This chapter has attempted to provi

This chapter has attempted to provide good reasons for a naturalistic, evidence-based pursuit of
knowledge that matters. Faith-based approaches to the meaning of life are limited because they
provide no grounds for choosing among the large array of religious faiths available. George W. Bush
and Osama bin Laden have their different faiths, but no basis of arguing that one is any better than the
other. Faith has been used to support many beliefs that we have good grounds to deem false, such as
placing the earth at the center of the universe. Faith has also been used to support many practices,
such as religious wars and torture, that from a broader perspective are more in tune with evil than
with good. Faith provides no way of resisting natural error tendencies in human thinking, including
confirmation bias and motivated inference.
In contrast, although evidence-based thinking is fallible, it has an effective method of correcting
errors, by systematically collecting new evidence, developing new explanatory hypotheses, and
selecting the best. Experimental methods such as those used in evidence-based medicine have the
advantage of making inference to the best explanation more effective by helping to identify cases
where observations are the result of bias, error, or chance. Inference to the best explanation enables
us to go beyond the limits of human sensory observations to accept theories about nonobservable
entities such as viruses and electrons. Done carefully, such inference does not suffice to justify belief
in God.
The philosopher Karl Popper is often cited as having shown that the crucial difference between
science and nonscience is falsifiability. Scientists are supposed to make bold conjectures and then
devise experiments that can refute them. Then the point of scientific evidence is not to show that
theories are true, as in inference to the best explanation, but rather to show that they are false.
According to Popper, what makes metaphysical theories bogus is that they are not falsifiable in this
way.
As a philosophy of science, however, Popper's view has many problems. No theory is strictly
falsifiable, because a theory can be used to make predictions only in conjunction with other
assumptions, such as experimental conditions and the reliability of instruments. Hence when a
prediction fails, a scientist cannot know whether to infer the falsity of the theory or that of one of the
assumptions. Historically, scientific theories are refuted only when a better theory comes along to
provide a better explanation of the experimental evidence. Popper's view of method expects scientists
to aim to show that their own theories are false, but such intentional self-refutation rarely happens.
The reason is not just that scientists grandiosely seek their own personal success; rather, the aims of
science include arriving at theories that accurately describe reality and provide informative
explanations of observed phenomena.
Therefore, the hallmark of science is not falsifiability but use of evidence in inferences to the best
explanation. Inference to the best explanation can lead us to conclude that many metaphysical theories
are not only falsifiable but false. For example, I argued earlier in this chapter that, based on available
evidence, we should conclude that there are no gods. Similarly, Chapter 3 argues that the hypothesis
of the existence of the soul can be judged to be false because of much greater evidence for the
alternative view that minds are brains.
Philosophical attempts to establish truths by a priori reasoning, thought experiments, or conceptual
analysis have been no more successful than faith-based thinking has been. All these methods serve
merely to reinforce existing prejudices. In contrast, evidence-based thinking often forces us to realize
that our old theories and the concepts embedded in them are inadequate, leading to the development
of new ones that fit much better with the full range of observations. That is why our search for
wisdom should not be based on faith or pure reason, but instead requires attention to all the relevant
evidence, especially what can be learned from research in psychology and neuroscience. A crucial
step in this search is the recognition that minds are brains.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

บทนี้ได้พยายามให้เหตุผลที่ดีสำหรับการแสวงหา naturalistic ตามหลักฐานการความรู้ที่สำคัญ ความเชื่อตามแนวความหมายของชีวิตมีจำกัดเนื่องจากพวกเขาให้เหตุผลไม่เลือกระหว่างอาร์เรย์ขนาดใหญ่ของ faiths ศาสนามี จอร์ช W. บุชและช่องโอซามาลาเดนมี faiths แตกต่างกันของพวกเขา แต่ไม่มีพื้นฐานของการโต้เถียงดีกว่านี้อื่น ๆ ความเชื่อถูกใช้เพื่อสนับสนุนความเชื่อมากว่า เรามีเหตุผลดีถือเท็จ เช่นเก็บแผ่นดินที่ศูนย์กลางของจักรวาล ศรัทธายังถูกใช้เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติจำนวนมากสงครามศาสนาและทรมาน จากมุมกว้างที่เป็นสัมผัสกับชั่วกว่าด้วยดี ศรัทธาไม่มีของต่อต้านแนวโน้มข้อผิดพลาดของธรรมชาติในความคิดมนุษย์ รวมทั้งยืนยันอคติและแรงจูงใจข้อในทางตรงกันข้าม แต่คิดตามหลักฐาน fallible มีวิธีการมีประสิทธิภาพในการแก้ไขข้อผิดพลาด โดยการรวบรวมหลักฐานใหม่ สมมุติฐานอธิบายใหม่ การพัฒนาระบบ และเลือกดีที่สุด มีวิธีการทดลองเช่นที่ใช้ในแพทยศาสตร์ตามหลักฐานประโยชน์ของการทำข้ออธิบายที่ดีที่สุดมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยช่วยระบุกรณีที่สังเกตเป็นผลของความโน้มเอียง ผิดพลาด หรือโอกาส ช่วยให้ข้อให้คำอธิบายที่ดีที่สุดเราไปเกินขีดจำกัดของการสังเกตทางประสาทสัมผัสมนุษย์จะยอมรับทฤษฎีเกี่ยวกับ nonobservableเอนทิตีเช่นไวรัสและอิเล็กตรอน ต้องระมัดระวัง ข้อดังกล่าวไม่พอเพียงต้องการความเชื่อในพระเจ้ามักจะมีเรียกนักปราชญ์ Popper คาร์ลว่าที่มีแสดงความแตกต่างที่สำคัญระหว่างวิทยาศาสตร์และ nonscience เป็น falsifiability นักวิทยาศาสตร์ควรจะทำตัวหนา conjectures แล้วประดิษฐ์ทดลองที่สามารถโต้ แล้ว จุดของหลักฐานทางวิทยาศาสตร์จะไม่แสดงว่าทฤษฎีได้จริง ในข้อการอธิบายที่ดีที่สุด แต่แทนที่จะแสดงว่า เป็นเท็จตาม Popper สิ่งที่ทำให้ทฤษฎีเลื่อนลอยที่ปลอมคือพวกเขาไม่ falsifiable นี้วิธีการเป็นปรัชญาของวิทยาศาสตร์ ไร มุมมองของ Popper ได้หลายปัญหา ทฤษฎีไม่เป็นfalsifiable เนื่องจากเป็นทฤษฎีที่สามารถใช้เพื่อทำการคาดคะเนเท่านั้นร่วมกันสมมติฐาน เงื่อนไขการทดลองและความน่าเชื่อถือของเครื่องมือ ดังนั้นเมื่อการไม่สามารถคาดเดา เป็นนักวิทยาศาสตร์ไม่รู้ว่าจะเข้าใจ falsity ของทฤษฎีหรือที่หนึ่งของการสมมติฐานการ ประวัติ การโต้แย้งทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์เมื่อทฤษฎีดีมาพร้อมให้คำอธิบายที่ดีหลักฐานการทดลอง นักวิทยาศาสตร์คาดว่ามุมมองของ Popper ของวิธีเพื่อจุดมุ่งหมายเพื่อแสดงว่า ทฤษฎีของตนเองเป็นเท็จ แต่ refutation ตนเองเช่นตกไม่ค่อยเกิดขึ้นเหตุผลไม่เพียงให้นักวิทยาศาสตร์หาความสำเร็จส่วนบุคคลของตนเอง grandiosely ค่อนข้าง จุดมุ่งหมายของวิทยาศาสตร์รวมมาที่ทฤษฎีที่อธิบายความเป็นจริง และให้ข้อมูลอย่างถูกต้องคำอธิบายของปรากฏการณ์ที่สังเกตดังนั้น จุดเด่นของวิทยาศาสตร์ไม่ใช่ falsifiability แต่ใช้ฐาน inferences ให้ดีสุดอธิบาย ข้อให้คำอธิบายที่ดีที่สุดสามารถนำเราสรุปให้ทฤษฎีขัดแย้งไม่เพียง falsifiable แต่ เป็นเท็จ ตัวอย่าง ฉันโต้เถียงก่อนหน้าในบทนี้ที่ ตามหาหลักฐาน เราควรสรุปว่า มีพระเจ้าไม่ ในทำนองเดียวกัน บทที่ 3 จนที่ทฤษฏีของการดำรงอยู่ของจิตวิญญาณสามารถตัดสินเป็นเท็จเนื่องจากหลักฐานมากมากกว่าสำหรับการมุมมองอื่นจิตใจสมองพยายามจะสร้างจริง โดย priori มีเหตุผล ความคิดทดลอง ปรัชญา หรือแนวคิดวิเคราะห์แล้วไม่ประสบความสำเร็จมากกว่าที่คิดตามความเชื่อแล้ว ใช้วิธีการเหล่านี้ทั้งหมดเพียงเพื่อเสริมสร้างอคติที่มีอยู่ ในทางตรงกันข้าม ตามหลักฐานความคิดมักจะบังคับให้เราตระหนักถึงทฤษฎีเก่าของเราและแนวคิดที่ฝังตัวอยู่ในไม่การเพียงพอ การนำไปสู่การพัฒนาของใหม่ ที่พอดีกับการสังเกต นั่นคือเหตุผลของเราค้นหาภูมิปัญญาไม่ยึดตามความเชื่อหรือเหตุผลบริสุทธิ์ แต่ต้องให้ความสนใจกับทั้งหมดเกี่ยวข้องแทนหลักฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งสามารถจะเรียนรู้จากงานวิจัยจิตวิทยาและประสาทวิทยาศาสตร์ สำคัญขั้นตอนในการค้นหานี้คือ การรับรู้จิตใจสมอง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

บทนี้มีความพยายามที่จะให้เหตุผลที่ดีสำหรับการยึด,
การแสวงหาตามหลักฐานของความรู้เรื่อง วิธีการตามความเชื่อเพื่อความหมายของชีวิตจะถูก จำกัด
เพราะพวกเขาให้เหตุไม่เลือกในหมู่array ขนาดใหญ่แห่งศรัทธาทางศาสนาที่มีอยู่ จอร์จดับเบิลยูบุชและอุซามะห์บินลาเดนมีสภาพความเป็นอยู่ที่แตกต่างกันของพวกเขา แต่พื้นฐานของการพิสูจน์ว่าไม่มีใครใด ๆ ที่ดีกว่าคนอื่นๆ ความเชื่อที่ได้รับการใช้ในการสนับสนุนความเชื่อหลายอย่างที่เรามีเหตุผลที่ดีที่จะเห็นว่าเป็นเท็จเช่นการวางแผ่นดินโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ศรัทธายังได้รับการใช้ในการสนับสนุนการปฏิบัติจำนวนมากเช่นสงครามศาสนาและทรมานจากมุมมองที่กว้างมากขึ้นในการปรับแต่งกับความชั่วร้ายกว่าด้วยความดี ศรัทธาให้วิธีการต่อต้านแนวโน้มข้อผิดพลาดธรรมชาติในความคิดของมนุษย์รวมทั้งไม่มีการยืนยันอคติและข้อสรุปแรงจูงใจ. ในทางตรงกันข้ามแม้ว่าความคิดตามหลักฐานคือทำผิดก็มีวิธีที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขข้อผิดพลาดจากระบบการเก็บรวบรวมหลักฐานใหม่พัฒนาสมมติฐานอธิบายใหม่และเลือกที่ดีที่สุด วิธีการทดลองเช่นที่ใช้ในการแพทย์ตามหลักฐานมีความได้เปรียบในการทำข้อสรุปที่จะอธิบายที่ดีที่สุดมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยช่วยในการระบุกรณีที่สังเกตเป็นผลมาจากอคติข้อผิดพลาดหรือโอกาส อนุมานกับคำอธิบายที่ดีที่สุดจะช่วยให้เราไปเกินขีด จำกัด ของการสังเกตทางประสาทสัมผัสของมนุษย์ที่จะยอมรับทฤษฎีที่เกี่ยวกับ nonobservable หน่วยงานเช่นไวรัสและอิเล็กตรอน ทำอย่างรอบคอบข้อสรุปดังกล่าวไม่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงความเชื่อในพระเจ้า. นักปรัชญาคาร์ลตกใจมักจะอ้างว่ามีการแสดงให้เห็นว่าความแตกต่างที่สำคัญระหว่างวิทยาศาสตร์และ nonscience เป็น falsifiability นักวิทยาศาสตร์ควรจะทำให้คาดเดาตัวหนาแล้วประดิษฐ์การทดลองที่สามารถลบล้างพวกเขา แล้วจุดหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ไม่ได้ที่จะแสดงให้เห็นว่าทฤษฎีนี้เป็นจริงในขณะที่การอนุมานกับคำอธิบายที่ดีที่สุด แต่จะแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นเท็จ. ตามตกใจสิ่งที่ทำให้ทฤษฎีเลื่อนลอยปลอมก็คือว่าพวกเขาจะไม่หลอกในเรื่องนี้ทาง. ในฐานะที่เป็นปรัชญาวิทยาศาสตร์ แต่มุมมองประหลาดมีปัญหามาก ทฤษฎีไม่เป็นอย่างเคร่งครัดหลอกเพราะทฤษฎีที่สามารถใช้ในการทำให้การคาดการณ์ร่วมกับคนอื่น ๆ สมมติฐานเช่นเงื่อนไขการทดลองและความน่าเชื่อถือของตราสาร ดังนั้นเมื่อมีการคาดการณ์ล้มเหลวนักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถรู้ได้ว่าจะเห็นความผิดพลาดของทฤษฎีหรือของหนึ่งในสมมติฐาน ประวัติศาสตร์ทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์จะข้องแวะเฉพาะเมื่อมีทฤษฎีที่ดีขึ้นมาพร้อมที่จะให้คำอธิบายที่ดีขึ้นของหลักฐานการทดลอง มุมมองประหลาดของวิธีการที่นักวิทยาศาสตร์คาดว่าจะมุ่งมั่นที่จะแสดงให้เห็นว่าทฤษฎีของตัวเองเป็นเท็จ แต่ตัวเองพิสูจน์เจตนาดังกล่าวไม่ค่อยเกิดขึ้น. เหตุผลที่ไม่ได้เป็นเพียงนักวิทยาศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่แสวงหาความสำเร็จส่วนบุคคลของพวกเขาเอง แต่จุดมุ่งหมายของวิทยาศาสตร์รวมถึงการเดินทางมาถึงทฤษฎีที่ถูกต้องอธิบายความเป็นจริงและให้ข้อมูลคำอธิบายของปรากฏการณ์ที่สังเกต. ดังนั้นจุดเด่นของวิทยาศาสตร์ไม่ falsifiability แต่การใช้หลักฐานในการหาข้อสรุปที่ดีที่สุดคำอธิบาย อนุมานกับคำอธิบายที่ดีที่สุดสามารถทำให้เราสรุปได้ว่าทฤษฎีเลื่อนลอยจำนวนมากไม่เพียง แต่หลอกเท็จ ตัวอย่างเช่นผมที่ถกเถียงกันอยู่ก่อนหน้านี้ในบทนี้ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานที่มีอยู่หลักฐานที่เราควรจะสรุปได้ว่ามีพระไม่มี ในทำนองเดียวกันบทที่ 3 ระบุว่าสมมติฐานของการดำรงอยู่ของจิตวิญญาณที่สามารถได้รับการตัดสินว่าเป็นเท็จเพราะหลักฐานมากขึ้นสำหรับมุมมองทางเลือกที่จิตใจมีสมอง. ปรัชญาความพยายามที่จะสร้างความจริงด้วยเหตุผลเบื้องต้นคิดว่าการทดลองหรือความคิดวิเคราะห์ไม่มีการประสบความสำเร็จมากกว่าความคิดตามความเชื่อที่ได้รับ วิธีการทั้งหมดเหล่านี้ทำหน้าที่เพียงเพื่อเสริมสร้างความอคติที่มีอยู่ ในทางตรงกันข้ามหลักฐานที่ใช้ความคิดมักจะบังคับให้เราตระหนักว่าทฤษฎีเก่าของเราและแนวความคิดที่ฝังตัวอยู่ในพวกเขามีไม่เพียงพอที่นำไปสู่การพัฒนาของใหม่ที่เหมาะสมกับดีมากกับเต็มรูปแบบของการสังเกต นั่นคือเหตุผลที่การค้นหาของเราสำหรับภูมิปัญญาไม่ควรที่จะอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อหรือเหตุผลบริสุทธิ์แต่ต้องให้ความสนใจไปยังทุกที่เกี่ยวข้องหลักฐานโดยเฉพาะอย่างยิ่งสิ่งที่สามารถเรียนรู้ได้จากการวิจัยในด้านจิตวิทยาและประสาท สำคัญขั้นตอนในการค้นหานี้คือการรับรู้ที่มีจิตใจสมอง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

บทนี้ได้พยายามที่จะให้เหตุผลที่ดีสำหรับด แสวงหาความรู้ ที่สำคัญหลักฐาน
. ตามความเชื่อและความหมายของชีวิตจะถูก จำกัด เพราะพวกเขาไม่มีเหตุผล
ให้เลือกระหว่างเรย์ขนาดใหญ่ของศาสนาศาสนาที่มีอยู่ จอร์จ ดับเบิลยู บุช และ โอซามา บิน ลาเดน มี
ความเชื่อต่างกัน แต่ไม่มีพื้นฐาน จะเถียงว่าอะไรดีกว่า
อื่น ๆ ความเชื่อที่ถูกใช้เพื่อสนับสนุนความเชื่อมากมายที่เรามีเหตุผลที่ดีที่จะเห็นว่าผิด เช่น
วางโลกเป็นศูนย์กลางของจักรวาล ความเชื่อนี้ยังถูกใช้เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติมาก
, เช่น สงคราม ศาสนา และ ทรมาน จากมุมมองที่กว้างขึ้นมีมากขึ้นในการปรับแต่งกับความชั่วร้ายกว่า
ด้วยความดี ศรัทธาให้ไม่มีทางขัดขืนข้อผิดพลาดธรรมชาติแนวโน้มในความคิดมนุษย์รวมทั้งมีอคติและแรงจูงใจ

ยืนยันข้อสรุป ในทางตรงกันข้าม แม้ว่าการคิดเชิงประจักษ์คือความผิดพลาด มันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพของการแก้ไขข้อผิดพลาดโดยมีระบบ
, รวบรวมหลักฐานใหม่ การพัฒนาและการอธิบายใหม่และ
เลือกที่ดีที่สุด วิธีการทดลอง เช่นที่ใช้ในการแพทย์เชิงประจักษ์มี
ประโยชน์ของการอนุมานเพื่ออธิบายที่ดีที่สุดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยช่วยระบุกรณี
ที่ตัวอย่างผลของอคติ ข้อผิดพลาด หรือโอกาส การอนุมานเพื่ออธิบายที่ดีที่สุดช่วยให้
เราที่จะไปเกินขอบเขตของการสังเกตและมนุษย์ที่จะยอมรับทฤษฎีเกี่ยวกับ nonobservable
หน่วยงานเช่นไวรัสและอิเล็กตรอน ทำอย่างระมัดระวังข้อสรุปดังกล่าวไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ความเชื่อในพระเจ้า
.
นักปรัชญา คาร์ล ปอปเปอร์คือมักจะอ้างว่ามีแสดงความแตกต่างสำคัญระหว่าง
วิทยาศาสตร์และ nonscience เป็น falsifiability . นักวิทยาศาสตร์ควรจะกล้าคาดเดาแล้ว
ประดิษฐ์การทดลองที่สามารถลบล้างพวกเขา แล้วประเด็นของหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ไม่ได้แสดงให้เห็นว่า
ทฤษฎีเป็นจริงในการจะอธิบายที่ดีที่สุด แต่เพื่อแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นเท็จ
ตามตกใจ อะไรที่ทำให้ทฤษฎีอภิปรัชญาปลอมที่พวกเขาจะไม่ falsifiable ในวิธีนี้
.
เป็นปรัชญาวิทยาศาสตร์ แต่ตกใจ เห็นมีปัญหามากมาย ไม่มีทฤษฎีเป็นอย่างเคร่งครัด
falsifiable เพราะทฤษฎีที่สามารถใช้เพื่อทำให้การคาดการณ์เท่านั้นร่วมกับสมมติฐานอื่น ๆ
,