The Arrhenius equation, and the Coa

The Arrhenius equation, and the Coats and Redfern’s integral method are used to evaluate the kinetic parameters from the data of TG and DTG curves range 200–400 ◦C with maximal weight loss which was considered to be the range of basic destruction [33]. This method has been widely applied to study the thermal decomposition kinetics of biomass [34–38].

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

สมการของอาร์เรเนียส และเสื้อ และของเรดเฟิร์นเป็นวิธีที่ใช้ประเมินพารามิเตอร์เดิม ๆ จากข้อมูลของ TG และโค้งดีอยู่ในช่วง 200 – 400 ◦C กับการสูญเสียน้ำหนักสูงสุดซึ่งถือเป็นช่วงของการทำลายพื้นฐาน [33] ใช้วิธีนี้ในการศึกษาจลนพลศาสตร์ความร้อนแยกส่วนประกอบของชีวมวล [34-38] อย่างกว้างขวาง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

Arrhenius สมการและวิธีการหนึ่งเสื้อและเฟิรน์จะใช้ในการประเมินค่าการเคลื่อนไหวจากข้อมูลของ TG และ DTG โค้งช่วง 200-400 ◦Cกับการสูญเสียน้ำหนักสูงสุดซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นช่วงของการทำลายพื้นฐาน [33] วิธีการนี​​้จะได้รับการใช้กันอย่างแพร่หลายในการศึกษาจลนศาสตร์การสลายตัวทางความร้อนของชีวมวล [34-38]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

สมการอาร์เรเนียสและตรา และเฟิรน์เป็นวิธีการหนึ่งที่ใช้ในการประเมินค่าพารามิเตอร์จลน์ จากข้อมูลในช่วงของ TG 200 – 400 เส้น และบริษัท◦ C กับการสูญเสียน้ำหนักสูงสุด ซึ่งถือเป็นช่วงของการทำลายพื้นฐาน [ 33 ] วิธีการนี้ได้รับการใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อศึกษาจลนพลศาสตร์ของความร้อนสลายมวลชีวภาพ [ 34 - 38 ]