Caveat emptor is a Latin term that

Caveat emptor is a Latin term that means "let the buyer beware." Similar to the phrase "sold as is," this term means that the buyer assumes the risk that a product may fail to meet expectations or have defects. In other words, the principle of caveat emptor serves as a warning that buyers have no recourse with the seller if the product does not meet their expectations.

The term is actually part of a longer statement: Caveat emptor, quia ignorare non debuit quod jus alienum emit ("Let a purchaser beware, for he ought not to be ignorant of the nature of the property which he is buying from another party.") The assumption is that buyers will inspect and otherwise ensure that they are confident with the integrity of the product (or land, to which it often refers) before completing a transaction. This does not, however, give sellers the green light to actively engage in fraudulent transactions.

Caveat Emptor in Practice

Under the principle of caveat emptor, for example, a consumer who purchases a coffee mug and later discovers that it has a leak is stuck with the defective product. Had they inspected the mug prior to the sale, they may have changed their mind.

A more common example is a used car transaction between two private parties (as opposed to a dealership, in which the sale is subject to an implied warranty). The buyer must take on the responsibility of thoroughly researching and inspecting the car—perhaps taking it to a mechanic for a closer look—before finalizing the sale. If something comes up after the sale, maybe a transmission failure, it is not the seller's responsibility. Garage sales offer another example of caveat emptor, in which all sales are final and nothing is guaranteed.

The Modern Rule: Caveat Venditor

Caveat emptor was the rule for most purchases and land sales prior to the Industrial Revolution, although sellers assume much more responsibility for the integrity of their goods in the present day. People consumed far fewer goods and usually from local sources prior to the 18th Century, resulting in very few consumer protection laws (mostly limited to weights and measures). See "Product Liability: Background" for more historical information about the principle of caveat emptor.

Today, most sales in the U.S. fall under the principle of caveat venditor, which means "let the seller beware," by which goods are covered by an implied warranty of merchantability. Unless otherwise advertised (for example, "sold as is") or negotiated with the buyer, nearly all consumer products are guaranteed to work if used for their intended purpose.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Caveat emptor เป็นคำละตินที่หมายถึง "ให้ผู้ซื้อระวัง" คล้ายกับ "ขายเป็น" วลี คำนี้หมายความ ว่า ผู้ซื้อถือว่าความเสี่ยงที่ผลิตภัณฑ์อาจล้มเหลวเพื่อตอบสนองความคาดหวัง หรือมีข้อบกพร่อง ในคำอื่น ๆ หลักการของ caveat emptor ทำหน้าที่เป็นคำเตือนที่ว่า ผู้ซื้อมีไม่ขอความช่วยเหลือกับผู้ขายสินค้าไม่ตรงตามความคาดหมายว่าจริงเป็นส่วนหนึ่งของคำสั่งอีกต่อไป: Caveat emptor, quia ignorare debuit ปลอด quod jus alienum เปล่ง ("ให้ผู้ซื้อระวัง สำหรับเขาไม่ควรจะเป็นไม่รู้ธรรมชาติของพักซึ่งเขาจะซื้อจากบุคคลอื่น") สมมติฐานคือ ผู้ซื้อจะตรวจสอบ และไม่ แน่ใจว่า จะมั่นใจกับความสมบูรณ์ของผลิตภัณฑ์ (หรือที่ดิน ซึ่งมันมักจะอ้างอิงถึง) ก่อนทำธุรกรรม นี้ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ทำให้ผู้ขายไฟสีเขียวจะมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในรายการทุจริตCaveat Emptor ในทางปฏิบัติภายใต้หลักการของ caveat emptor เช่น ผู้บริโภคที่ซื้อถ้วยกาแฟ และต่อมาค้นพบว่า มีการรั่วไหล ติดอยู่กับผลิตภัณฑ์ที่บกพร่อง พวกเขาได้ตรวจสอบก่อนการขายแก้ว พวกเขาอาจมีการเปลี่ยนแปลงจิตใจของพวกเขาตัวอย่างทั่วไปคือ รายการรถที่ใช้ระหว่างเอกชนสองฝ่าย (ตรงข้ามกับที่ตัวแทนจำหน่าย การขายนี้อยู่ภายใต้การรับประกันโดยนัย) ผู้ซื้อต้องใช้เวลาในความรับผิดชอบการวิจัย และตรวจสอบรถอย่างละเอียด — บางทีพาไปหาช่างชิด — ระบบขายก่อน ถ้าสิ่งที่เกิดขึ้นหลังการขาย อาจจะส่งผ่านความล้มเหลว จะไม่รับผิดชอบของผู้ขาย ขายรถมีตัวอย่างอื่นของ caveat emptor ที่ขาย และไม่มีรับประกัน กฎการทันสมัย: Caveat VenditorCaveat emptor แก้ไขกฎสำหรับการซื้อและขายที่ดินก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม ส่วนใหญ่แม้ว่าผู้ขายรับผิดชอบต่อความสมบูรณ์ของสินค้าของพวกเขามากขึ้นในปัจจุบัน คนใช้น้อยสินค้า และมักจากถิ่นแหล่งก่อนศตวรรษที่ 18 ในกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคน้อยมาก (ส่วนใหญ่จำกัดเฉพาะน้ำหนักและมาตรการ) ดู "ความรับผิดต่อผลิตภัณฑ์:พื้นหลัง" ข้อมูลประวัติเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการของ caveat emptor วันนี้ ขายส่วนใหญ่ในสหรัฐอเมริกาตกอยู่ภายใต้หลักการของ caveat venditor ซึ่งหมายความว่า "ให้ระวังผู้ขาย ซึ่งสินค้าจะครอบคลุมการรับประกันโดยนัยของความเหมาะสม เว้นแต่ว่ามิฉะนั้นโฆษณา (ตัวอย่างเช่น "ขายเป็น") หรือเจรจากับผู้ซื้อ ผู้บริโภคเกือบทั้งหมดจะมีการทำงานถ้าใช้สำหรับวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

caveat emptor คือละตินคำที่หมายความว่า " ให้ผู้ซื้อระวัง " คล้ายกับคำว่า " ขายเป็น " ในระยะนี้หมายความว่าผู้ซื้อจะถือว่าความเสี่ยงที่สินค้าอาจไม่ตรงตามความคาดหวัง หรือข้อบกพร่อง ในคำอื่น ๆ , หลักการของ caveat emptor ทำหน้าที่เป็นคำเตือนว่า ผู้ซื้อไม่มีสิทธิไล่เบี้ยกับผู้ขายหากผลิตภัณฑ์ไม่ตรงกับความคาดหวังของพวกเขาคำที่เป็นจริงส่วนหนึ่งของแถลงการณ์ยาว : caveat emptor เควี่ย ignorare ไม่ debuit ที่จัส alienum ปล่อย ( " ให้ผู้ซื้อระวัง เขาไม่ควรละเลยธรรมชาติของทรัพย์สินที่เขาจะซื้อจากบุคคลอื่น . " ) สันนิษฐานว่าผู้ซื้อจะตรวจสอบให้แน่ใจว่า พวกเขา และ อื่น มั่นใจกับความสมบูรณ์ของผลิตภัณฑ์ ( หรือที่ดิน ซึ่งมันมักจะหมายถึง ) ก่อนจบรายการ นี้ไม่ได้ แต่ให้ผู้ขายไฟเขียวให้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการฉ้อโกงcaveat emptor ในการปฏิบัติภายใต้หลักการของ caveat emptor ตัวอย่างเช่น ผู้บริโภคที่ซื้อแก้วกาแฟ และต่อมาพบว่ามันรั่วติดด้วยผลิตภัณฑ์ที่บกพร่อง . พวกเขาตรวจสอบแก้วก่อนการขาย พวกเขาอาจจะเปลี่ยนความคิดของพวกเขาตัวอย่างทั่วไปคือรถใช้ธุรกรรมระหว่างสองส่วนบุคคล ( ตรงข้ามกับตัวแทนจำหน่าย ซึ่งขายอยู่ภายใต้การรับประกันโดยนัย ) ผู้ซื้อจะต้องใช้เวลาในความรับผิดชอบของอย่างละเอียดค้นคว้าและตรวจสอบรถอาจจะเอาไปให้ช่างเพื่อมองใกล้ก่อนสรุปการขาย ถ้าเกิดอะไรขึ้นหลังจากการขาย บางทีการส่งผ่านความล้มเหลว ไม่ใช่ของผู้ขายรับผิดชอบ โรงรถขายมีอีกตัวอย่างของ caveat emptor ที่ขายทั้งหมดเป็นครั้งสุดท้าย และไม่มีอะไรรับประกันได้กฎใหม่ : caveat venditorcaveat emptor คือกฎสำหรับการซื้อและขายที่ดินก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม แม้ว่าผู้ขายถือว่ามากขึ้นความรับผิดชอบต่อความสมบูรณ์ของสินค้าของพวกเขาในวันปัจจุบัน ผู้ที่บริโภคสินค้าน้อยลงมาก และมักจะมาจากแหล่งที่มาของท้องถิ่นก่อนศตวรรษที่ 18 ส่งผลให้กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคน้อยมาก ( ส่วนใหญ่ ) ชั่งตวงวัด ) เห็น " ความรับผิดต่อสินค้า : พื้นหลังทางประวัติศาสตร์ " สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักการของ caveat emptor .วันนี้ ส่วนใหญ่ขายในฤดูใบไม้ร่วงของสหรัฐอเมริกาภายใต้หลักการของ caveat venditor ซึ่งหมายความว่า " ให้ผู้ขายระวัง " โดยสินค้าที่ถูกปกคลุมด้วยการรับประกันโดยนัยของการค้า . นอกจากโฆษณา ( เช่น " ขาย " ) หรือเจรจากับผู้ซื้อ ผู้บริโภคผลิตภัณฑ์เกือบทั้งหมดมีรับประกันผลงานหากใช้เพื่อวัตถุประสงค์ของพวกเขา .