Chiral compounds are compounds in w

Chiral compounds are compounds in which their
molecular mirror image is not superimposable on itself.
For carbon compounds this usually results from a carbon
atom having four different substituents bonded to
it. Many introductory organic chemistry textbooks describe
how a chiral compound will rotate a plane of polarized
light through a given angle and that can be used
as an identification technique between enantiomers (same
molecular formula but they differ in their chirality). One
enantiomer will rotate the plane of light in a positive direction
while the other enantiomer rotates the light the
same magnitude of degrees but in the opposite direction.
[1]
Rotations of polarized light are not just limited to chiral
compounds. Michael Faraday discovered in 1845 that
when some optically inactive materials are exposed to
high magnetic fields they will rotate the plane of polarized
light. Unlike chiral compounds the rotation in the
positive or negative direction is dependent on whether
the incident light is traveling parallel or anti-parallel to
the direction of the magnetic field. This effect can be
seen in solids, liquids or in gases but is exaggerated the
most in gases. [2, 3]
One of the concepts to understand behind the Faraday
Effect is the Verdet Constant which is specific to each
sample (much the same way that the molar absorptivity
of a substance is specific to the substance). The Verdet
Constant “is defined as the rotation per unit path per
unit field strength.” [3] It also acts as a proportionality
constant between the angle of rotation and the product
of the magnetic field and path length through the sample.
The goal of the experiment was to measure the Verdet
Constant for the light flint glass sample and compare it
to a theoretically calculated value.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

สารประกอบ chiral เป็นสารประกอบของพวกเขาในการที่
ภาพสะท้อนในกระจกโมเลกุลไม่ได้ superimposable กับตัวเอง.
สำหรับสารประกอบคาร์บอนนี้มักจะเป็นผลมาจากคาร์บอน
อะตอมที่มีสี่ substituents ที่แตกต่างกันผูกมัดกับ
มัน หลายเบื้องต้นตำราเคมีอินทรีย์อธิบาย
วิธีสารประกอบ chiral จะหมุนระนาบของขั้ว
แสงผ่านมุมที่กำหนดและที่สามารถนำมาใช้
เป็นเทคนิคการระบุระหว่าง enantiomers (เช่นเดียว
สูตรโมเลกุล แต่พวกเขาแตกต่างกันใน chirality ของพวกเขา) หนึ่ง
enantiomer จะหมุนระนาบของแสงในทิศทางที่เป็นบวก
ในขณะที่ enantiomer อื่น ๆ หมุนแสง
ขนาดเดียวกันขององศา แต่ในทิศทางตรงกันข้าม.
[1]
หมุนเวียนของแสงไม่ได้ จำกัด อยู่เพียงเพื่อ chiral
สารประกอบ ไมเคิลฟาราเดย์ค้นพบในปี 1845 ว่า
เมื่อบางวัสดุที่ไม่ใช้งานแสงมีการสัมผัสกับ
สนามแม่เหล็กสูงที่พวกเขาจะหมุนระนาบของขั้ว
ไฟ ซึ่งแตกต่างจากสารประกอบ chiral หมุนใน
ทิศทางบวกหรือลบขึ้นอยู่กับว่า
แสงที่ตกกระทบคือการเดินทางขนานหรือต่อต้านขนานไปกับ
ทิศทางของสนามแม่เหล็ก ผลกระทบนี้จะสามารถ
มองเห็นได้ในของแข็งของเหลวหรือก๊าซ แต่ที่พูดเกินจริง
มากที่สุดในก๊าซ [2, 3]
หนึ่งของแนวความคิดที่จะเข้าใจอยู่เบื้องหลังเดย์
ผลเป็น Verdet คงที่ซึ่งเป็นที่เฉพาะเจาะจงในแต่ละ
ตัวอย่าง (มากเช่นเดียวกับที่ดูดกราม
ของสารเป็นเฉพาะกับสาร) Verdet
คงที่ "ถูกกำหนดให้เป็นเส้นทางการหมุนต่อหน่วยต่อ
ความแรงของสนามยูนิท. "[3] นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นสัดส่วน
อย่างต่อเนื่องระหว่างมุมของการหมุนและผลิตภัณฑ์
ของสนามแม่เหล็กและระยะเวลาในเส้นทางผ่านตัวอย่าง.
เป้าหมายของ การทดลองการวัด Verdet
คงตัวอย่างหินแก้วแสงและเปรียบเทียบ
กับค่าที่คำนวณตามหลักวิชา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

1 ) เป็นสารประกอบที่กระจกของพวกเขา
โมเลกุลไม่ superimposable เอง .
สำหรับสารประกอบคาร์บอนนี้มักจะผลจากคาร์บอนอะตอมมี 4 หมู่ต่าง ๆ กัน


นะ หลายตำราเคมีอินทรีย์เบื้องต้นอธิบาย
ว่าสารประกอบ chiral จะหมุนระนาบแสงโพลาไรซ์
ผ่านให้มุมที่สามารถใช้
เป็นการระบุเทคนิคระหว่างแนนทิโอเมอร์ ( สูตรโมเลกุลเหมือนกัน
แต่พวกเขาแตกต่างในความถนัดของตนเอง ) หนึ่ง
ibuprofen จะหมุนระนาบของแสงในทิศทางที่เป็นบวก ในขณะที่อื่น ๆ

ibuprofen หมุนแสงเดียวกันขนาดขององศา แต่ในทิศทางตรงกันข้าม
[ 1 ]
การหมุนของแสงโพลาไรซ์ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ 1
สารประกอบไมเคิล ฟาราเดย์ค้นพบใน 1845 ที่
เมื่อวัสดุด้านข้างใช้งานบางตาก
สนามแม่เหล็กสูงจะหมุนระนาบแสงโพลาไรซ์
. ซึ่งแตกต่างจากสารประกอบ chiral หมุนในทิศทางที่เป็นบวก หรือ ลบ

เหตุการณ์ขึ้นอยู่กับว่าแสงเดินทางขนานหรือขนานกัน

ทิศทางของสนามแม่เหล็ก ผลกระทบนี้จะสามารถ
เห็นในของแข็งของเหลว หรือก๊าซ แต่เป็นที่พูดเกินจริง
ที่สุดในก๊าซ [ 2 , 3 ]
หนึ่งในแนวคิดที่เข้าใจหลังผลฟาราเดย์
เป็น verdet คงที่ที่เฉพาะเจาะจงกับแต่ละ
ตัวอย่าง ( ลักษณะเดียวกับที่ฟันกรามซี่ดูด
สารเฉพาะสาร ) การ verdet
คงที่ " หมายถึงการหมุนต่อเส้นทางหน่วยต่อ
แรงสนามหน่วย" [ 3 ] นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นสัดส่วน
คงที่ระหว่างมุมของการหมุนและผลิตภัณฑ์
ของสนามแม่เหล็กและความยาวของเส้นทางผ่านตัวอย่าง
เป้าหมายของการทดลองคือวัด verdet
คงแก้วหินเหล็กไฟแสงตัวอย่างและเปรียบเทียบเพื่อคำนวณค่า

ทุกคน .