The objective of this study is to d

The objective of this study is to determine the effect of soy sauce on volatile compounds and lipid oxidation of cooked irradiated beef patties. Sulfur-containing volatile components, which are produced by irradiation, were not found in all treatments. Volatile components derived from soy sauce, such as 3-hydroxy-2-butanone, acetic acid, 3-methyl-1-butanol and 2-methyl-1-butanol, were detected in beef patties containing soy sauce regardless of irradiation and packaging method. Volatile aldehydes, including hexanal, significantly decreased the irradiated beef patty prepared with soy sauce compared to those of irradiated beef patty made with NaCl at 1 day and 5 days after irradiation. In addition, combined use of vacuum packaging and soy sauce treatments could inhibit the formation of volatile compounds and 2-thiobarbituric acid reactive substances during chilled storage. Therefore, the use of soy sauce in cooked and irradiated beef could reduce the production of volatile components associated with the irradiation-induced off-flavor and lipid oxidation.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้จะพิจารณาผลของซีอิ๊วในสารระเหยและกระบวนการเกิดออกซิเดชันของ patties เนื้อสุก irradiated ไม่พบประกอบด้วยกำมะถันระเหยส่วนประกอบ ซึ่งมีผลิต โดยวิธีการฉายรังสี ในการรักษาทั้งหมด ส่วนประกอบที่ระเหยมาจากซอสถั่วเหลือง เช่น 3-hydroxy-2-บิวทาโนน กรดอะซิติก 3-methyl-1-บิวทานอ และ 2-methyl-1-บิวทา นอ พบใน patties เนื้อประกอบด้วยซอสถั่วเหลือง โดยวิธีการฉายรังสี และวิธีการบรรจุภัณฑ์ Aldehydes ระเหย รวม hexanal มากลดลงแพ็ตตี้ irradiated เนื้อที่ปรุง ด้วยซอสถั่วเหลืองเปรียบเทียบแพตตี้ irradiated เนื้อทำ ด้วย NaCl 1 วันและ 5 วันหลังจากวิธีการฉายรังสี นอกจากนี้ ใช้รวมของบรรจุภัณฑ์และซอสถั่วเหลืองรักษาสิวสามารถยับยั้งการก่อตัวของสารระเหยและสารปฏิกิริยากรด 2-thiobarbituric ระหว่างเก็บเย็น ดังนั้น การใช้ซอสถั่วเหลืองในเนื้อสุก และ irradiated สามารถลดการผลิตประกอบระเหยที่สัมพันธ์กับวิธีการฉายรังสีทำให้เกิดไขมันและออกรสเกิดออกซิเดชัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัตถุประสงค์ของการศึกษานี้คือการตรวจสอบผลกระทบของซอสถั่วเหลืองในสารระเหยและออกซิเดชันของไขมันของการฉายรังสีไส้เนื้อสุก กำมะถันที่มีองค์ประกอบสารระเหยซึ่งมีการผลิตโดยการฉายรังสียังไม่ได้พบในการรักษาทั้งหมด องค์ประกอบสารระเหยที่ได้มาจากซอสถั่วเหลืองเช่น 3 ไฮดรอกซี-2-butanone, กรดอะซิติก 3-methyl-1-บิวทานอลและ 2-methyl-1-บิวทานอถูกตรวจพบในไส้เนื้อวัวที่มีซอสถั่วเหลืองโดยไม่คำนึงถึงการฉายรังสีและวิธีการบรรจุภัณฑ์ . aldehydes ระเหยรวมทั้ง hexanal อย่างมีนัยสำคัญลดลงเนื้อขนมพายฉา​​ยรังสีที่ปรุงด้วยซอสถั่วเหลืองเมื่อเทียบกับผู้ที่ผ่านการฉายรังสีเนื้อขนมพายที่ทำด้วยโซเดียมคลอไรด์ที่ 1 วันและ 5 วันหลังจากการฉายรังสี นอกจากนี้การใช้ร่วมกันของบรรจุภัณฑ์สูญญากาศและการรักษาซอสถั่วเหลืองสามารถยับยั้งการก่อตัวของสารระเหยและ 2 thiobarbituric สารปฏิกิริยากรดระหว่างการเก็บรักษาแช่เย็น ดังนั้นการใช้ซอสถั่วเหลืองในสุกและการฉายรังสีเนื้อสามารถลดการผลิตชิ้นส่วนที่มีความผันผวนที่เกี่ยวข้องกับการฉายรังสีที่เกิดขึ้นนอกรสชาติและออกซิเดชันของไขมัน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาผลของนมถั่วเหลือง สารประกอบระเหยและการออกซิเดชันของไขมันสุกฉายรังสี patties เนื้อวัว ซัลเฟอร์ที่มีองค์ประกอบที่ระเหยง่าย ซึ่งผลิตโดยการฉายรังสีพบว่า ในการรักษา องค์ประกอบที่ระเหยมาจากซอสถั่วเหลือง เช่น 3-hydroxy-2-butanone กรดอะซิติก และ 2-methyl-1-butanol 3-methyl-1-butanol ,ถูกตรวจพบในเนื้อ patties ที่มีซอสถั่วเหลืองถึงการฉายรังสีและวิธีการบรรจุภัณฑ์ อัลดีไฮด์ , สารระเหย รวมทั้ง hexanal อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ เมื่อฉายรังสีเนื้อแพตตี้เตรียมซอสถั่วเหลืองเปรียบเทียบกับการฉายรังสีด้วยเกลือเนื้อแพตตี้ที่ 1 วันและ 5 วัน หลังการฉายรังสี นอกจากนี้ใช้รวมของบรรจุภัณฑ์สูญญากาศและซอสถั่วเหลือง การรักษาสามารถยับยั้งการก่อตัวของสารประกอบระเหยและสาร 2-thiobarbituric กรดปฏิกิริยาระหว่างเก็บในที่เย็น . ดังนั้นการใช้ซอสถั่วเหลืองในอาหารสุก และการฉายรังสี เนื้ออาจจะลดการผลิตขององค์ประกอบที่ระเหยง่ายที่เกี่ยวข้องกับการฉายรังสีที่เกิดจากกลิ่นและลิปิดออกซิเดชัน