The Lifestyle TheoryThe next theory

The Lifestyle Theory

The next theory is the lifestyle theory. This theory purports that individuals are targeted based on their lifestyle choices, and that these lifestyle choices expose them to criminal offenders, and situations in which crimes may be committed. Examples of some lifestyle choices indicated by this theory include going out at night alone, living in "bad" parts of town, associating with known felons, being promiscuous, excessive alcohol use, and doing drugs.

In addition to theorizing that victimization is not random, but rather a part of the lifestyle the victims pursues, the lifestyle theory cites research that victims "share personality traits also commonly found in law violators, namely impulsivity and low self control" (Siegel, 2006). This previous statement was discussed in a psychology journal by Jared Dempsey, Gary Fireman, and Eugene Wang, in which they note the correlation between victims and the perpetrators of crimes, both exhibiting impulsive and antisocial-like behaviors (2006). These behaviors may contribute to their victimization since they cause the individual to put themselves at higher risk for victimization than their more conservative lifestyle counterparts.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทฤษฎีที่ดำเนินชีวิตทฤษฎีชีวิตทฤษฎีต่อไปได้ นี้ทฤษฎีบุคลิกบุคคลมีเป้าหมายตามวิถีของพวกเขา และวิถีเหล่านี้เปิดเผยให้กับผู้กระทำผิดทางอาญา สถานการณ์ที่อาชญากรรมอาจกำหนดให้ ตัวอย่างของวิถีบางอย่างตามทฤษฎีนี้ได้แก่การขุดในเวลากลางคืนคนเดียว อยู่ในส่วน "เลว" ของเมือง เชื่อมโยงกับชื่อดัง felons ถูก promiscuous สุรามากเกินไป และทำยานอกจากเก่า victimization ไม่สุ่ม แต่แทนที่จะเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเหยื่อ pursues ทฤษฎีชีวิตสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ดวิจัยที่เหยื่อ "ลักษณะนิสัยโดยทั่วไปนอกจากนี้ยังพบผู้ฝ่าฝืนกฎหมาย ได้แก่ impulsivity และต่ำตนเองควบคุม" (Siegel, 2006) คำสั่งก่อนหน้านี้ได้กล่าวถึงในจิตวิทยา โดย Jared Dempsey, Gary ชุดดับ เพลิง และ Eugene วัง ซึ่งพวกเขาสังเกตที่ความสัมพันธ์ระหว่างเหยื่อและความผิดของอาชญากรรม ทั้งสองอย่างมีระดับ impulsive และพฤติกรรมเหมือน antisocial (2006) พฤติกรรมเหล่านี้อาจนำไปสู่ victimization ของพวกเขาเนื่องจากพวกเขาทำให้คนที่จะทำให้ตัวเองเสี่ยงสูงสำหรับ victimization กว่าคู่ของพวกเขาดำเนินชีวิตหัวเก่ามาก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ไลฟ์สไตล์ทฤษฎีทฤษฎีทฤษฎีต่อไปคือการดำเนินชีวิต ทฤษฎีนี้กล่าวอ้างว่าบุคคลที่มีการกำหนดเป้าหมายขึ้นอยู่กับการเลือกวิถีชีวิตของพวกเขาและการเลือกวิถีชีวิตเหล่านี้ให้พวกเขาที่จะกระทำผิดทางอาญาและสถานการณ์ที่อาจจะก่ออาชญากรรมมุ่งมั่น ตัวอย่างของบางอย่างการเลือกวิถีชีวิตที่ระบุโดยทฤษฎีนี้รวมถึงการที่จะออกในเวลากลางคืนคนเดียวที่อาศัยอยู่ในส่วน "เลว" ของเมืองเชื่อมโยงกับอาชญากรที่รู้จักกันเป็นสำส่อนใช้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปและการทำยาเสพติด. นอกจากทฤษฎีการตกเป็นเหยื่อที่ไม่ได้เป็นแบบสุ่ม แต่เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อแสวงหาทฤษฎีการดำเนินชีวิตที่อ้างอิงงานวิจัยที่ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อ "ลักษณะบุคลิกภาพหุ้นนอกจากนี้ยังพบในผู้ฝ่าฝืนกฎหมายคือ impulsivity และการควบคุมตนเองต่ำ" (ซีเกล, 2006) คำสั่งก่อนหน้านี้ได้รับการกล่าวถึงในวารสารจิตวิทยาโดย Jared ก้าวแกรี่ดับเพลิงและยูวังที่พวกเขาทราบความสัมพันธ์ระหว่างการกระทำผิดและผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมทั้งการแสดงพฤติกรรมห่ามและสังคมเหมือน (2006) พฤติกรรมเหล่านี้อาจนำไปสู่การตกเป็นเหยื่อของพวกเขาเพราะพวกเขาก่อให้เกิดบุคคลที่จะนำตัวเองที่มีความเสี่ยงที่สูงขึ้นสำหรับการตกเป็นเหยื่อกว่าคู่วิถีชีวิตของพวกเขาอนุรักษ์นิยมมากขึ้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ชีวิตทฤษฎีทฤษฎีต่อไปคือทฤษฎีชีวิต ทฤษฎีนี้กล่าวอ้างว่า บุคคลที่มีเป้าหมายยึดวิถีชีวิตทางเลือกของพวกเขาและตัวเลือกวิถีชีวิตเหล่านี้แสดงถึงการกระทำความผิดทางอาญาและสถานการณ์ที่อาชญากรรมที่อาจจะเกิดขึ้น ตัวอย่างของตัวเลือกวิถีชีวิตบางอย่างพบโดยทฤษฎีนี้มีไปเที่ยวดึกๆ คนเดียว ที่อาศัยอยู่ใน " ส่วนที่ไม่ดี " ของเมืองการคบกับคนรู้จักเป็นนาฬิกาปลุก ใช้แอลกอฮอล์ที่มากเกินไป และการเสพยา

นอกจากทฤษฎีที่เหยื่อไม่สุ่ม แต่แทนที่จะเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตเหยื่อไล่ตาม ทฤษฎี cites วิจัยวิถีชีวิตที่เหยื่อ " บุคลิกภาพแบ่งปันยังพบบ่อยในผู้ฝ่าฝืนกฎหมาย ได้แก่ หุนหันพลันแล่นและควบคุมตนน้อย ( ซี , 2006 )ข้อความเดิมนี้ถูกกล่าวถึงในจิตวิทยาวารสารโดย จาเร็ด เดมพ์ซี่ย์ , แกรี่ เจ้าหน้าที่ดับเพลิง และยูจีน วังในที่พวกเขาทราบความสัมพันธ์ระหว่างเหยื่อและผู้กระทำผิดในคดี ทั้งแสดงพฤติกรรมต่อต้านสังคม ชอบหุนหันพลันแล่น ( 2006 )พฤติกรรมเหล่านี้อาจส่งผลให้เหยื่อของพวกเขาตั้งแต่พวกเขาทำให้แต่ละคนต้องใส่ตัวเองที่มีความเสี่ยงที่สูงขึ้นสำหรับเหยื่อกว่า counterparts วิถีชีวิตร่วมสมัยของพวกเขา .