Each of us as individuals enters in

Each of us as individuals enters into numerous financial transactions every day. Most of these transactions come easily -- we don't even think about the purchase of most goods -- no detailed cost/benefit analysis of the benefit derived from the expenditure is required. For example, when our automobile needs gasoline, we stop at the service station, pump our own gas and pay for it.

At the same time, we realize there are certain financial transactions that require much more study, analysis, and shopping around; i.e., automobiles, homes, and college degrees. Certainly we make a distinction in our thought process for those goods and services that take a significantly larger portion of our income.

Economists distinguish between consumption goods and investment goods. A lay definition of a consumption good is a good that is "used up" when it has been consumed -- the hamburger we buy and eat at McDonald's; the gas we put in our car. When it's gone, it's gone.

In contrast, an investment good is a good that we consume and derive "utility" from on multiple occasions over time; i.e., our home, our automobiles, even the latest laptop or iPhone -- we purchase the good today but it has a useful life of a few or even many years.

Clearly, some goods have characteristics of being both consumption goods and investment goods. Education, and specifically higher education, has characteristics of being a consumption good and an investment good. When I decide to attend the local university, I am purchasing an investment good -- I am spending a lot of money (unless I happen to be on either a merit-based or need-based scholarship). The education I receive over time will pay dividends and provide benefits to me for many years into the future. Economic analysis shows that those who have a college degree will, in general, earn a greater lifetime income than those with less education. In fact, in recent economic times with significantly historically high unemployment rates, economists have shown the unemployment rate for those with a high school degree to be double than those with a college degree. In addition, it is often argued that those with a college degree tend to reap non-quantifiable benefits throughout their lifetime as a result of their education -- healthier lifestyles, lower medical cost, greater utility from the consumption of the arts, etc.

At the same time, while we are purchasing higher education, there are consumption "benefits" that accrue to us -- the joy of an outstanding lecture, the thrill of watching our basketball team beat our archrival, a night of partying after a mid-term exam, the individual we meet who later becomes our spouse, providing us years and years of happiness (maybe I am getting a little carried away), etc. Still, while some consume higher education because of the instant gratification or utility received from attending college as a general premise, economists would argue that the consumption benefit of a college degree is outweighed by the long-term benefit we receive.

Economic literature on human capital also makes a strong case that the consumption of higher education by one individual increases the utility of others in society.

If as a result of my obtaining a college degree I earn more income throughout my lifetime, I will pay more in state, local and federal income taxes that can be used to provide health care, shelter, and parks to a broader population, hence increasing the utility of those consumers.

If as a result of my acquisition of a college degree I follow a healthy lifestyle, I am, in a sense, reducing health insurance costs, not just for me, but for society.

If as a result of my additional income that I earn (as a result of a college degree) I am more philanthropic; again, a broader set of individuals in society benefit.

If I gain a skill set from my higher education that ensures me a higher probability of being employed and thus have less need for public assistance, society in general is better off.

Well, you get the picture!

Higher education is a consumption good with benefits, not only to the consumer but society as a whole and, perhaps more importantly for the individual consumer, it's an investment with a great rate of return

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เราเป็นรายบุคคลแต่ละคนป้อนเป็นธุรกรรมทางการเงินมากมายทุกวัน ส่วนใหญ่ของธุรกรรมเหล่านี้มาได้อย่างง่ายดาย - เราไม่ได้คิดเกี่ยวกับการซื้อสินค้ามากที่สุด - ไม่มีรายละเอียดการวิเคราะห์ต้นทุน/ผลประโยชน์ประโยชน์จากรายจ่ายที่จำเป็น ตัวอย่าง เมื่อรถยนต์ของเราต้องเบนซิน เราหยุดที่สถานีบริการ ปั๊มแก๊สของเราเอง และจ่ายให้

ในเวลาเดียวกัน เรารู้ว่า มีบางธุรกรรมทางการเงินที่ต้องการมากศึกษา วิเคราะห์ และใส เช่น รถยนต์ บ้าน และเพศ แน่นอนเราให้มีความแตกต่างในกระบวนการคิดของเราสำหรับสินค้าและบริการที่ใช้เวลาส่วนใหญ่อย่างมีนัยสำคัญของรายได้ของเรา

นักเศรษฐศาสตร์แยกความแตกต่างระหว่างการใช้สินค้าและการลงทุนสินค้า วางข้อกำหนดของปริมาณการใช้ที่ดีมีดีที่ "ใช้ค่า" เมื่อถูกใช้ - แฮมเบอร์เกอร์ที่เราซื้อ และกินที่ McDonald's ก๊าซที่เราใส่ในรถของเรา เมื่อมันไป มันไป

ตรงกันข้าม การลงทุนที่ดีจะดีที่เราใช้ และได้รับ "อรรถประโยชน์" จากหลายครั้งเวลา เช่น บ้านเรา รถยนต์ของเรา แม้ล่าสุดหรือแล็ปท็อป iPhone - เราซื้อดีวันนี้ แต่มีอายุการใช้งานของบาง หรือแม้กระทั่งหลายปี

ชัดเจน สินค้าบางอย่างมีลักษณะของปริมาณการใช้สินค้าและสินค้าที่ลงทุน การศึกษา และโดยเฉพาะระดับอุดมศึกษา มีลักษณะของการบริโภคที่ดีและการลงทุนที่ดี เมื่อฉันตัดสินใจที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยท้องถิ่น ผมกำลังซื้อลงทุนดี - ฉันกำลังใช้จ่ายเงินเป็นจำนวนมาก (ยกเว้นว่าฉันเกิดเป็นอย่างใดอย่างหนึ่ง ตามบุญ หรือต้องใช้ทุน) การศึกษาที่ฉันได้รับเวลาจะจ่ายเงินปันผล และมีประโยชน์กับผมหลายปีในอนาคต เศรษฐกิจวิเคราะห์แสดงว่า ผู้ที่ได้ปริญญาวิทยาลัยจะ ทั่วไป รับรายได้มากขึ้นอายุการใช้งานมากกว่าผู้มีการศึกษาน้อย ในความเป็นจริง ในครั้งล่าสุดทางเศรษฐกิจด้วยอัตราการว่างงานสูงอย่างมีนัยสำคัญประวัติ นักเศรษฐศาสตร์ได้แสดงอัตราการว่างงานสำหรับผู้ที่มีระดับมัธยมเป็นคู่มากกว่าผู้ที่มีปริญญาวิทยาลัย นอกจากนี้ มันมักจะโต้เถียงว่า ผู้ที่ มีปริญญาวิทยาลัยมักจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ไม่ใช่วัดปริมาณได้ตลอดอายุการใช้งานของพวกเขาจากการศึกษา - วิถีชีวิตที่มีสุขภาพดี แพทย์ต่ำกว่าต้น ทุน โปรแกรมอรรถประโยชน์มากขึ้นจากการใช้งานของศิลปะ ฯลฯ

ในเวลาเดียวกัน ในขณะที่เราจะซื้อศึกษา มีการใช้ "ประโยชน์" ที่รับรู้กับเรา - ความสุขของการบรรยายดีเด่น, ความตื่นเต้นของการดูทีมบาสเกตบอลที่ชนะ archrival ของเรา คืนท่านได้พบหลังจากการสอบระยะกลาง บุคคลที่เราพบที่ภายหลังกลายเป็นคู่สมรสของเรา ให้เราปีและปีของความสุข (บางทีที่ฉันได้รับน้อยเพลิน) เป็นต้น ยังคง ในขณะที่บางส่วนใช้ศึกษา เพราะทันทีพึงพอใจหรืออรรถประโยชน์ที่ได้รับจากการเข้าร่วมวิทยาลัยเป็นรื่นรมย์ทั่วไป นักเศรษฐศาสตร์จะโต้แย้งว่า การใช้ประโยชน์ของระดับวิทยาลัยเป็น outweighed โดยเราได้รับประโยชน์ระยะยาวการ

วรรณคดีเศรษฐกิจในทุนมนุษย์ยังทำให้แข็งแรงกรณีที่ศึกษาโดยบุคคลหนึ่งเป็นปริมาณการใช้เพิ่มอรรถประโยชน์ของผู้อื่นในสังคม

ถ้าเป็นผลของฉันรับปริญญาวิทยาลัย ได้รับรายได้ตลอดชีวิตของฉัน, จะจ่ายภาษีรายได้รัฐ ท้องถิ่น และรัฐบาลกลางที่สามารถใช้เพื่อให้การดูแลสุขภาพ พักอาศัย และสวนประชากรกว้างขึ้น ดังนั้น การเพิ่มอรรถประโยชน์ของผู้บริโภค อื่น ๆ

ถ้าเป็นผล ของระดับวิทยาลัยของฉันซื้อ ฉันติดตามสุขภาพ ฉัน ในความรู้สึก ลดต้นทุนการประกันสุขภาพ ไม่เพียงแต่สำหรับฉันแต่สังคม

ถ้าเป็นผล กำไรขาดทุนของฉันเพิ่มเติมที่ได้รับ (จากระดับวิทยาลัย) ฉันมาก philanthropic อีก ชุดกว้างขึ้นของบุคคลในสังคมสวัสดิการ

ถ้าฉันได้รับทักษะจากของฉันศึกษา ที่ใจฉันความสูงของการจ้างงานจึง มีน้อยต้องการความช่วยเหลือประชาชน สังคมโดยทั่วไปเป็น off. ดีกว่า

ดี คุณได้รับรูปภาพ!

ศึกษาปริมาณการใช้ที่ดี มีประโยชน์ ไม่เพียงแต่ให้ผู้บริโภคแต่สังคม และ ทีสำคัญผู้บริโภคแต่ละราย เป็นการลงทุนกับอัตราผลตอบแทนดี

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เราแต่ละคนเป็นบุคคลเข้าสู่การทำธุรกรรมทางการเงินมากมายทุกวัน ส่วนใหญ่ของรายการเหล่านี้มาได้อย่างง่ายดาย . . . เราไม่ได้คิดเกี่ยวกับการซื้อสินค้ามากที่สุดคือ . . . ไม่มีรายละเอียดการวิเคราะห์ต้นทุนผลประโยชน์ของประโยชน์ที่ได้จากการใช้จ่ายที่ถูกต้อง ตัวอย่างเช่น เมื่อรถยนต์ต้องการน้ำมัน เราหยุดที่สถานีบริการปั๊มแก๊สของเราเองและจ่ายสำหรับมัน .

ในเวลาเดียวกัน เรารู้ว่ามีบางธุรกรรมทางการเงินที่ต้องศึกษามากขึ้น การวิเคราะห์ และช้อปปิ้งรอบ เช่น รถยนต์ บ้าน และองศาวิทยาลัย แน่นอนเราจะให้ความแตกต่างในกระบวนการคิดของเรา สำหรับสินค้าและบริการ ที่ใช้เวลาส่วนใหญ่มีขนาดใหญ่ของรายได้ของเรา

นักเศรษฐศาสตร์แยกแยะระหว่างการบริโภคสินค้าและการลงทุนในสินค้าเอานิยามของการเป็นดีนั่นคือ " ใช้ " เมื่อมันถูกใช้ -- แฮมเบอร์เกอร์เราซื้อและกินแมคโดนัลด์ ; แก๊สที่เราใส่ในรถของเรา เมื่อมันจากไป มันจะหายไป

ส่วนการลงทุนที่ดีคือ ดีที่เรากิน และสืบทอด " ประโยชน์ " จากในหลายโอกาสตลอดเวลา เช่น บ้าน ของเรา ของเรา รถยนต์แม้ล่าสุดแล็ปท็อปหรือ iPhone . . . เราซื้อที่ดีในวันนี้ แต่มันเป็นชีวิตที่มีประโยชน์ไม่กี่หรือแม้กระทั่งหลายปี

อย่างชัดเจน สินค้าบางอย่างมีลักษณะเป็นทั้งการบริโภคสินค้า และสินค้าทุน และการศึกษา โดยเฉพาะระดับอุดมศึกษา มีลักษณะเป็นการบริโภคและการลงทุนที่ดี เมื่อฉันตัดสินใจที่จะเข้ามหาวิทยาลัยท้องถิ่นผมซื้อการลงทุนที่ดี . . ฉันใช้จ่ายมากของเงิน ( เว้นแต่ฉันเกิดในบุญ หรือต้องใช้ทุนอยู่ ) การศึกษาที่ฉันได้รับมากกว่าเวลาจะจ่ายเงินปันผล และให้ประโยชน์กับผมเป็นเวลาหลายปีในอนาคต การวิเคราะห์ทางเศรษฐศาสตร์ พบว่า ผู้ที่มีระดับวิทยาลัยจะได้รับมากขึ้นในทั่วไป , ชีวิตรายได้มากกว่าผู้ที่มีการศึกษาน้อยในความเป็นจริงในเวลาที่เศรษฐกิจล่าสุดกับสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อัตราการว่างงาน , นักเศรษฐศาสตร์แสดงอัตราการว่างงานสำหรับผู้ที่มีระดับโรงเรียนสูงเป็นสองเท่ามากกว่าผู้ที่มีปริญญาวิทยาลัย นอกจากนี้มันมักจะเป็นที่ถกเถียงกันว่า ผู้ที่มีระดับวิทยาลัยมีแนวโน้มที่จะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ไม่นั้นตลอดชีวิตของพวกเขาเป็นผลของการศึกษาของพวกเขา -- ฝรั่งจ๋า healthier กว่าต้นทุนทางการแพทย์มากกว่า ประโยชน์จากการบริโภคศิลปะ ฯลฯ

ในเวลาเดียวกัน ในขณะที่เรากำลังจะซื้อ การศึกษาสูง มีการใช้ " ผลประโยชน์ " ที่ เกิดขึ้นกับเรา . . . ความสุขของการสอนดีเด่นความตื่นเต้นในการชมทีมบาสของเราเอาชนะทีมนั้น เป็นค่ำคืนของปาร์ตี้หลังการสอบกลางภาค บุคคลเราพบกันที่ภายหลังกลายเป็นคู่สมรสของเรา ให้เราปีแห่งความสุข ( บางทีฉันได้รับเพลินไปหน่อย ) ฯลฯ ยัง ในขณะที่บางคนใช้อุดมศึกษา เพราะทันทีที่ได้รับความพึงพอใจหรือยูทิลิตี้ จากการเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเป็นหลักทั่วไปนักเศรษฐศาสตร์จะโต้เถียงว่า การได้รับปริญญาวิทยาลัยคือ outweighed โดยระยะยาว ประโยชน์ที่เราได้รับ .

วรรณกรรมทางเศรษฐกิจต่อทุนมนุษย์ยังทำให้กรณีที่แข็งแกร่งว่า การอุดมศึกษา โดยบุคคลหนึ่งเพิ่มอรรถประโยชน์ของผู้อื่นในสังคม

ถ้าผลของฉันได้รับฉันได้รับรายได้ระดับวิทยาลัย เพิ่มเติมตลอดชั่วชีวิตของฉันผมจะจ่ายเพิ่มเติมในรัฐท้องถิ่นและรัฐบาลกลางภาษีที่สามารถใช้ในการดูแล สุขภาพ ที่อยู่อาศัย และสวนสาธารณะเพื่อประชาชนในวงกว้าง ดังนั้นการเพิ่มอรรถประโยชน์ของผู้บริโภคนั้น

ถ้าผลของการควบรวมกิจการของวิทยาลัยตามวิถีชีวิต สุขภาพผม ในความรู้สึก การลดต้นทุนการประกันสุขภาพ ไม่ใช่แค่ผม แต่สังคม

ถ้าผลของรายได้ของฉันที่ฉันได้รับ ( ผลของระดับวิทยาลัย ) เป็นกุศลมากขึ้น อีก ชุดกว้างของบุคคลในผลประโยชน์สังคม

ถ้าฉันได้รับทักษะจากอุดมศึกษา ที่ ช่วย ให้ ฉัน ความน่าจะเป็นที่สูงขึ้นของการจ้างงาน และดังนั้นจึง มีความต้องการน้อยสำหรับความช่วยเหลือ สาธารณะ สังคมทั่วไปดีกว่า

ดีคุณได้รับรูปภาพ

อุดมศึกษาเป็นการบริโภคที่ดีที่มีประโยชน์ ไม่เฉพาะกับผู้บริโภค แต่สังคมโดยรวม และ บางทีที่สำคัญสำหรับผู้บริโภคส่วนบุคคล เป็นการลงทุนที่มีผลตอบแทน
อัตราดี