The flipped model’s third goal is t

The flipped model’s third goal is to focus more on learning objectives on the upper portion of Bloom’s taxonomy without sacrificing the factual base. Additional class time provides opportunity for more group project-based learning which encourages collaborative learning which can further shift the class setting from instructor-centered to student-centered (Klemz et al., 2003). A flipped model also provides the additional time that can be spent on higher-order questioning and problem solving, learning objectives higher on Bloom’s taxonomy, as well as exposing students to all four stages of Kolb’s learning cycle—concrete experience, abstract conceptualization, reflective observation, and active experimentation (Klemz et al.). The use of educational technology to flip the classroom allows for greater opportunities for learning through experiential or active learning (Begmann & Sams, 2009; Strayer, 2007; Zappe, Leicht, Messner, Litzinger, & Lee, 2009). The National Research Council has stated that “…the new science of learning is beginning to provide knowledge to improve significantly people’s abilities to become active learners who seek to understand complex subject matter and are better prepared to transfer what they have to new problems and settings” (NRC, 2000, p. 13).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

เป้าหมายที่สามของรุ่น flipped จะเน้นเรียนรู้วัตถุประสงค์ในส่วนบนของระบบภาษีของบลูมลพาฐานความจริงมากขึ้น เวลาเรียนเพิ่มเติมมีโอกาสมากกว่ากลุ่มโครงการเรียนรู้ซึ่งกระตุ้นการเรียนรู้ร่วมกันซึ่งสามารถเพิ่มเติมกะการตั้งค่าระดับจากศูนย์กลางผู้สอนให้นักเรียนเป็นศูนย์ (Klemz et al., 2003) รุ่น flipped ยังให้เวลาเพิ่มเติมที่สามารถใช้ในขั้นสูงสงสัย และแก้ปัญหา วัตถุประสงค์ที่สูงขึ้นของบลูมจำแนกประเภทการเรียนรู้ ตลอดจนเปิดเผยนักเรียนทั้งหมดสี่ขั้นตอนของวงจรการเรียนรู้ของ Kolb — คอนกรีตประสบการณ์ แบบ abstract conceptualization สังเกตสะท้อน และทดลองใช้งาน (Klemz et al.) การใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาพลิกห้องเรียนอนุญาตให้โอกาสมากขึ้นสำหรับการเรียนรู้ผ่านงาน หรือผ่านการเรียนรู้ (Begmann & Sams, 2009 Strayer, 2007 Zappe, Leicht เมสเนอร์ Litzinger และ ลี 2009) สภาวิจัยแห่งชาติได้ระบุไว้ที่ ".. เริ่มอะลูมิเนียมม...วิทยาศาสตร์ใหม่เรียนรู้เพื่อให้ความรู้ในการปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญความสามารถของคนเป็น ผู้เรียนที่ใช้งานอยู่ที่พยายามเข้าใจเรื่องที่ซับซ้อน และก็เตรียมพร้อมที่จะโอนย้ายสิ่งที่พวกเขามีปัญหาและการตั้งค่า " (NRC, 2000, p. 13)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ประตูที่สามแบบพลิกคือการมุ่งเน้นที่วัตถุประสงค์การเรียนรู้ในส่วนบนของอนุกรมวิธานของบลูมโดยไม่ต้องเสียสละฐานจริง เวลาเรียนเพิ่มเติมให้โอกาสสำหรับการเรียนรู้ตามโครงการกลุ่มอื่น ๆ ที่เอื้อให้เกิดการเรียนรู้การทำงานร่วมกันซึ่งต่อไปจะสามารถเปลี่ยนการตั้งค่าเรียนจากอาจารย์ผู้สอนเป็นศูนย์กลางที่จะเน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลาง (Klemz et al., 2003) รูปแบบพลิกนอกจากนี้ยังมีเวลาเพิ่มเติมที่สามารถนำมาใช้ในการตั้งคำถามลำดับที่สูงกว่าและการแก้ปัญหาวัตถุประสงค์การเรียนรู้ที่สูงขึ้นในอนุกรมวิธานของบลูมเช่นเดียวกับการเปิดเผยนักเรียนทุกสี่ขั้นตอนของประสบการณ์วงจรคอนกรีตเรียนรู้ Kolb ของแนวความคิดนามธรรมสังเกตสะท้อนแสง และทดลองใช้งาน (Klemz et al.) การใช้เทคโนโลยีการศึกษาเพื่อพลิกห้องเรียนช่วยให้โอกาสมากขึ้นสำหรับการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์หรือการเรียนรู้การใช้งาน (Begmann & Sams, 2009; Strayer 2007; Zappe, Leicht, เมสเนอร์, Litzinger และลี 2009) สภาวิจัยแห่งชาติได้กล่าวว่า "... วิทยาศาสตร์ใหม่ของการเรียนรู้เป็นจุดเริ่มต้นที่จะให้ความรู้ในการปรับปรุงอย่างมีนัยสำคัญความสามารถของคนที่จะเป็นผู้เรียนที่ใช้งานที่กำลังมองหาที่จะเข้าใจเรื่องที่ซับซ้อนและมีการเตรียมความพร้อมในการถ่ายโอนสิ่งที่พวกเขามีปัญหาใหม่และการตั้งค่า" (NRC, 2000 พี. 13)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เป้าหมายที่สามพลิกรูปแบบคือการมุ่งเน้นเพิ่มเติมเกี่ยวกับจุดประสงค์การเรียนรู้ในส่วนบนของบานของโดยไม่ต้องสละฐานจริง เวลาเรียนเพิ่มเติมโอกาสให้อีกกลุ่มการเรียนรู้แบบโครงงาน ซึ่งจะกระตุ้นการเรียนรู้ร่วมกันซึ่งสามารถเปลี่ยนระดับการตั้งค่าจากผู้สอนเป็นศูนย์กลาง เพื่อเน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ ( klemz et al . , 2003 )เป็นการพลิกรูปแบบยังให้เวลาเพิ่มเติมที่สามารถใช้ในระดับสูง การตั้งคำถาม และการแก้ไขปัญหา วัตถุประสงค์การเรียนรู้ที่สูงขึ้นในการออกดอกของ รวมทั้งเปิดเผยนักเรียนทั้งหมดสี่ขั้นตอนของการเรียนรู้จากประสบการณ์ของคอล์บ คอนกรีต โดยการ สังเกต ดัง และการทดลองใช้ klemz et al . )การใช้เทคโนโลยีทางการศึกษาเพื่อพลิกห้องเรียนช่วยให้โอกาสมากขึ้นสำหรับการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ หรืองานเรียน ( begmann & Sams , 2009 ; สเตรย์เออร์ , 2007 ; zappe , ง่าย , เมสเนอร์ litzinger & , , ลี , 2009 )สภาวิจัยแห่งชาติได้กล่าวว่า " . . . วิทยาศาสตร์ใหม่ของการเรียนรู้เป็นจุดเริ่มต้นเพื่อให้ความรู้เพื่อปรับปรุงอย่างมากของผู้คนสามารถที่จะกลายเป็นงานที่ใช้งานผู้ที่แสวงหาที่จะเข้าใจเรื่องซับซ้อนและดีกว่าเตรียมโอนแล้วจะมีปัญหาใหม่และการตั้งค่า " ( NRC , 2543 , หน้า 13 )