In 2000, George Bierson’s "Marijuan

In 2000, George Bierson’s "Marijuana, the Deceptive Drug", was published by
the Massachusetts News. Bierson concludes that marijuana is harmful in many ways,
including brain damage, damage to the reproductive system, and weakening of the
immune system. He also attempts to convince the reader that marijuana is a "gateway
drug" that leads the users to venture into much harder drugs. I believe that research to
support anything can be found if one is looking hard enough, but that the fallacy of
Bierson’s conclusion is due to his research seeking facts to support an already-assumed
conclusion. Based on my research and my own personal experience, I have found that
several of his points, when looked at logically, do not reach his conclusion.
One of Bierson’s strongest supporting claims is of the physical harms of
marijuana. He argues that Heath's tests of the monkey's brain seemed to show conclusive
evidence of brain damage; however, he fails to mention that the tests were later
discredited: the monkeys were given extremely high doses, doses exponentially higher
than that of the average recreational or medical marijuana user, and the test’s sample size
was too small. More current studies of people who are heavy marijuana smokers show
no evidence of brain damage; in addition, the American Medical Association has
officially endorsed the decriminalization of marijuana. I find this to be quite a bit more
compelling than an outdated and poorly executed test. His claims of damage to both the
Streeter 2
reproductive system and the immune system are again based on invalid experiments of
nearly lethal doses administered to mice and other animals, not humans. Moreover,
several studies of the effects of marijuana on the human reproductive and immune
systems have failed to demonstrate adverse effects.
One of the longest standing arguments against the use of marijuana is that it gives
users a "gateway" to harder or more illicit drug use. Bierson states in his article that
"Marijuana is the seed from which the scourge of drug abuse grows. If we stop the
marijuana, we will stop the rest of drug abuse". I have several issues with this statement:
first, the simple fact that many heroin and cocaine users used marijuana first does not
conclude that the latter is the result of the first. Correlation is not causality. Bierson’s
vehement argument against marijuana alone become suspect, as most of these heroin and
cocaine abusers had also previously used alcohol and tobacco. According to government
surveys, a conservative estimate of 80 million American have tried marijuana in their life,
and 20 million admit to using it recently; if marijuana were truly a gateway drug, we
would see a higher percentage of regular users. Instead we are seeing an even smaller
percentage of abusers of cocaine or heroin. In fact, most people who use marijuana most
often quit on their own before the age of 34. If anybody is still compelled to buy into the
"gateway" theory, a real-life example is available for all to see: In Holland, marijuana has
been partially decriminalized since the 1970's. Reports show that the use of cocaine and
heroin has significantly decreased, thus contradicting the hypothesis of marijuana as a
gateway drug. Instead, these statistics appear to point to the conclusion that marijuana is
more likely a substitute for harder drugs rather than a launching pad.
Streeter 3
While I do feel that Bierson has failed to present conclusive evidence of the
harmfulness of marijuana through the points made, it is not a proper statement to claim
that marijuana is "harmless" either. Even though the properties of marijuana have shown
not to be physically addictive, one can become psychologically addicted. However, this is
true of just about anything that can give one pleasure, such as chocolate, gambling, or
shopping. No substance will be safe for everybody, under all circumstances, or when
used in excessive amounts. For example, over-the-counter medications can be deadly for
those who are allergic or who overdose. On the other hand, marijuana overdose has never
been a sole reported cause of death: the amount of cannabinoids required to have a lethal
effect are more than 40,000 times the necessary dosage for intoxication, making it highly
unlikely that a person would be able to or could be able to achieve such a concentrated
amount in their bloodstream. This is a severe contrast to alcohol, where one can very
easily bring about one's demise, and at only a mere four times the legal limit.
Marijuana continues to be a relevant controversial issue in society today, as many
states included decriminalization and legalization proposals on their ballots. It can be
very difficult to know which side to support, partially due to the media propaganda, some
of which even contradicts itself in its fervor. This is likely the result of many wealthy
and influential organizations that have a financial interest in this issue, from the
pharmaceutical companies who sta

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ใน 2000 จอร์จ Bierson ของ "กัญชา ยาเสพติดหลอกลวง" ถูกเผยแพร่โดยข่าวรัฐแมสซาชูเซตส์ Bierson สรุปว่า กัญชาเป็นอันตรายในหลาย ๆสมอง ความเสียหายของระบบสืบพันธุ์ และการลดลงของการระบบภูมิคุ้มกัน เขายังพยายามที่จะโน้มน้าวให้ผู้อ่านว่ากัญชาเกตเวย์"ยาเสพติด"ที่ผู้ใช้การลงยายากมาก ผมเชื่อว่าการวิจัยนั้นสิ่งที่สามารถพบได้ถ้าใครจะมองยากมาก แต่ที่เข้าใจผิดของการสนับสนุนบทสรุปของ Bierson เป็นเนื่องจากการวิจัยของเขาแสวงหาข้อเท็จจริงเพื่อสนับสนุนการแล้วสมมติสรุป ตามประสบการณ์ส่วนตัวของฉันเองและการวิจัยของฉัน ฉันได้พบว่านอกจากนี้หลายจุดของเขา เมื่อมองที่เหตุผล ไม่ถึงบทสรุปของเขาเรียกร้องสนับสนุนที่แข็งแกร่งของ Bierson เป็นของ harms ทางกายภาพของกัญชา เขาจนที่ ทดสอบของสุขภาพของสมองลิงดูเหมือนจะ แสดงข้อสรุปหลักฐานของสมอง อย่างไรก็ตาม เขาไม่พูดถึงว่า การทดสอบได้ในภายหลังdiscredited: ลิงได้รับปริมาณสูงมาก สูงสร้างปริมาณกว่าที่ผู้ใช้กัญชาหย่อน หรือแพทย์เฉลี่ย และขนาดตัวอย่างการทดสอบมีขนาดเล็กเกินไป ศึกษาเพิ่มเติมปัจจุบันของบุคคลที่จะแสดงผู้สูบบุหรี่กัญชาหนักของสมอง นอกจากนี้ สมาคมการแพทย์อเมริกันได้รับรองอย่างเป็นทางการ decriminalization ของกัญชา ค้นหานี้จะค่อนข้างเล็กน้อยจับใจ กว่าที่ล้าสมัย และงานดำเนินการทดสอบ เขาเรียกร้องความเสียหายทั้ง Streeter 2ระบบสืบพันธุ์และระบบภูมิคุ้มกันอีกขึ้นอยู่กับการทดลองไม่ถูกต้องของปริมาณเกือบยุทธภัณฑ์ที่ดูแลหนู และสัตว์อื่น มนุษย์ไม่ นอกจากนี้ศึกษาหลายลักษณะพิเศษของกัญชามนุษย์สืบพันธุ์และภูมิคุ้มกันระบบได้ไม่สามารถแสดงให้เห็นถึงผลข้างเคียงอาร์กิวเมนต์ยืนยาวที่สุดกับการใช้กัญชาคือว่า มันทำให้"เกตเวย์" ยาก หรือผิดกฎหมายมากกว่าผู้ใช้ยาใช้ บทความที่อเมริกา Bierson ของเขา"กัญชาได้เมล็ดซึ่งเกิดการระบาดของการเสพ ถ้าเราหยุดการกัญชา เราจะหยุดเหลือเสพ" มีหลายปัญหานี้:ครั้งแรก ความจริงที่ผู้ใช้โคเคนและเฮโรอีนจำนวนมากใช้กัญชาก่อนไม่ได้สรุปว่า หลังเป็นผลครั้งแรก ความสัมพันธ์ไม่ causality ของ Biersonอาร์กิวเมนต์ vehement กับกัญชาคนเดียวกลายเป็นสงสัย เป็นส่วนใหญ่เหล่านี้เฮโรอีน และก็ยังเคยมีใช้โคเคน abusers แอลกอฮอล์และยาสูบ ตามที่รัฐบาลสำรวจ ประเมินหัวเก่าของอเมริกัน 80 ล้านได้ลองกัญชาในชีวิตและ 20 ล้านยอมรับว่า การใช้ล่าสุด ถ้ากัญชาได้อย่างแท้จริงเป็นเกตเวย์ยา เราจะดูเปอร์เซ็นต์สูงกว่าผู้ใช้ปกติ แต่ เราเห็นมีแม้แต่น้อยเปอร์เซ็นต์ของ abusers เฮโรอีนหรือโคเคน ในความเป็นจริง คนส่วนใหญ่ที่ใช้กัญชามากที่สุดมักจะเลิกเองก่อนอายุ 34 ถ้าใครยังไม่ถูกจะซื้อเป็น"เกตเวย์" ทฤษฎี ตัวอย่างชีวิตจริงมีให้ดูทุกคน: มีกัญชาในฮอลแลนด์รับ decriminalized บางส่วนตั้งแต่ 115 รายงานแสดงว่าการใช้โคเคน และเฮโรอีนมีมากลดลง contradicting สมมติฐานของกัญชาเป็นดังนั้น การยาเสพติดของเกตเวย์ สถิติเหล่านี้ปรากฏจุดสรุปว่าเป็นกัญชาแทนปกติแทนยายากมากกว่าแผ่นจุดเริ่มต้น Streeter 3ในขณะที่รู้สึกว่า Bierson ล้มเหลวในการนำเสนอมิใช่หลักฐานการharmfulness ของกัญชาผ่านจุดที่ทำการ ไม่คำสมอ้างกัญชาที่เป็น "อันตราย" อย่างใดอย่างหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะมีแสดงคุณสมบัติของกัญชาไม่ต้องเสพติดทางร่างกาย หนึ่งสามารถกลายเป็นติด psychologically อย่างไรก็ตาม นี้เป็นความจริงของอะไรที่สามารถให้ความสุขหนึ่ง เช่นช็อคโกแลต การพนัน หรือช้อปปิ้ง สารไม่จะปลอดภัยสำหรับทุกคน สถานการณ์ หรือเมื่อใช้ในปริมาณที่มากเกินไป ตัวอย่าง ยายาสามารถเป็นอันตรายถึงชีวิตสำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้ หรือที่ใช้ยาเกินขนาด บนมืออื่น ๆ กัญชาใช้ยาเกินขนาดได้ไม่ได้แต่เพียงผู้เดียวที่รายงานสาเหตุการตาย: จำนวน cannabinoids ต้องมีเป็นยุทธภัณฑ์ผลมีมากกว่า 40000 ครั้งจำเป็นขนาดสำหรับ intoxication ทำให้สูงไม่ว่า บุคคลจะสามารถ หรือไม่สามารถประสบความสำเร็จเช่นความเข้มข้นยอดเงินในกระแสเลือดของพวกเขา นี่คือความแตกต่างอย่างรุนแรงสุรา ที่หนึ่งสามารถมากได้นำมา เกี่ยวกับลูกของ และเฉพาะเพียงสี่ครั้งกฎหมายกำหนดกัญชายังมีปัญหาความขัดแย้งเกี่ยวข้องในสังคมวันนี้ มากที่สุดอเมริการวม decriminalization และรับรองเอกสารข้อเสนอในการเปิด สามารถยากรู้ที่ด้านข้างเพื่อสนับสนุน บางส่วนเนื่องจากการโฆษณาชวนเชื่อของสื่อ บางของที่ได้ทุกตัวใน fervor นี้อาจเป็นผลของมั่งคั่งและองค์กรที่มีอิทธิพลที่มีความสนใจทางการเงินในเรื่องนี้ จาก การยาบริษัทที่สตา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ในปี 2000 จอร์จ Bierson ของ "กัญชายาหลอกลวง"
ได้รับการตีพิมพ์โดยแมสซาชูเซตข่าว Bierson สรุปว่ากัญชาเป็นอันตรายในหลาย ๆ ด้านรวมถึงความเสียหายของสมองเกิดความเสียหายต่อระบบสืบพันธุ์และการลดลงของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย นอกจากนี้เขายังพยายามที่จะโน้มน้าวให้ผู้อ่านว่ากัญชาเป็น "ประตูสู่ยาเสพติด" ที่นำไปสู่ผู้ใช้ในการร่วมเป็นยาเสพติดที่ยากมาก ผมเชื่อว่าการวิจัยเพื่อสนับสนุนสิ่งที่สามารถพบได้ถ้าจะมองหายากพอแต่ที่เข้าใจผิดของข้อสรุปของBierson เกิดจากการแสวงหาข้อเท็จจริงการวิจัยของเขาเพื่อสนับสนุนแล้วสันนิษฐานสรุป จากการวิจัยและประสบการณ์ส่วนตัวของฉันของฉันเองฉันได้พบว่าหลายจุดของเขาเมื่อมองที่มีเหตุผลไม่เชื่อมั่นของเขา. หนึ่งของการเรียกร้องการสนับสนุนที่แข็งแกร่ง Bierson เป็นของอันตรายทางกายภาพของกัญชา เขาระบุว่าการทดสอบของเฮลธ์ของสมองลิงดูเหมือนจะแสดงข้อสรุปหลักฐานของความเสียหายของสมอง; แต่เขาไม่พูดถึงว่าการทดสอบหลังจากนั้นน่าอดสู: ลิงที่ได้รับในปริมาณที่สูงมากปริมาณชี้แจงสูงกว่าที่ของผู้ใช้กัญชาเฉลี่ยนันทนาการหรือการทางการแพทย์และการทดสอบขนาดของกลุ่มตัวอย่างที่มีขนาดเล็กเกินไป การศึกษาเป็นปัจจุบันมากขึ้นของคนที่สูบบุหรี่กัญชาหนักแสดงหลักฐานของความเสียหายของสมองไม่มี นอกจากนี้สมาคมการแพทย์อเมริกันได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ decriminalization ของกัญชา ฉันพบนี้จะค่อนข้างน้อยมากที่น่าสนใจกว่าการทดสอบที่ล้าสมัยและดำเนินการได้ไม่ดี การเรียกร้องของเขาในการสร้างความเสียหายให้ทั้งสตรี 2 ระบบสืบพันธุ์และระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะขึ้นอีกครั้งในการทดลองที่ไม่ถูกต้องของปริมาณที่ตายเกือบบริหารให้กับหนูและสัตว์อื่น ๆ ที่ไม่มนุษย์ นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยหลายชิ้นของผลกระทบของกัญชาในระบบสืบพันธุ์และระบบภูมิคุ้มกันของมนุษย์ระบบจะยังไม่ได้แสดงให้เห็นถึงผลกระทบ. หนึ่งในที่ยาวที่สุดข้อโต้แย้งที่ยืนอยู่กับการใช้กัญชาก็คือว่ามันจะช่วยให้ผู้ใช้ "ประตู" เพื่อยากหรือมากกว่าการใช้ยาที่ผิดกฎหมาย . รัฐ Bierson ในบทความของเขาว่า"กัญชาเป็นเมล็ดจากที่ระบาดของยาเสพติดเติบโต. ถ้าเราหยุดกัญชาเราจะหยุดส่วนที่เหลือของยาเสพติด" ผมมีหลายประเด็นกับคำสั่งนี้: ครั้งแรกที่ความจริงง่ายๆที่เฮโรอีนจำนวนมากและผู้ใช้ที่ใช้โคเคนกัญชาครั้งแรกไม่ได้สรุปว่าหลังเป็นผลมาจากครั้งแรก ความสัมพันธ์ไม่ได้เป็นเวรกรรม Bierson ของการโต้เถียงรุนแรงกับกัญชาเพียงอย่างเดียวกลายเป็นผู้ต้องสงสัยเป็นส่วนใหญ่ของยาเสพติดเหล่านี้และผู้ที่ทำร้ายโคเคนยังได้ใช้ก่อนหน้านี้เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และยาสูบ ตามที่รัฐบาลสำรวจประมาณการอนุรักษ์ 80 ล้านชาวอเมริกันได้พยายามกัญชาในชีวิตของพวกเขาและ20 ล้านบาทยอมรับกับการใช้มันเมื่อเร็ว ๆ นี้; ถ้ากัญชาเป็นยาเสพติดอย่างแท้จริงประตูที่เราจะได้เห็นอัตราร้อยละที่สูงขึ้นของผู้ใช้ปกติ แต่เราจะเห็นแม้มีขนาดเล็กร้อยละของผู้ที่ทำร้ายโคเคนหรือเฮโรอีน ในความเป็นจริงคนส่วนใหญ่ที่ใช้กัญชาส่วนใหญ่มักจะออกด้วยตัวเองก่อนที่จะอายุ 34 ถ้าใครถูกบังคับยังคงซื้อเป็น "ประตู" ทฤษฎีเป็นตัวอย่างในชีวิตจริงที่มีอยู่สำหรับทุกคนได้เห็นในฮอลแลนด์, กัญชา ได้รับบางส่วนdecriminalized ตั้งแต่ปี 1970 รายงานแสดงให้เห็นว่าการใช้โคเคนและเฮโรอีนได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจึงขัดแย้งกับสมมติฐานของกัญชาเป็นยาเสพติดประตู แต่สถิติเหล่านี้จะปรากฏให้ชี้ไปสรุปว่ากัญชาเป็นแนวโน้มที่แทนสำหรับยาเสพติดที่ยากมากกว่าการยิงจรวดขีปนาวุธได้. สตรี 3 ในขณะที่ฉันรู้สึกว่า Bierson ล้มเหลวที่จะนำเสนอหลักฐานของความร้ายกาจของกัญชาผ่านจุดที่ทำ, มันไม่ได้เป็นคำสั่งที่เหมาะสมที่จะเรียกร้องกัญชาที่เป็น "อันตราย" อย่างใดอย่างหนึ่ง ถึงแม้ว่าคุณสมบัติของกัญชาได้แสดงให้เห็นไม่ได้ที่จะเสพติดทางร่างกายหนึ่งสามารถกลายเป็นติดยาเสพติดทางจิตใจ แต่นี้เป็นจริงเพียงเกี่ยวกับอะไรที่สามารถให้ความสุขอย่างใดอย่างหนึ่งเช่นช็อคโกแลตการเล่นการพนันหรือการช้อปปิ้ง ไม่มีสารจะปลอดภัยสำหรับทุกคนในทุกสถานการณ์หรือเมื่อใช้ในปริมาณที่มากเกินไป ยกตัวอย่างเช่นในช่วงที่เคาน์เตอร์ยาสามารถเต็มที่สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้หรือผู้ที่ให้ยาเกินขนาด ในทางตรงกันข้ามยาเกินขนาดกัญชาไม่เคยได้รับสาเหตุที่รายงาน แต่เพียงผู้เดียวแห่งความตาย: จำนวน cannabinoids ต้องมีตายผลกระทบมากกว่า40,000 ครั้งในปริมาณที่จำเป็นสำหรับการมึนเมาทำให้มันสูงไม่น่าที่คนจะสามารถหรืออาจจะสามารถที่จะบรรลุความเข้มข้นดังกล่าวเป็นจำนวนเงินในกระแสเลือดของพวกเขา นี่คือความแตกต่างอย่างรุนแรงกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่หนึ่งมากสามารถได้อย่างง่ายดายนำมาเกี่ยวกับการตายของคนและเพียงเพียงสี่ครั้งที่กฎหมายกำหนด. กัญชายังคงเป็นปัญหาที่ถกเถียงที่เกี่ยวข้องในสังคมปัจจุบันเป็นจำนวนมากรัฐรวม decriminalization และข้อเสนอถูกต้องตามกฎหมายใน คะแนนเสียงของพวกเขา มันอาจจะเป็นเรื่องยากมากที่จะรู้ว่าที่ด้านข้างให้การสนับสนุนบางส่วนเกิดจากการโฆษณาชวนเชื่อของสื่อบางแห่งที่แม้จะขัดแย้งกับตัวเองในความร้อนของ นี่คือน่าจะเป็นผลของเศรษฐีหลายองค์กรและมีอิทธิพลที่มีความสนใจทางการเงินในเรื่องนี้จากบริษัท ยาที่ STA