Whereas research on the maternal bo

Whereas research on the maternal bond is hampered by a plethora of research tools that mostly
lack applicability beyond a clinical setting, the Strange Situation Procedure and the Attachment Q-Sort
have been widely accepted as the gold standards of attachment security assessment in a wide area of
infant research.
However, the use of the widely applied ‘‘secure” versus ‘‘insecure” dichotomization that results
from the Strange Situation Procedure may not be best for assessing infant attachment in studies where
small effects are expected (such as when determining the effect of breastfeeding on infant attachment).
Although these categorical scores have been successfully applied in numerous studies (e.g.,
predicting attachment from parental sensitivity, or predicting future development from attachment),
the sensitivity of dichotomized scores is constrained because differences in attachment security between
infants within categories are not taken into account; that is to say, infants classified as ‘‘secure”
are all treated as equally secure. It is possible that the AQS, which yields continuous security scores, is
more suitable for detecting (subtle) influences of breastfeeding on attachment security (see also Fraley
and Spieker (2003) for further discussion on the use of a continuous versus categorical attachment
score).
Furthermore, both the SSP and the AQS are aimed at assessing attachment security after a clear-cut
attachment has been formed, and are therefore not applicable for assessing the quality of the developing
attachment relationship during the first year of life. One could argue that attachment security
is ‘in the making’ during the first year, and that the validity of early measures may be low, but studies
correlating early infant visual attention with later attachment security (Grossman, Grossman, Spangler,
Suess, & Unzner, 1985; Koulomzin et al., 2002) indicate that there are key behaviors that may
predict later attachment. Measures to assess ‘attachment-in-the-making’ in the first year of life might
be very useful in studying the effect of breastfeeding on the developing infant–mother attachment
relationship. An interesting candidate might be the Induced Stress at Home (ISH) procedure, developed
by Hoeksma, Koomen, and Van den Boom (1996). Hoeksma et al. used the ISH procedure to longitudinally
study the development of the attachment behavioral system in a group of infants between
3 and 12 months of age. Approximately one week after the last ISH procedure, the infants and their
mothers were also subjected to the Strange Situation Procedure. The ISH was shown to be a valid measure
to induce and measure the attachment behaviors proximity seeking, contact maintaining, and
avoidance. The ISH procedure might therefore be an interesting procedure for studies examining
the effects of breastfeeding on infant–mother attachment.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ในขณะที่การวิจัยความผูกพันแม่ถูกขัดขวางโดย ผู้วิจัยเครื่องมือที่เป็นส่วนใหญ่ความเกี่ยวข้องของขาดเกินตั้งคลินิก กระบวนการสถานการณ์แปลกและ Q-เรียงลำดับจากสิ่งที่แนบมีการยอมรับอย่างกว้างขวางเป็นมาตรฐานทองคำของแนบประเมินความปลอดภัยในพื้นที่กว้างวิจัยทารกอย่างไรก็ตาม การใช้ใช้กันอย่างแพร่หลาย "ทาง" dichotomization "ไม่ปลอดภัย" ซึ่งผลที่ได้เมื่อเทียบกับจากกระบวนการสถานการณ์แปลก ๆ อาจไม่ดีที่สุดสำหรับการประเมินทารกแนบไปศึกษาที่คาดว่าผลขนาดเล็ก (เช่นเมื่อกำหนดผลของนมทารกแนบ)ถึงแม้ว่าคะแนนแน่ชัดเหล่านี้ได้ถูกนำไปใช้ในการศึกษามากมาย (เช่นคาดการณ์ที่แนบจากความไวโดยผู้ปกครอง หรือคาดการณ์อนาคตจากสิ่งที่แนบมา),ความไวของคะแนน dichotomized มีจำกัดเนื่องจากความแตกต่างในความปลอดภัยของเอกสารแนบระหว่างทารกภายในประเภทไม่พิจารณา กล่าวคือ ทารกจัดเป็น "ปลอดภัย"ทั้งหมดถือว่าเท่า ๆ กันเป็นทางการ เป็นไปได้ว่า เป็นซาก ซึ่งทำให้คะแนนความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องเหมาะสำหรับการตรวจสอบอิทธิพลของนมบนความปลอดภัยของเอกสารแนบ (รายละเอียด) (โปรดดู Fraleyและเบอร์ชปีเคอร์โวล์ (2003) สำหรับการเพิ่มเติมอภิปรายการใช้อย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสิ่งที่แนบที่แน่ชัดคะแนน)นอกจากนี้ SSP และซากมุ่งเน้นไปที่การประเมินความปลอดภัยของเอกสารแนบหลัง clear-cut เป็นแนบมีการเกิดขึ้น และดังนั้นจึงไม่สามารถใช้ประเมินคุณภาพของการพัฒนาความสัมพันธ์ที่แนบมาในระหว่างปีแรกของชีวิต หนึ่งสามารถโต้เถียงที่ความปลอดภัยของเอกสารแนบจะ 'ในการทำ' ในช่วงปีแรก และที่มีผลบังคับใช้มาตรการก่อนอาจต่ำ แต่ศึกษากำลังรวบรวมความสนใจภาพทารกก่อน ด้วยความปลอดภัยเอกสารแนบหลัง (Grossman, Grossman, SpanglerSuess, & Unzner, 1985 Koulomzin และ al., 2002) ระบุว่า มีพฤติกรรมสำคัญที่อาจทำนายว่า สิ่งที่แนบมาในภายหลัง อาจประเมินการประเมิน 'แนบในเดอะทำ' ในปีแรกของชีวิตมีประโยชน์มากในการศึกษาผลของนมแนบทารก – แม่พัฒนาความสัมพันธ์ ผู้สมัครน่าสนใจอาจเกิดจากความเครียดที่ขั้นตอนหน้าแรก (อิชโบ) พัฒนาโดย Hoeksma, Koomen และบูมเดน (1996) Hoeksma et al. ใช้กระบวนอิชโบกับ longitudinallyศึกษาการพัฒนาของระบบพฤติกรรมที่แนบมาในกลุ่มของทารกระหว่าง3 เดือน และ 12 เดือนของอายุ ประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังจากตอนอิชโบล่าสุด ทารก และของพวกเขาแม่ก็ยังอยู่ภายใต้การกระบวนการสถานการณ์แปลก อิชโบถูกแสดงเป็น การวัดที่ถูกต้องเพื่อก่อให้เกิด และวัดแนบพฤติกรรมแห่งแสวงหา ติดต่อรักษา และหลีกเลี่ยง ตอนอิชโบดังนั้นอาจเป็นขั้นตอนที่น่าสนใจศึกษาตรวจสอบผลของนมแม่ในมารดา – ทารกแนบ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในขณะที่การวิจัยในพันธบัตรมารดาเป็นอุปสรรคมากมายเหลือเฟือของเครื่องมือในการวิจัยที่ส่วนใหญ่
ขาดการบังคับใช้เกินกว่าการตั้งค่าทางคลินิกขั้นตอนสถานการณ์ที่แปลกและเอกสารแนบ Q-เรียง
ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นมาตรฐานทองของการประเมินความปลอดภัยสิ่งที่แนบมาในพื้นที่ที่กว้างของ
วิจัยทารก.
อย่างไรก็ตามการใช้ใช้กันอย่างแพร่หลาย '' ปลอดภัย "เมื่อเทียบกับ '' ไม่ปลอดภัย" dichotomization ที่เป็นผล
มาจากขั้นตอนการสถานการณ์ที่แปลกอาจจะไม่ดีที่สุดในการประเมินสิ่งที่แนบมาของทารกในการศึกษาที่
มีผลกระทบขนาดเล็กที่คาดว่า (เช่นเมื่อพิจารณาผลกระทบ การเลี้ยงลูกด้วยนมในสิ่งที่แนบมาเด็ก).
แม้ว่าคะแนนเด็ดขาดเหล่านี้ได้ถูกนำมาใช้ประสบความสำเร็จในการศึกษาจำนวนมาก (เช่น
การทำนายสิ่งที่แนบมาจากความไวของผู้ปกครองหรือการคาดการณ์การพัฒนาในอนาคตจากสิ่งที่แนบมา)
ความไวของคะแนน dichotomized เป็นข้อ จำกัด เพราะความแตกต่างในการรักษาความปลอดภัยสิ่งที่แนบระหว่าง
ทารกภายใน ประเภทที่ไม่ได้นำเข้าบัญชี; กล่าวคือทารกจัดเป็น '' ปลอดภัย "
ทั้งหมดที่ได้รับการรักษาความปลอดภัยอย่างเท่าเทียมกัน เป็นไปได้ว่า AQS, ที่ทำให้การรักษาความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องคะแนนเป็น
มากขึ้นเหมาะสำหรับการตรวจจับ (บอบบาง) อิทธิพลของการให้นมแม่ในการรักษาความปลอดภัยสิ่งที่แนบมา (เห็น Fraley
และ Spieker (2003) สำหรับการอภิปรายต่อไปในการใช้อย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับสิ่งที่แนบมาเด็ดขาด
คะแนน) .
นอกจากนี้ทั้งเอสเอสและ AQS มีจุดมุ่งหมายเพื่อประเมินความปลอดภัยของสิ่งที่แนบมาหลังจากที่ชัดเจน
สิ่งที่แนบมาได้รับการขึ้นและดังนั้นจึงไม่สามารถใช้ได้กับการประเมินคุณภาพของการพัฒนา
ความสัมพันธ์ของสิ่งที่แนบมาในช่วงปีแรกของชีวิต หนึ่งได้ยืนยันความปลอดภัยของสิ่งที่แนบที่
เป็น 'ในการทำ' ในช่วงปีแรกและที่ถูกต้องของมาตรการในช่วงต้นอาจจะต่ำ แต่การศึกษา
ความสัมพันธ์ระหว่างความสนใจภาพในช่วงต้นของทารกที่มีความปลอดภัยสิ่งที่แนบมาในภายหลัง (กรอสแมน, กรอสแมน Spangler,
Suess และ Unzner 1985; Koulomzin, et al, 2002) แสดงให้เห็นว่ามีพฤติกรรมที่สำคัญที่อาจ.
คาดการณ์สิ่งที่แนบมาในภายหลัง มาตรการในการประเมิน 'สิ่งที่แนบมาในการทำในปีแรกของชีวิตอาจ
จะมีประโยชน์มากในการศึกษาผลกระทบของการเลี้ยงลูกด้วยนมในการพัฒนาทารกแม่สิ่งที่แนบมา
กับความสัมพันธ์ ผู้สมัครที่น่าสนใจอาจจะชักนำให้เกิดความเครียดที่บ้าน (ISH) ขั้นตอนการพัฒนา
โดย Hoeksma, Koomen และ Den Van บูม (1996) Hoeksma และคณะ ใช้ขั้นตอน ISH จะยาว
ศึกษาการพัฒนาระบบพฤติกรรมที่แนบมาในกลุ่มของเด็กทารกระหว่าง
3 และ 12 เดือนของอายุ ประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังจากขั้นตอน ISH ที่ผ่านมาของพวกเขาทารกและ
มารดาถูกยัดเยียดไปยังขั้นตอนสถานการณ์ที่แปลก ISH ถูกแสดงให้เห็นว่าเป็นมาตรการที่ถูกต้อง
ที่จะทำให้เกิดสิ่งที่แนบมาและวัดพฤติกรรมการแสวงหาความใกล้ชิดติดต่อบำรุงรักษาและ
การหลีกเลี่ยง ขั้นตอน ISH จึงอาจจะมีขั้นตอนที่น่าสนใจสำหรับการศึกษาการตรวจสอบ
ผลกระทบของการเลี้ยงลูกด้วยนมในสิ่งที่แนบมาทารกแม่

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ส่วนการวิจัยในพันธบัตรของมารดาเป็น hampered โดยมากมายเหลือเฟือของเครื่องมือวิจัย ที่ส่วนใหญ่
ขาดมาสเกินกว่าการตั้งค่าทางคลินิก , แปลกสถานการณ์ขั้นตอนและสิ่งที่แนบ q-sort
ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นทองมาตรฐานของการประเมินความปลอดภัยสิ่งที่แนบในพื้นที่กว้างของ

แต่เพื่อทารกใช้ของที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย 'secure ' กับ 'insecure " dichotomization ผลลัพธ์
จากขั้นตอนสถานการณ์แปลกๆ อาจจะดีที่สุดสำหรับการประเมินความผูกพันของทารกในการศึกษาที่คาดว่าผลขนาดเล็ก ( เช่น เมื่อพิจารณาผลของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในทารกที่แนบมา )
แม้ว่าคะแนนอย่างแท้จริงเหล่านี้ได้รับการสมัครเรียบร้อยแล้ว ในการศึกษามากมาย ( เช่น
ทำนายสิ่งที่แนบจากผู้ปกครองไว หรือทำนายอนาคตของการพัฒนาจากเอกสารแนบ ) ,
ความไวของคะแนน dichotomized เป็นข้อ จำกัด เนื่องจากความแตกต่างในสิ่งที่แนบมารักษาความปลอดภัยระหว่าง
ทารกภายในประเภทไม่ถ่ายลงในบัญชี ว่า ทารก จัดเป็น 'secure "
' ทั้งหมดถือว่าเป็นเท่าเทียมกัน การรักษาความปลอดภัย เป็นไปได้ว่า aqs ,ซึ่งให้ค่าคะแนนความปลอดภัยอย่างต่อเนื่อง คือ
เหมาะสำหรับการตรวจจับ ( สีสัน ) อิทธิพลของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในการรักษาความปลอดภัยสิ่งที่แนบมา ( เห็นอัน
spieker ( 2003 ) และสำหรับการอภิปรายเพิ่มเติมในการใช้อย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับคะแนนความผูกพัน
เด็ดขาด ) .
นอกจากนี้ ทั้งสูงและ aqs มุ่งการประเมินความปลอดภัยแนบหลัง สิ่งที่แนบมาชัดเจน
ได้รับตั้งขึ้นและดังนั้นจึงไม่สามารถใช้สำหรับการประเมินคุณภาพของการพัฒนา
แนบความสัมพันธ์ในช่วงปีแรกของชีวิต หนึ่งได้ยืนยันว่ามีการแนบ
' ในการ ' ในช่วงปีแรก และความถูกต้องของมาตรการแรกอาจจะน้อย แต่การศึกษา
ติดตามภาพทารกแรกกับการรักษาความปลอดภัยสิ่งที่แนบมาใส่ใจทีหลัง ( กรอสแมน กรอสแมน สเปงเลอร์ ซูส
, ,& unzner , 1985 ; koulomzin et al . , 2002 ) พบว่า มีพฤติกรรมสำคัญที่อาจ
ทำนายภายหลังที่แนบมา สิ่งที่แนบมาวัดเพื่อประเมินในการ ' ' ในช่วงปีแรกของชีวิตอาจ
เป็นประโยชน์มากในการศึกษาผลของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่และทารกในการพัฒนาความผูกพัน
ความสัมพันธ์ เป็นผู้สมัครที่น่าสนใจอาจจะเหนี่ยวนำให้เกิดความเครียดที่บ้าน ( ish ) กระบวนการพัฒนา
โดย hoeksma koomen , และแวนเดนบูม ( 1996 ) hoeksma et al . ใช้กระบวนการอิชไปตามยาว
ศึกษาการพัฒนาระบบพฤติกรรมความผูกพันในกลุ่มทารกระหว่าง
3 และ 12 เดือนของอายุ ประมาณหนึ่งสัปดาห์หลังจากขั้นตอน ish ล่าสุด , ทารกและมารดาของพวกเขา
ยังต้องพิจารณาสถานการณ์แปลกๆ ที่อังกฤษ คือเป็นวัดที่ถูกต้อง
เพื่อก่อให้เกิด และวัดพฤติกรรมความผูกพัน ความใกล้ชิดและการแสวงหา , ติดต่อ ,
4 ขั้นตอนที่คุณอาจจะ จึงเป็นวิธีการที่น่าสนใจสำหรับการศึกษาการตรวจสอบผลของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ในทารก
แม่–สิ่งที่แนบมา