วันฮาโลวีนวันฮาโลวีน (ภาษาอังกฤษ ; Halloween) เป็นงานฉลองในคืนวันที่ 3 การแปล - วันฮาโลวีนวันฮาโลวีน (ภาษาอังกฤษ ; Halloween) เป็นงานฉลองในคืนวันที่ 3 ไทย วิธีการพูด

วันฮาโลวีนวันฮาโลวีน (ภาษาอังกฤษ ;

วันฮาโลวีน
วันฮาโลวีน (ภาษาอังกฤษ ; Halloween) เป็นงานฉลองในคืนวันที่ 31 ตุลาคม ประเทศทางตะวันตก เด็กๆ จะแต่งกายเป็นภูตผีปีศาจพากันชักชวนเพื่อนฝูงออกไปงานฉลอง มีการประดับประดาแสงไฟ และที่สำคัญคือแกะสลักฟักทองเป็นโคมไฟ เรียกว่า แจ๊ก-โอ'-แลนเทิร์น (jack-o'-lantern)
การฉลองวันฮาโลวีนนิยมจัดกันในสหรัฐอเมริกา ไอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร แคนาดา และยังมีในออสเตรเลีย กับนิวซีแลนด์ด้วย รวมถึงประเทศอื่นในทวีปยุโรปก็นิยมจัดงานวันฮาโลวีนเพื่อความสนุกสนาน
ประวัติ
วันที่ 31 ต.ค. เป็นวันที่ชาว เคลต์ (Celt) ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองเผ่าหนึ่งในไอร์แลนด์ ถือกันว่า เป็นวันสิ้นสุดของฤดูร้อน และวันต่อมา คือ วันที่ 1 พ.ย. เป็นวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งในวันที่ 31 ต.ค. นี่เองที่ชาวเคลต์เชื่อว่า เป็นวันที่มิติคนตาย และคนเป็นจะถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน และวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตในปีที่ผ่านมาจะเที่ยวหาร่างของคนเป็นเพื่อสิงสู่ เพื่อที่จะได้มีชีวิตขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เดือดร้อนถึงคนเป็น ต้องหาทุกวิถีทางที่จะไม่ให้วิญญาณมาสิงสู่ร่างตน ชาวเคลต์จึงปิดไฟทุกดวงในบ้าน ให้อากาศหนาวเย็น และไม่เป็นที่พึงปรารถนาของบรรดาผีร้าย นอกจากนี้ยังพยายามแต่งกายให้แปลกประหลาด ปลอมตัวเป็นผีร้าย และส่งเสียงดังอึกทึก เพื่อให้ผีตัวจริงตกใจหนีหายสาบสูญไป
บางตำนานยังเล่าถึงขนาดว่า มีการเผา "คนที่คิดว่าถูกผีร้ายสิง" เป็นการเชือดไก่ให้ผีกลัวอีกต่างหาก แต่นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนคริสตกาล ที่ความคิดเรื่องผีสางยังฝังรากลึกในจิตใจมนุษย์ ต่อมาในศตวรรษแรกแห่งคริสตกาล ชาวโรมันรับประเพณีฮาโลวีนมาจากชาวเคลต์แต่ได้ตัดการเผาร่างคนที่ถูกผีสิงออก เปลี่ยนเป็นการเผาหุ่นแทน กาลเวลาผ่านไป ความเชื่อเรื่องผีจะสิงสูร่างมนุษย์เสื่อมถอยลงตามลำดับ ฮาโลวีนกลายเป็นเพียงพิธีการ การแต่งตัวเป็นผี แม่มด สัตว์ประหลาดตามแต่จะสร้างสรรค์กันไป ประเพณีฮาโลวีนเดินทางมาถึงอเมริกาในทศวรรษที่ 1840 โดยชาวไอริชที่อพยพมายังอเมริกา สำหรับประเพณี ทริกออร์ทรีต (Trick or Treat แปลว่า หลอกหรือเลี้ยง) นั้น เริ่มขึ้นในราวคริสต์ศตวรรษที่ 9 โดยชาวยุโรป ซึ่งถือว่า วันที่ 2 พ.ย. เป็นวัน 'All Souls' พวกเขาจะเดินร้องขอ 'ขนมสำหรับวิญญาณ' (soul cake) จากหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง โดยเชื่อว่า ยิ่งให้ขนมเค้กมากเท่าไร วิญญาณของญาติผู้บริจาคก็ได้รับผลบุญ ทำให้มีโอกาสขึ้นสวรรค์ได้มากเท่านั้น!


การเล่น trick or treat ตามบ้านคน
ส่วนตำนานที่เกี่ยวกับฟักทองนั้น เป็นตำนานพื้นบ้านของชาวไอริช ที่กล่าวถึง แจ๊คจอมตืด ซึ่งเป็นนักเล่นกลจอมขี้เมา วันหนึ่งเขาหลอกล่อปีศาจขึ้นไปบนต้นไม้ และเขียนกากบาทไว้ที่โคนต้นไม้ ทำให้ปีศาจลงมาไม่ได้ จากนั้นเขาได้ทำข้อตกลงกับปีศาจ 'ห้ามนำสิ่งไม่ดีมาหลอกล่อเขาอีก' แล้วเขาจะปล่อยปีศาจลงจากต้นไม้ เมื่อแจ็คตายลง เขาปฏิเสธที่จะขึ้นสวรรค์ ขณะเดียวกันปฏิเสธที่จะลงนรก ปีศาจจึงให้ถ่านที่กำลังคุแก่เขา เพื่อเอาไว้ปัดเป่าความหนาวเย็นท่ามกลางความมืดมิด และแจ็คได้นำถ่านนี้ใส่ไว้ในหัวผักกาดเทอนิพที่ถูกเจาะให้กลวง เพื่อให้ไฟลุกโชติช่วงได้นานขึ้น ชาวไอริชจึงแกะสลักหัวผักกาดเทอนิพ และใส่ไฟในด้านใน อันเป็นอีกสัญลักษณ์ของวันฮาโลวีน เพื่อระลึกถึง 'การหยุดยั้งความชั่ว' Trick or Treat เพื่อส่งผลบุญให้กับญาติผู้ล่วงลับ และพิธีทางศาสนาเพื่อทำบุญวันปีใหม่ แต่เมื่อมีการฉลองฮาโลวีนในสหรัฐอเมริกา ชาวอเมริกาพบว่า ฟักทองหาง่ายกว่าหัวผักกาดมาก จึงเปลี่ยนมาใช้ฟักทองแทน หัวผักกาดจึงกลายเป็นฟักทองด้วยเหตุผลฉะนี้
ประเพณีทริกออร์ทรีต ในสหรัฐอเมริกาคือการละเล่นอย่างหนึ่งที่เด็ก ๆ เฝ้ารอคอย ในวันฮาโลวีนตามบ้านเรือนจะตกแต่งด้วยโคมไฟฟักทองและตุ๊กตาหุ่นฟางที่เป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลประเพณีเก็บเกี่ยว (Harvest) ในช่วงเดียวกันนั้น แต่ละบ้านจะเตรียมขนมหวานที่ทำเป็นรูปเม็ดข้าวโพดสีขาวเหลืองส้มในเม็ดเดียวกัน เรียกว่า Corn Candy และขนมอื่นๆไว้เตรียมคอยท่า ส่วนเด็กๆ ในละแวกบ้านก็จะแต่งตัวแฟนซี Halloween Costumes เป็นภูตผีมาเคาะตามประตูบ้าน โดยเน้นบ้านที่มีโคมไฟฟักทองประดับ (เพราะมีความหมายโดยนัยว่าต้อนรับพวกเขา) พร้อมกับถามว่า "Trick or treat?" เจ้าของบ้านมีสิทธิที่จะตอบ treat ด้วยการยอมแพ้ มอบขนมหวานให้ภูตผี(เด็ก)เหล่านั้น ราวกับว่าช่างน่ากลัวเหลือเกิน หรือเลือกตอบ trick เพื่อท้าทายให้ภูตผีเหล่านั้นอาละวาด ซึ่งก็อาจเป็นอะไรได้ ตั้งแต่แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกหลอน ไปจนถึงขั้นทำลายข้าวของเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วอาจจบลงด้วยการ treat เด็ก ๆ ได้ขนมในที่สุด

0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
วันฮาโลวีน
วันฮาโลวีน (ภาษาอังกฤษ ฮาโลวีน) เป็นงานฉลองในคืนวันที่ 31 ตุลาคมประเทศทางตะวันตกเด็ก ๆ จะแต่งกายเป็นภูตผีปีศาจพากันชักชวนเพื่อนฝูงออกไปงานฉลองมีการประดับประดาแสงไฟและที่สำคัญคือแกะสลักฟักทองเป็นโคมไฟเรียกว่าแจ๊ก-โอ'-แลนเทิร์น สหราชอาณาจักรการฉลองวันฮาโลวีนนิยมจัดกันในสหรัฐอเมริกาไอร์แลนด์แคนาดาและยังมีในออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์ด้วยรีรวมถึงประเทศอื่นในทวีปยุโรปก็นิยมจัดงานวันฮาโลวีนเพื่อความสนุกสนาน
ประวัติ
วันที่ 31 ต.ค เป็นวันที่ชาวเคลต์ (Celt) ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองเผ่าหนึ่งในไอร์แลนด์ถือกันว่าเป็นวันสิ้นสุดของฤดูร้อนและวันต่อมาคือวันที่ 1 พ.ย. เป็นวันขึ้นปีใหม่ซึ่งในวันที่ 31 ต.ค นี่เองที่ชาวเคลต์เชื่อว่าเป็นวันที่มิติคนตายและคนเป็นจะถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกันและวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตในปีที่ผ่านมาจะเที่ยวหาร่างของคนเป็นเพื่อสิงสู่เพื่อที่จะได้มีชีวิตขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ต้องหาทุกวิถีทางที่จะไม่ให้วิญญาณมาสิงสู่ร่างตนชาวเคลต์จึงปิดไฟทุกดวงในบ้านให้อากาศหนาวเย็นและไม่เป็นที่พึงปรารถนาของบรรดาผีร้ายนอกจากนี้ยังพยายามแต่งกายให้แปลกประหลาดปลอมตัวเป็นผีร้าย เพื่อให้ผีตัวจริงตกใจหนีหายสาบสูญไป
บางตำนานยังเล่าถึงขนาดว่ามีการเผา "คนที่คิดว่าถูกผีร้ายสิง" เป็นการเชือดไก่ให้ผีกลัวอีกต่างหากแต่นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนคริสตกาลที่ความคิดเรื่องผีสางยังฝังรากลึกในจิตใจมนุษย์ ชาวโรมันรับประเพณีฮาโลวีนมาจากชาวเคลต์แต่ได้ตัดการเผาร่างคนที่ถูกผีสิงออกเปลี่ยนเป็นการเผาหุ่นแทนกาลเวลาผ่านไปความเชื่อเรื่องผีจะสิงสูร่างมนุษย์เสื่อมถอยลงตามลำดับฮาโลวีนกลายเป็นเพียงพิธีการ แม่มดสัตว์ประหลาดตามแต่จะสร้างสรรค์กันไปประเพณีฮาโลวีนเดินทางมาถึงอเมริกาในทศวรรษที่ 1840 โดยชาวไอริชที่อพยพมายังอเมริกาสำหรับประเพณีทริกออร์ทรีต (เคล็ดลับหรือรักษาแปลว่าหลอกหรือเลี้ยง) นั้น 9 โดยชาวยุโรปซึ่งถือว่าวันที่ 2 พย เป็นวัน 'ทุกชีวิต' พวกเขาจะเดินร้องขอ 'ขนมสำหรับวิญญาณ' (จิตเค้ก) จากหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่งโดยเชื่อว่ายิ่งให้ขนมเค้กมากเท่าไรวิญญาณของญาติผู้บริจาคก็ได้รับผลบุญทำให้มีโอกาสขึ้นสวรรค์ได้มากเท่านั้น


การเล่นเคล็ดลับ หรือรักษาตามบ้านคน
ส่วนตำนานที่เกี่ยวกับฟักทองนั้นเป็นตำนานพื้นบ้านของชาวไอริชที่กล่าวถึงแจ๊คจอมตืดซึ่งเป็นนักเล่นกลจอมขี้เมาวันหนึ่งเขาหลอกล่อปีศาจขึ้นไปบนต้นไม้และเขียนกากบาทไว้ที่โคนต้นไม้ทำให้ปีศาจลงมาไม่ได้ 'ห้ามนำสิ่งไม่ดีมาหลอกล่อเขาอีก' แล้วเขาจะปล่อยปีศาจลงจากต้นไม้เมื่อแจ็คตายลงเขาปฏิเสธที่จะขึ้นสวรรค์ขณะเดียวกันปฏิเสธที่จะลงนรกปีศาจจึงให้ถ่านที่กำลังคุแก่เขา และแจ็คได้นำถ่านนี้ใส่ไว้ในหัวผักกาดเทอนิพที่ถูกเจาะให้กลวงเพื่อให้ไฟลุกโชติช่วงได้นานขึ้นชาวไอริชจึงแกะสลักหัวผักกาดเทอนิพและใส่ไฟในด้านในอันเป็นอีกสัญลักษณ์ของวันฮาโลวีนเพื่อระลึกถึง เคล็ดลับหรือรักษาเพื่อส่งผลบุญให้กับญาติผู้ล่วงลับและพิธีทางศาสนาเพื่อทำบุญวันปีใหม่แต่เมื่อมีการฉลองฮาโลวีนในสหรัฐอเมริกาชาวอเมริกาพบว่าฟักทองหาง่ายกว่าหัวผักกาดมากจึงเปลี่ยนมาใช้ฟักทองแทน ประเพณีทริกออร์ทรีตในสหรัฐอเมริกาคือการละเล่นอย่างหนึ่งที่เด็กๆ เฝ้ารอคอยในวันฮาโลวีนตามบ้านเรือนจะตกแต่งด้วยโคมไฟฟักทองและตุ๊กตาหุ่นฟางที่เป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลประเพณีเก็บเกี่ยว (เก็บเกี่ยว) แต่ละบ้านจะเตรียมขนมหวานที่ทำเป็นรูปเม็ดข้าวโพดสีขาวเหลืองส้มในเม็ดเดียวกันเรียกว่าข้าวโพดขนมและขนมอื่นๆไว้เตรียมคอยท่าส่วนเด็ก ๆ ในละแวกบ้านก็จะแต่งตัวแฟนซีฮาโลวีนเครื่องแต่งกายเป็นภูตผีมาเคาะตามประตูบ้าน พร้อมกับถามว่า (เพราะมีความหมายโดยนัยว่าต้อนรับพวกเขา) "เคล็ดลับหรือรักษา"ถือว่าเจ้าของบ้านมีสิทธิที่จะตอบด้วยการยอมแพ้ (เด็ก) มอบขนมหวานให้ภูตผีเหล่านั้นราวกับว่าช่างน่ากลัวเหลือเกินหรือเลือกตอบกองเพื่อท้าทายให้ภูตผีเหล่านั้นอาละวาดซึ่งก็อาจเป็นอะไรได้ ไปจนถึงขั้นทำลายข้าวของเล็กๆ น้อยๆ แล้วอาจจบลงด้วยการรักษาเด็กๆ ได้ขนมในที่สุด

การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
วันฮาโลวีน
วันฮาโลวีน (ภาษาอังกฤษ; ฮาโลวีน) เป็นงานฉลองในคืนวันที่ 31 ตุลาคมประเทศทางตะวันตกเด็ก ๆ มีการประดับประดาแสงไฟ เรียกว่าแจ๊ก - โอ '- แลนเทิร์น
ไอร์แลนด์สหราชอาณาจักรแคนาดาและยังมีในออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์ด้วย 31 ต.ค. เป็นวันที่ชาวเคลต์ (Celt) ถือกันวันสิ้นสุดของฤดูร้อนและวันต่อมาคือวันที่ 1 พ.ย. ว่าเป็น เป็นวันขึ้นปีใหม่ซึ่งในวันที่ 31 ต.ค. นี่เองที่ชาวเคลต์เชื่อว่าเป็นวันที่มิติคนตาย เดือดร้อนถึงคนเป็น ชาวเคลต์จึงปิดไฟทุกดวงในบ้านให้อากาศหนาวเย็น ปลอมตัวเป็นผีร้ายและส่งเสียงดังอึกทึก มีการ "คนที่คิดว่าถูกผีร้ายสิง" เผา ต่อมาในศตวรรษแรกแห่งคริสตกาล เปลี่ยนเป็นการเผาหุ่นแทนกาลเวลาผ่านไป ฮาโลวีนกลายเป็นเพียงพิธีการการแต่งตัวเป็นผีแม่มด 1840 โดยชาวไอริชที่อพยพมายังอเมริกาสำหรับประเพณีทริกออร์ทรีต (Trick or Treat แปลว่าหลอกหรือเลี้ยง) นั้นเริ่มขึ้นในราวคริสต์โดยชาวยุโรปซึ่งถือว่าวันที่ 2 พ.ย. ศตวรรษที่ 9 เป็นวัน 'วิญญาณ' พวกเขาจะเดินร้องขอ 'ขนมสำหรับวิญญาณ' (เค้กจิตวิญญาณ) โดยเชื่อว่ายิ่งให้ขนมเค้กมากเท่าไร หลอกลวงหรือรักษา เป็นตำนานพื้นบ้านของชาวไอริชที่กล่าวถึงแจ๊คจอมตืดซึ่งเป็นนักเล่นกลจอมขี้เมา และเขียนมาไม่ได้จากนั้นเขาได้ทำข้อตกลงกับปีศาจกากบาทไว้ที่โคนต้นไม้ทำให้ปีศาจลง 'ห้ามนำสิ่งไม่ดีมาหลอกล่อเขาอีก' แล้วเขาจะปล่อยปีศาจลงจากต้นไม้เมื่อแจ็คตายลงเขาปฏิเสธที่จะ ขึ้นสวรรค์ขณะเดียวกันปฏิเสธที่จะลงนรกปีศาจจึงให้ถ่านที่กำลังคุแก่เขา เพื่อให้ในด้านในอันเป็นอีกสัญลักษณ์ของวันฮาโลวีนเพื่อระลึกถึงไฟลุกโชติช่วงได้นานขึ้นชาวไอริชจึงแกะสลักหัวผักกาดเทอนิพและใส่ไฟ 'การหยุดยั้งความชั่ว' Trick or Treat เพื่อส่งผลบุญให้กับ ญาติผู้ล่วงลับ ชาวอเมริกาพบว่าฟักทองหาง่ายกว่าหัวผักกาดมากจึงเปลี่ยนมาใช้ฟักทองแทน ๆ เฝ้ารอคอย (ฮา) ในช่วงเดียวกันนั้น เรียกว่าข้าวโพดหวานและขนมอื่น ๆ ไว้เตรียมคอยท่าส่วนเด็ก ๆ ในละแวกบ้านก็จะแต่งตัวแฟนซีเครื่องแต่งกายวันฮาโลวีนเป็นภูตผีมาเคาะตามประตูบ้านโดยเน้นบ้านที่มีโคมไฟฟักทองประดับ พร้อมกับถามว่า "เคล็ดลับหรือรักษา?" เจ้าของบ้านมีสิทธิที่จะตอบการรักษาด้วยการยอมแพ้มอบขนมหวานให้ภูตผี (เด็ก) เหล่านั้นราวกับว่าช่างน่ากลัวเหลือเกินหรือเลือกตอบเคล็ดลับ ซึ่งก็อาจเป็นอะไรได้ตั้งแต่แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกหลอนไปจนถึงขั้นทำลายข้าวของเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วอาจจบลงด้วยการรักษาเด็ก ๆ ได้ขนมในที่สุด









การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
วันฮาโลวีน
วันฮาโลวีน ( จาว่า ;ฮาโลวีน ) เป็นงานฉลองในคืนวันที่ 31 ตุลาคมประเทศทางตะวันตกเด็กๆจะแต่งกายเป็นภูตผีปีศาจพากันชักชวนเพื่อนฝูงออกไปงานฉลองมีการประดับประดาแสงไฟและที่สำคัญคือแกะสลักฟักทองเป็นโคมไฟเรียกว่าแจ๊ก - โอ ' - แลนเทิร์นการฉลองวันฮาโลวีนนิยมจัดกันในสหรัฐอเมริกาไอร์แลนด์สหราชอาณาจักรแคนาดาและยังมีในออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์ด้วยรวมถึงประเทศอื่นในทวีปยุโรปก็นิยมจัดงานวันฮาโลวีนเพื่อความสนุกสนาน

ประวัติวันที่ 31 ต . ค .เป็นวันที่ชาวเคลต์ ( เคลต์ ) ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองเผ่าหนึ่งในไอร์แลนด์ถือกันว่าเป็นวันสิ้นสุดของฤดูร้อนและวันต่อมาความวันที่ 1 พ . ย . เป็นวันขึ้นปีใหม่ซึ่งในวันที่ 31 ต . ค .นี่เองที่ชาวเคลต์เชื่อว่าเป็นวันที่มิติคนตายและคนเป็นจะถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกันและวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตในปีที่ผ่านมาจะเที่ยวหาร่างของคนเป็นเพื่อสิงสู่เพื่อที่จะได้มีชีวิตขึ้นอีกครั้งหนึ่งต้องหาทุกวิถีทางที่จะไม่ให้วิญญาณมาสิงสู่ร่างตนชาวเคลต์จึงปิดไฟทุกดวงในบ้านให้อากาศหนาวเย็นและไม่เป็นที่พึงปรารถนาของบรรดาผีร้ายนอกจากนี้ยังพยายามแต่งกายให้แปลกประหลาดปลอมตัวเป็นผีร้ายเพื่อให้ผีตัวจริงตกใจหนีหายสาบสูญไป
บางตำนานยังเล่าถึงขนาดว่ามีการเผา " คนที่คิดว่าถูกผีร้ายสิง " เป็นการเชือดไก่ให้ผีกลัวอีกต่างหากแต่นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนคริสตกาลที่ความคิดเรื่องผีสางยังฝังรากลึกในจิตใจมนุษย์ชาวโรมันรับประเพณีฮาโลวีนมาจากชาวเคลต์แต่ได้ตัดการเผาร่างคนที่ถูกผีสิงออกเปลี่ยนเป็นการเผาหุ่นแทนกาลเวลาผ่านไปความเชื่อเรื่องผีจะสิงสูร่างมนุษย์เสื่อมถอยลงตามลำดับฮาโลวีนกลายเป็นเพียงพิธีการแม่มดสัตว์ประหลาดตามแต่จะสร้างสรรค์กันไปประเพณีฮาโลวีนเดินทางมาถึงอเมริกาในทศวรรษที่ 1840 โดยชาวไอริชที่อพยพมายังอเมริกาสำหรับประเพณีทริกออร์ทรีต ( หลอกหรือเลี้ยงแปลว่าหลอกหรือเลี้ยง ) นั้น9 โดยชาวยุโรปซึ่งถือว่าวันที่ 2 พ .ย .เป็นวัน ' วิญญาณ ' ทั้งหมดพวกเขาจะเดินร้องขอ ' ขนมสำหรับวิญญาณ ' ( วิญญาณเค้ก ) จากหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่งโดยเชื่อว่ายิ่งให้ขนมเค้กมากเท่าไรวิญญาณของญาติผู้บริจาคก็ได้รับผลบุญทำให้มีโอกาสขึ้นสวรรค์ได้มากเท่านั้น !


การเล่นหลอกหรือเลี้ยงตามบ้านคน
ส่วนตำนานที่เกี่ยวกับฟักทองนั้นเป็นตำนานพื้นบ้านของชาวไอริชที่กล่าวถึงแจ๊คจอมตืดซึ่งเป็นนักเล่นกลจอมขี้เมาวันหนึ่งเขาหลอกล่อปีศาจขึ้นไปบนต้นไม้และเขียนกากบาทไว้ที่โคนต้นไม้ทำให้ปีศาจลงมาไม่ได้' ' แล้วเขาจะปล่อยปีศาจลงจากต้นไม้ห้ามนำสิ่งไม่ดีมาหลอกล่อเขาอีกเมื่อแจ็คตายลงเขาปฏิเสธที่จะขึ้นสวรรค์ขณะเดียวกันปฏิเสธที่จะลงนรกปีศาจจึงให้ถ่านที่กำลังคุแก่เขาและแจ็คได้นำถ่านนี้ใส่ไว้ในหัวผักกาดเทอนิพที่ถูกเจาะให้กลวงเพื่อให้ไฟลุกโชติช่วงได้นานขึ้นชาวไอริชจึงแกะสลักหัวผักกาดเทอนิพและใส่ไฟในด้านในอันเป็นอีกสัญลักษณ์ของวันฮาโลวีนเพื่อระลึกถึงหลอกหรือเลี้ยงเพื่อส่งผลบุญให้กับญาติผู้ล่วงลับและพิธีทางศาสนาเพื่อทำบุญวันปีใหม่แต่เมื่อมีการฉลองฮาโลวีนในสหรัฐอเมริกาชาวอเมริกาพบว่าฟักทองหาง่ายกว่าหัวผักกาดมากจึงเปลี่ยนมาใช้ฟักทองแทนประเพณีทริกออร์ทรีตในสหรัฐอเมริกาคือการละเล่นอย่างหนึ่งที่เด็กจะเฝ้ารอคอยในวันฮาโลวีนตามบ้านเรือนจะตกแต่งด้วยโคมไฟฟักทองและตุ๊กตาหุ่นฟางที่เป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลประเพณีเก็บเกี่ยว ( เก็บเกี่ยว )แต่ละบ้านจะเตรียมขนมหวานที่ทำเป็นรูปเม็ดข้าวโพดสีขาวเหลืองส้มในเม็ดเดียวกันเรียกว่าข้าวโพดขนมฮาโลวีนเครื่องแต่งกายเป็นภูตผีมาเคาะตามประตูบ้านและขนมอื่นๆไว้เตรียมคอยท่าส่วนเด็กๆในละแวกบ้านก็จะแต่งตัวแฟนซี( เพราะมีความหมายโดยนัยว่าต้อนรับพวกเขา ) พร้อมกับถามว่า " หลอกหรือเลี้ยง" เจ้าของบ้านมีสิทธิที่จะตอบรักษาด้วยการยอมแพ้มอบขนมหวานให้ภูตผี ( เด็ก ) เหล่านั้นราวกับว่าช่างน่ากลัวเหลือเกินหรือเลือกตอบเพื่อท้าทายให้ภูตผีเหล่านั้นอาละวาดซึ่งก็อาจเป็นอะไรได้หลอกไปจนถึงขั้นทำลายข้าวของเล็กจะไม่มีน้อยแล้วอาจจบลงด้วยการเด็กได้ขนมในที่สุด
จะรักษา
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: