Although the importance of breakfas

Although the importance of breakfast has been studied since the 1960’s, the habit of
skipping breakfast has become very popular among children and adolescents. In a recent study
conducted on 612 fourth grade students, a significant amount (27%) reported they skipped
breakfast three or more times per week (Gross, Bronner, Welch, Dewberry-Moore, & Paige,
2004). In a different study one in five adolescents were found to skip breakfast (Videon &
Manning, 2003).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

แม้ว่าความสำคัญของอาหารเช้าได้รับการศึกษาตั้งแต่ปี 1960 นิสัยข้ามอาหารเช้าได้กลายเป็นนิยมมากในหมู่เด็กและวัยรุ่น ในการศึกษาดำเนินการในนักเรียนเกรดสี่ 612 สมควร (27%) รายงานพวกเขาข้ามอาหารเช้าอย่าง น้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์ (รวม Bronner, Welch, Dewberry มัวร์ และ Paige2004) ศึกษาต่าง วัยรุ่นหนึ่งในห้าพบการข้ามอาหารเช้า (Videon &แมนนิ่ง 2003)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

แม้ว่าความสำคัญของการรับประทานอาหารเช้าได้รับการศึกษามาตั้งแต่ปี 1960 นิสัยของ
การกระโดดข้ามอาหารเช้าได้กลายเป็นที่นิยมมากในหมู่เด็กและวัยรุ่น ในการศึกษาล่าสุด
ดำเนินการใน 612 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่สี่เป็นจำนวนมาก (27%) รายงานว่าพวกเขาข้าม
อาหารเช้าสามครั้งหรือมากกว่าต่อสัปดาห์ (Gross, Bronner เวลช์, Dewberry มัวร์และ Paige,
2004) ในการศึกษาที่แตกต่างกันหนึ่งในห้าของวัยรุ่นพบว่าข้ามอาหารเช้า (Videon และ
แมนนิ่ง, 2003)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

แม้ว่าความสำคัญของอาหารเช้า มีการศึกษาตั้งแต่ปี 1960 , นิสัยข้ามอาหารเช้าได้กลายเป็นที่นิยมมากในหมู่เด็กและวัยรุ่น ในการศึกษาล่าสุดขึ้นอยู่กับว่านักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เป็นจำนวนมาก ( 27% ) รายงานว่าพวกเขาข้ามอาหารเช้าสามครั้งหรือมากกว่า ต่อสัปดาห์ ( รวม เบิร์นเนอร์ , Welch ดูว์แบร์รี่มัวร์ , และเพจ2004 ) ในการศึกษาที่แตกต่างกัน หนึ่งในห้าของวัยรุ่น พบว่า ( คําอธิบายวิดีโอ & ข้ามอาหารเช้าแมนนิ่ง , 2003 )