สะท้อนให้เห็นในพฤติกรรมทางการเมืองของพวกเขา แม้มีปัญหาเป็นโจทย์ที่สองความคิดเสรีนิยมของผลประโยชน์ คือว่ามันไม่ได้ยอมรับความเป็นไปได้ว่าฉันทามติเท็จอาจมีอยู่ ในคำอื่น ๆถ้าสนใจจะ equated กับแสดงความชอบและฉันทามติมีอยู่งั้นสมมติฐานต้องเป็นฉันทามติคือของแท้ นักเขียนที่พบนี้ความคิดของผลประโยชน์ไม่ได้ขอวิธีแยกแยะผลประโยชน์ส่วนตัวจากวัตถุประสงค์หรือผลประโยชน์ที่แท้จริง ผลที่ตามมา