Don’t write about the same thing ev

Don’t write about the same thing every day or you will get bored. Try writing the same story from different perspectives or different tenses. If you are writing a story about a baby that won’t stop crying; first, it could be the mother telling the story; then from the perspective of the baby. Or you could write it in present moment…. ‘My baby hasn’t stopped crying in five days…’ and then write in the perspective of a pregnant woman that is thinking about having a baby that won’t stop crying. Don’t write about topics in the obvious way. Be creative!

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ไม่เขียนเกี่ยวกับสิ่งเดียวกันทุกวัน หรือคุณจะได้รับเบื่อ ลองเขียนเรื่องเดียวกันจากมุมมองหรือกาลแตกต่างกัน ถ้าคุณกำลังเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กที่จะไม่หยุดร้องไห้ ครั้งแรก เป็นแม่บอกเรื่อง จากมุมมองของทารกแล้ว หรือคุณสามารถเขียนในปัจจุบัน... 'ลูกของฉันไม่หยุดร้องไห้ในวันที่ห้า...' และเขียนแล้วในมุมมองของหญิงตั้งครรภ์ที่มีความคิดเกี่ยวกับการมีทารกที่จะหยุดร้องไห้ ไม่เขียนเกี่ยวกับหัวข้อในวิธีชัดเจน มีความคิดสร้างสรรค์

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อย่าเขียนเกี่ยวกับสิ่งที่เหมือนกันทุกวันหรือคุณจะได้รับเบื่อ ลองเขียนเรื่องเดียวกันจากมุมมองที่แตกต่างกันหรือเกร็งที่แตกต่างกัน ถ้าคุณเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กที่จะไม่หยุดร้องไห้; ครั้งแรกก็อาจจะเป็นแม่เล่าเรื่อง; แล้วจากมุมมองของเด็ก หรือคุณอาจจะเขียนไว้ในขณะปัจจุบัน ... 'ลูกของฉันยังไม่หยุดร้องไห้ในเวลาห้าวัน ... แล้วเขียนในมุมมองของหญิงตั้งครรภ์ที่มีความคิดเกี่ยวกับการมีลูกน้อยที่จะไม่หยุดร้องไห้ อย่าเขียนเกี่ยวกับหัวข้อในลักษณะที่เห็นได้ชัด เป็นความคิดสร้างสรรค์!

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อย่าเขียนเกี่ยวกับสิ่งเดียวกันทุกวันหรือคุณจะได้รับเบื่อ ลองเขียนเรื่องราวเดียวกันจากมุมมองที่แตกต่างกัน หรือ กาลต่าง ๆ ถ้าคุณจะเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับเด็กที่ร้องไห้ไม่หยุด ตอนแรก มันอาจเป็นแม่เล่า แล้ว จากมุมมองของเด็ก หรือคุณสามารถเขียนมันในขณะปัจจุบัน . . . . . . .' ลูกยังไม่หยุดร้องใน 5 วัน . . . . . . . ' แล้วเขียนในมุมมองของหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นคิดเกี่ยวกับมีทารกที่หยุดร้องไห้ไม่ได้ ไม่เขียนหัวข้อในทางที่ชัดเจน เป็นความคิดสร้างสรรค์ !