Extending the Natural Gas Trading M

Extending the Natural Gas Trading Model
In the mid-1990s, Enron began extending its gas trading model to other markets. It sought markets with certain characteristics: the markets were frag- mented, with complex distribution systems, the commodity was fungible, and pricing was opaque. Markets identified as targets included electric power, coal, steel, paper and pulp, water and broadband cable capacity. Enron’s model was to acquire physical capacity in each market and then leverage that investment through the creation of more flexible pricing structures for market participants, using financial derivatives as a way of managing risks. Enron argued that the systems and expertise it had acquired in gas trading could be leveraged to the new markets. The trading model therefore was touted as a way for Enron to continue to grow spectacularly as it diversified from a pure energy firm into a broad-based financial services company.
The first market to be developed was electric power. To implement its model in this market, Enron had to figure out how to ensure that it could meet commit- ments to provide power in peak periods. Unlike natural gas, electricity cannot be stored to satisfy peak demand, leading to even higher price volatility than in the gas market. Enron responded to this challenge by constructing “peaking plants” de- signed to meet short-term peaks in demand.
Enron had some successes in applying the gas bank trading model to electric- ity, but the viability of the model for some of the other products selected for expansion was uncertain. Would the additional contractual flexibility offered by Enron in the gas and electricity markets be as popular in the new markets? Further, each new market posed unique challenges. For example, while customers could not distinguish differences in the sources of gas or electricity, they cared about and could observe changes in water quality. The challenges of selling long-term con- tracts for broadband cable access included the use of unproven and nonstandard- ized technology, difficulties in extending fiber optic networks over the “last mile” into buildings and excess capacity. Finally, even if Enron was successful in creating these new markets, it was unclear whether early rents could be sustained given potential competition in each market.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ก๊าซธรรมชาติการค้ารูปแบบขยายในในกลางทศวรรษที่ 1990, Enron เริ่มขยายก๊าซการค้ารูปแบบการตลาดอื่น ๆ มันขอตลาด มีลักษณะบางอย่าง: ตลาดถูก frag-mented มีระบบซับซ้อนจำหน่าย สินค้าที่ซื้อขายถูก fungible และราคาทึบแสง ตลาดที่เป็นเป้าหมายรวมไฟฟ้า ถ่านหิน เหล็ก กระดาษ และเยื่อกระดาษ น้ำ และกำลังการผลิตสายเคเบิลความเร็วสูง แบบจำลองของ Enron คือการ ได้รับกำลังการผลิตจริงในแต่ละตลาด และใช้ประโยชน์จากการลงทุนผ่านการสร้างโครงสร้างการกำหนดราคาความยืดหยุ่นสำหรับผู้เรียนการตลาด การใช้อนุพันธ์ทางการเงินเป็นวิธีการจัดการความเสี่ยงแล้ว Enron โต้เถียงว่า ระบบและความเชี่ยวชาญจะได้รับในการซื้อขายก๊าซสามารถมี leveraged การตลาดใหม่ แบบซื้อขายจึงได้ touted เป็นวิธีสำหรับ Enron ยังคงเติบโตภาพมันมีความหลากหลายจากพลังงานบริสุทธิ์ของบริษัทเป็นบริษัทหลากหลายบริการทางการเงินตลาดแรกเพื่อพัฒนาพลังงานไฟฟ้าได้ การใช้รูปแบบของในตลาดนี้ Enron ได้หาวิธีเพื่อให้แน่ใจว่า สามารถตอบสนอง ments ยอมให้พลังงานในช่วงระยะเวลา ซึ่งแตกต่างจากก๊าซธรรมชาติ ไม่เก็บไฟฟ้าเพื่อตอบสนองความต้องการสูงสุด นำไปสูงราคาผันผวนกว่าในตลาดก๊าซ Enron ตอบรับความท้าทายนี้ โดยสร้าง "พืชชุก" เด-เซ็นยอดระยะสั้นความต้องการEnron มีบางความสำเร็จในการใช้แก๊สธนาคารค้ารุ่นการไฟฟ้า-ity แต่ชีวิตของรุ่นของผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่เลือกสำหรับการขยายตัวได้ไม่แน่นอน ยืดหยุ่นตามสัญญาเพิ่มเติมจาก Enron ในตลาดก๊าซและไฟฟ้าจะได้รับความนิยมในตลาดใหม่ เพิ่มเติม แต่ละตลาดใหม่เกิดความท้าทายที่ไม่ซ้ำกัน ตัวอย่าง ในขณะที่ลูกค้าสามารถแยกความแตกต่างในแหล่งมาของก๊าซหรือไฟฟ้า พวกเขาห่วง และสามารถสังเกตการเปลี่ยนแปลงคุณภาพน้ำ ของขายรามิดคอนระยะยาวสำหรับการเข้าถึงบรอดแบนด์สายรวมใช้ unproven และเกือบ ized เทคโนโลยี ความยากลำบากในการขยายเส้นใยเครือข่ายใยแก้วนำแสงเหนือ "ไมล์สุดท้าย" เข้าไปในอาคารและกำลังการผลิตส่วนเกิน สุดท้าย แม้ว่า Enron ได้ประสบความสำเร็จในการสร้างตลาดใหม่เหล่านี้ ได้ชัดเจนว่าไม่ยั่งยืนค่าเช่าช่วงให้มีศักยภาพแข่งขันในแต่ละตลาด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การขยายการซื้อขายก๊าซธรรมชาติแบบ
ในกลางปี 1990 Enron เริ่มขยายรูปแบบการซื้อขายก๊าซไปยังตลาดอื่น ๆ มันแสวงหาตลาดที่มีลักษณะบางอย่าง : ตลาดถูกงับ - mented ด้วยระบบการกระจายซับซ้อน สินค้ายังพออ้างได้ และราคาที่เป็นสีขาวขุ่น ตลาดระบุว่าเป็นเป้าหมาย ได้แก่ ไฟฟ้า ถ่านหิน เหล็ก กระดาษ และเยื่อกระดาษความจุน้ำและบรอดแบนด์เคเบิล Enron เป็นแบบจำลองที่จะได้รับทางกายภาพ ความจุในแต่ละตลาด และยกระดับการลงทุนโดยการสร้างโครงสร้างราคาที่ยืดหยุ่นมากขึ้นสำหรับผู้เข้าร่วมตลาด การใช้อนุพันธ์ทางการเงินเป็นวิธีจัดการความเสี่ยง รอนเถียงว่าระบบและความเชี่ยวชาญจะได้รับในการซื้อขายก๊าซสามารถ leveraged เพื่อการตลาดใหม่รูปแบบการซื้อขายจึงเป็น touted เป็นวิธีสำหรับรอนจะยังคงเติบโตงดงามเหมือนที่หลากหลายจาก บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ เป็นบริษัทที่ให้บริการทางการเงินตาม
ตลาดแรกจะพัฒนาเป็นพลังงานไฟฟ้า การใช้แบบจำลองในตลาดนี้ รอนต้องคิดออกว่าเพื่อให้แน่ใจว่า มันสามารถตอบสนองยอมรับ - ments เพื่อให้พลังงานในช่วงเวลาสูงสุด แตกต่างจากก๊าซธรรมชาติไฟฟ้าจะถูกเก็บไว้เพื่อตอบสนองความต้องการสูงสุด ทำให้เกิดความผันผวนของราคาที่สูงกว่าในตลาดก๊าซ รอนตอบความท้าทายนี้โดยการสร้าง " แฮ่ก " เดอ - เซ็นเจอพีคระยะสั้นในความต้องการ มีความสำเร็จในการใช้
เอนธนาคารซื้อขายก๊าซแบบไฟฟ้า - ityแต่ชีวิตของรูปแบบบางผลิตภัณฑ์อื่น ๆเลือกสำหรับการขยายตัวที่ไม่แน่นอน คงความยืดหยุ่นสัญญาเพิ่มเติมที่นำเสนอโดย Enron ในตลาดก๊าซและไฟฟ้าจะเป็นที่นิยมในตลาดใหม่ เพิ่มเติมในแต่ละตลาดใหม่ที่เกิดความท้าทายที่ไม่ซ้ำกัน ตัวอย่างเช่น ในขณะที่ลูกค้าสามารถแยกแยะความแตกต่างในแหล่งที่มาของก๊าซหรือไฟฟ้าพวกเขาดูแลเกี่ยวกับและสามารถสังเกตการเปลี่ยนแปลงคุณภาพน้ำ ความท้าทายของการขายระยะยาว con - สถานที่สำหรับการเข้าถึงเคเบิลบรอดแบนด์รวมใช้ unproven และไม่ - ized เทคโนโลยี ปัญหาในการขยายเครือข่ายใยแก้วนำแสงผ่าน " ไมล์ล่าสุด " เป็นอาคารและกำลังการผลิตส่วนเกิน สุดท้าย ถ้ารอนประสบความสำเร็จในการสร้างตลาดใหม่เหล่านี้มันก็ชัดเจนว่าต้นค่าเช่าอาจจะยั่งยืนให้ศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลก