Colonial Gardens featured big bands

Colonial Gardens featured big bands during the 1940s. However, it had its own difficulties as well; it lost its right to sell rationed foods in 1944, and was found to have an illegal gambling device on the premises on January 13, 1948. A fire on August 16, 1950 caused $10,000 in damages. In the 1950s it served as both a hangout for teens, as well as a bar. Jerry Lee Lewis is said to have performed at the restaurant; also, local oral history holds that Elvis Presley had an unscheduled performance at the restaurant in 1956, as it was close to the home of his grandparents, whom he was visiting at the time.[2]

The last business operating in Colonial Gardens closed in 2003, and the building was then abandoned by the owners. By the Spring of 2008, it was in danger of being demolished, although a hold on any demolition was in effect until August 11, 2008. In hopes of saving the building, a petition to declare the building and adjacent property an "Individual Local Landmark" was begun simultaneously. One rationale for the petition, among several other historical distinctions, was the fact that the building was the last of the beer gardens that once dominated the South end of Louisville.[2][3] On November 20, 2008, the petition was passed, and the Louisville Metro Landmarks Commission named Colonial Gardens an Individual Local Landmark.[4]

In 2012, Louisville City Councilman David Yates proposed an ordinance to change "the way the Landmarks Commission designates an individual structure as a landmark,"[5] which would permit residents in the immediate vicinity to have more input into historic preservation decisions, such as Colonial Gardens. Various controversies ensued.[6] Finally, in June, 2013, "the Louisville Metro Council approved an ordinance that will allow the city to purchase the Colonial Gardens property by a 16-3 vote.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

โคโลเนียลการ์เด้นให้ความสำคัญวงใหญ่ในช่วงทศวรรษที่ 1940 แต่ก็มีปัญหาของตัวเองได้เป็นอย่างดี; มันหายไปสิทธิในการขายอาหารปันส่วนในปี 1944 และพบว่ามีอุปกรณ์การเล่นการพนันที่ผิดกฎหมายในสถานที่ที่ 13 มกราคม 1948 เกิดไฟไหม้เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 1950 เกิด $ 10,000 ในความเสียหาย ในปี 1950 จะทำหน้าที่เป็นทั้งแฮงเอาท์สำหรับวัยรุ่นเช่นเดียวกับที่บาร์ เจอร์รีลีลีวิสบอกว่าจะต้องดำเนินการที่ร้านอาหาร; นอกจากนี้ยังมีประวัติบุคคลในท้องถิ่นถือที่ Elvis Presley มีประสิทธิภาพการทำงานที่ได้กำหนดไว้ก่อนที่ร้านอาหารในปี 1956 ในขณะที่มันอยู่ใกล้กับบ้านของปู่ย่าตายายของเขาซึ่งเขาได้เข้ามาเยี่ยมชมได้ตลอดเวลา. [2] สุดท้ายในการปฏิบัติการในโคโลเนียลการ์เด้นปิดใน 2003 และอาคารที่ถูกทิ้งร้างแล้วโดยเจ้าของ โดยฤดูใบไม้ผลิของปี 2008 มันอยู่ในอันตรายจากการถูกทำลาย แต่ถือในการรื้อถอนใด ๆ ที่มีผลบังคับใช้จนถึงวันที่ 11 สิงหาคม 2008 ในความหวังของการประหยัดอาคารคำร้องที่จะประกาศตัวอาคารและทรัพย์สินที่อยู่ใกล้เคียง "แลนด์มาร์คท้องถิ่นบุคคล "ก็เริ่มไปพร้อม ๆ กัน หนึ่งเหตุผลสำหรับคำร้องในหลายความแตกต่างทางประวัติศาสตร์อื่น ๆ เป็นความจริงที่ว่าอาคารที่เป็นคนสุดท้ายของลานเบียร์ที่ครั้งหนึ่งเคยครองทิศใต้ของลุยวิลล์. [2] [3] ที่ 20 พฤศจิกายน 2008, คำร้องถูกส่งผ่านไป และลุยวิลล์เมโทรสถานที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับชื่อโคโลเนียลการ์เด้นแต่ละท้องถิ่นแลนด์มาร์ค. [4] ในปี 2012, ลุยวิลล์สมาชิกสภาเมืองเดวิดเยตส์ที่นำเสนอพระราชกฤษฎีกาที่จะเปลี่ยน "ทางสถานที่สำคัญที่คณะกรรมการกำหนดโครงสร้างของแต่ละบุคคลเป็นหลัก" [5] ซึ่ง จะอนุญาตให้ผู้อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงที่จะมีการป้อนข้อมูลมากยิ่งขึ้นในการตัดสินใจการเก็บรักษาประวัติศาสตร์เช่นโคโลเนียลการ์เด้น การถกเถียงต่างๆเกิดขึ้น. [6] ในที่สุดในเดือนมิถุนายน 2013 "ลุยวิลล์เมโทรสภาได้รับการอนุมัติพระราชกฤษฎีกาที่จะช่วยให้เมืองที่จะซื้อทรัพย์สินที่โคโลเนียลการ์เด้นโดยการลงคะแนนเสียง 16-3

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อาณานิคมสวนแนะนำวงใหญ่ในช่วงทศวรรษ แต่ก็มีปัญหาของตัวเองเช่นกัน มันเสียสิทธิ์ที่จะขายปันส่วนอาหารใน 1944 และถูกพบในการเล่นการพนันที่ผิดกฎหมายอุปกรณ์ในสถานที่เมื่อวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 1948 . ไฟบน 16 สิงหาคม 2493 ทำให้ $ 10 , 000 ในความเสียหาย ในยุค 50 มันทำหน้าที่เป็นทั้งแหล่งวัยรุ่น รวมทั้งบาร์เจอร์รีลีลูอิสบอกว่าจะต้องทำที่ร้านอาหาร และประวัติบุคคลท้องถิ่นถือว่า เอลวิส เพรสลีย์ มีแสดงไว้ที่ร้านอาหารในปี 1956 , มันอยู่ใกล้กับบ้านปู่ ย่า ตา ยาย ซึ่งเขาได้เข้าเยี่ยมชมในเวลา [ 2 ]

สุดท้ายในสวนอาณานิคมปิดในการดําเนินธุรกิจ 2003 และอาคารที่ถูกทิ้งโดยเจ้าของ โดยฤดูใบไม้ผลิของปี 2008มันอยู่ในอันตรายของการทำลาย แม้ว่าถือในการรื้อถอนในผลจนกว่าสิงหาคม 11 , 2008 ในความหวังของการประหยัดอาคาร ร้องขอให้ประกาศอาคารที่อยู่ติดกัน และทรัพย์สิน " มาร์ค " แต่ละท้องถิ่นเริ่มพร้อมกัน หนึ่งในเหตุผลสำหรับคำร้อง ท่ามกลางความแตกต่างทางประวัติศาสตร์หลายอื่น ๆความจริงที่ตึกสุดท้ายของเบียร์การ์เด้นที่เคยครอบงำใต้หลุยส์วิลล์ [ 2 ] [ 3 ] เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2551 คำร้องผ่าน และคณะกรรมการชื่อสวนหลุยส์วิลล์ เมโทร จึงเป็นสถานที่สำคัญในแต่ละท้องถิ่น [ 4 ]

ใน 2012 ,ลุยเมือง councilman เดวิด เยตส์ เสนอกฎการเปลี่ยนแปลง " ที่คณะกรรมการกำหนด จึงเป็นโครงสร้างที่บุคคลเป็นสถานที่ " [ 5 ] ซึ่งจะอนุญาตให้ผู้อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียงที่จะมีข้อมูลเพิ่มเติมในการตัดสินใจการรักษาทางประวัติศาสตร์ เช่น สวนในอาณานิคม ข้อถกเถียงในเรื่องต่าง ๆที่เกิด [ 6 ] ในที่สุด ในเดือนมิถุนายน 2556" ลุยเมโทรสภาอนุมัติกฎที่จะช่วยให้เมืองซื้อสวนอาณานิคมคุณสมบัติ โดย 16-3 โหวต