Kingdom, Court, and Royal[edit]A Cl

Kingdom, Court, and Royal[edit]
A Classic period Maya polity was a small kingdom (ajawil, ajawlel, ajawlil) headed by a hereditary ruler – ajaw, later k’uhul ajaw. Both terms appear in early Colonial texts including Papeles de Paxbolón where they are used as synonyms for Aztec and Spanish terms for rulers and their domains. These are tlatoani and tlahtocayotl in Nahuatl, and the Spanish words rey, majestad, and reino and señor for ruler/leader/lord and señorío or dominio of realm. Such kingdoms were usually no more than a capital city with its neighborhood and several dependent towns (similar to a city-state). There were also larger polities that controlled larger territories and subjugated smaller polities; the extensive systems controlled by Tikal and Caracol serve as examples of these.

Each kingdom had its name that did not necessarily correspond to any locality within its territory. Its identity was that of a political unit associated with a particular ruling dynasty. For instance, the archaeological site of Naranjo was the capital of the kingdom of Saal. The land (chan ch’e’n) of the kingdom and its capital were called Wakab’nal or Maxam and were part of a larger geographical entity known as Huk Tsuk.[citation needed] Despite constant warfare and eventual shifts in regional power, most kingdoms never disappeared from the political landscape until the collapse of the whole system in the 9th century. In this respect, Classic Maya kingdoms were similar to late Postclassic polities encountered by the Spanish in Yucatán and Central Mexico: some polities were subordinate to hegemonic centers or rulers through conquest and/or dynastic unions and yet even then they persisted as distinct entities.


Presentation of captives to a Maya ruler
Mayanists have been increasingly accepting the "court paradigm" of Classic Maya societies that puts the emphasis on the centrality of the royal household and especially the person of the king. This approach focuses on the totality of Maya monumental spaces as the embodiment of the diverse activities of the royal household. It considers the role of places and spaces (including dwellings of royalty and nobles, throne rooms, temples, halls and plazas for public ceremonies) in establishing and negotiating power and social hierarchy, but also in producing and projecting aesthetic and moral values that define the order of a wider social realm.

Spanish sources invariably describe even the largest Maya settlements of Yucatán and Guatemala as dispersed agglomerations of dwellings grouped around the temples and palaces of the ruling dynasty and lesser nobles. Though there was economic specialization among Classic period Maya centers (see Chunchucmil, for example), it was not conducted at a scale similar to that of the Aztec capital of Tenochtitlan. Some argue that Maya cities were not urban centers[1] but were, instead, structured according to and conceptualized as enormous royal households, the locales of the administrative and ritual activities of the royal court. Within the theoretical framework of this model, they were the places where privileged nobles could approach the holy ruler, where aesthetical values of the high culture were formulated and disseminated, and where aesthetic items were consumed.[2] They were the self-proclaimed centers and the sources of social, moral, and cosmic, order. The fall of a royal court as in the well-documented cases of Piedras Negras or Copán would cause the inevitable ‘death’ of the associated settlement.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ราชอาณาจักร ศาล และรอยัล [แก้ไข]ระยะเวลาคลาสสิค polity มายาถูกเล็กอาณาจักร (ajawil, ajawlel, ajawlil) โดยไม้รัชทายาทแห่ง – ajaw หลัง k'uhul ajaw ทั้งสองเงื่อนไขปรากฏในช่วงโคโลเนียล Paxbolón เด Papeles ที่พวกเขาใช้เป็นคำเหมือนสำหรับ Aztec และสเปนไม้และโดเมนของตนรวมทั้งข้อความ นี่คือ tlatoani และ tlahtocayotl ในยังนาฮวต และเรย์คำสเปน majestad และเรโนะ และ señor ไม้บรรทัด/ผู้นำ/พระ และ señorío หรือ dominio ของแดน อาณาจักรดังกล่าวมักจะไม่เกินกว่าเมืองหลวงด้วย (คล้ายกับเป็นนครรัฐ) ขึ้นหลายเมืองและพื้นที่ใกล้เคียงที่ได้ นอกจากนี้ยังมี polities ใหญ่ที่ควบคุมดินแดนขนาดใหญ่ และ subjugated polities เล็ก ระบบมากมายที่ควบคุม โดย Tikal และ Caracol ทำหน้าที่เป็นตัวอย่างเหล่านี้ชื่อที่ได้ไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับท้องถิ่นใด ๆ ภายในดินแดนของ ราชอาณาจักรแต่ละได้ ของถูกของหน่วยทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์ปกครองเฉพาะ ตัวอย่าง โบราณคดีของ Naranjo เป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักร Saal แผ่นดิน (ch'e จันทร์เกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ) ของราชอาณาจักรและเมืองหลวงเรียกว่า Wakab'nal หรือ Maxam และประทิทางภูมิศาสตร์ขนาดใหญ่เรียกว่าฮัก Tsuk [ต้องการอ้างอิง] แม้ มีสงครามคงและกะในอำนาจภูมิภาค ก๊กส่วนใหญ่ไม่เคยหายไปจากภูมิทัศน์ทางการเมืองจนถึงการล่มสลายของทั้งระบบในศตวรรษ 9 ประการนี้ อาณาจักรมายาคลาสสิกได้คล้ายกับสาย polities Postclassic พบ โดยสเปน Yucatán และเม็กซิโกกลาง: polities บางมีศูนย์ย่อยของเจ้าหรือไม้ผ่านชนะหรือสหภาพ dynastic และยัง ได้แล้วพวกเขายังคงเป็นเอนทิตีทั้งหมดงานนำเสนอของเชลยไปไม้มายาMayanists ได้ถูกมากขึ้นยอมรับ "ศาลกระบวนทัศน์" ของสังคมมายาคลาสสิกที่ทำให้เน้นเอกภาพของพระราชวังและโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนของกษัตริย์ วิธีการนี้เน้นผลของช่องว่างอนุสาวรีย์มายาเป็นศูนย์รวมแห่งกิจกรรมหลากหลายของพระราชวัง จะพิจารณาบทบาทของสถานและช่องว่าง (รวมอยู่ของราชวงศ์ และขุนนาง ห้องพระ วัด ห้องโถง และพลาซ่าสำหรับพิธีกรรมสาธารณะ) ในอำนาจต่อรอง และสร้างลำดับ ชั้นทางสังคม แต่นอกจากนี้ ในการผลิต และความงาม และคุณธรรมค่าประเมินที่กำหนดลำดับของขอบเขตทางสังคมกว้างแหล่งสเปนอธิบายแม้ใหญ่มายาจ่าย Yucatán และกัวเตมาลาเป็น agglomerations กระจัดกระจายของจัดสถานวัดและพระราชวังของราชวงศ์ปกครองและขุนนางน้อยอยู่เสมอ ว่ามีความเชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจระหว่างศูนย์มายารอบคลาสสิก (ดู Chunchucmil ตัวอย่าง), จะไม่ถูกดำเนินที่มาตราส่วนที่คล้ายกับที่เมืองหลวง Aztec ของ Tenochtitlan บางคนโต้แย้งว่า เมืองมายาไม่ได้ศูนย์เมือง [1] แต่ คำ แทน โครงสร้างตาม conceptualized เป็นมหาศาลรอยัลครัวเรือน ตำแหน่งที่ตั้งของกิจกรรมการบริหาร และพิธีกรรมของรอยัลคอร์ท ภายใต้กรอบทฤษฎีของแบบจำลองนี้ พวกสถานที่ขุนนางมีสิทธิ์สามารถเข้าไม้ศักดิ์สิทธิ์ aesthetical สูตรค่าของวัฒนธรรมสูง และเผยแพร่ และที่ใช้สินค้าความงาม [2] พวกศูนย์ประกาศด้วยตนเองและแหล่งมาของสังคม คุณธรรม และ จักรวาล สั่ง ฤดูใบไม้ร่วงของรอยัลคอร์ทในกรณีเอกสารเชิญของ Piedras Negras หรือ Copán จะทำให้เกิดการหลีกเลี่ยงไม่ได้ 'ตาย' ของการชำระเงินที่เกี่ยวข้อง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ราชอาณาจักรศาลและ Royal [แก้ไข]
ระยะเวลาคลาสสิกรัฐธรรมนูญมายาเป็นอาณาจักรเล็ก ๆ (ajawil, ajawlel, ajawlil) นำโดยผู้ปกครองทางพันธุกรรม - ajaw ภายหลัง k'uhul ajaw เงื่อนไขทั้งสองปรากฏในตำราต้นรวมทั้งโคโลเนียลเดอ Papeles Paxbolónที่พวกเขาจะนำมาใช้เป็นคำพ้องสำหรับคำแอซเท็กและสเปนสำหรับผู้ปกครองและโดเมนของพวกเขา เหล่านี้เป็นทัวและ tlahtocayotl ใน Nahuatl และคำภาษาสเปน rey, majestad และ Reino และseñorสำหรับผู้ปกครอง / ผู้นำ / ลอร์ดและSeñoríoหรือ dominio จากดินแดน ราชอาณาจักรดังกล่าวก็มักจะไม่มากไปกว่าเมืองหลวงกับพื้นที่ใกล้เคียงและเมืองขึ้นอยู่กับหลายของ (คล้ายกับเมืองของรัฐ) นอกจากนั้นยังมีการเมืองขนาดใหญ่ที่ควบคุมดินแดนขนาดใหญ่และขนาดเล็กปราบปรามการเมือง; ระบบที่กว้างขวางควบคุมโดย Tikal Caracol และทำหน้าที่เป็นตัวอย่างของเหล่านี้. อาณาจักรแต่ละคนมีชื่อที่ไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับสถานที่ใด ๆ ภายในดินแดนของตน ลักษณะเฉพาะของตนเป็นที่ของหน่วยทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์ปกครองโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ยกตัวอย่างเช่นโบราณสถานของ Naranjo เป็นเมืองหลวงของอาณาจักรของ Saal ที่ ที่ดิน (จัง ch'e'n) ของสหราชอาณาจักรและเงินทุนที่ได้รับการเรียกว่า Wakab'nal หรือ Maxam และเป็นส่วนหนึ่งของกิจการที่ทางภูมิศาสตร์ที่มีขนาดใหญ่ที่รู้จักกันเป็น Huk TSUK. [อ้างจำเป็น] แม้จะมีการสู้รบอย่างต่อเนื่องและการเปลี่ยนแปลงในอำนาจที่สุดในภูมิภาค ราชอาณาจักรส่วนใหญ่ไม่เคยหายไปจากภูมิทัศน์ทางการเมืองจนล่มสลายของระบบทั้งในศตวรรษที่ 9 ในแง่นี้ราชอาณาจักรมายาคลาสสิคมีความคล้ายคลึงกับปลาย Postclassic การเมืองพบโดยชาวสเปนในYucatánกลางและเม็กซิโก: การเมืองบางคนผู้ใต้บังคับบัญชาไปยังศูนย์ hegemonic หรือผู้ปกครองผ่านพิชิตและ / หรือสหภาพราชวงศ์และยังได้แล้วพวกเขายังคงเป็นหน่วยงานที่แตกต่างกัน. การนำเสนอ ของนักโทษที่จะเป็นผู้ปกครองมายาMayanists ได้รับการยอมรับมากขึ้น "กระบวนทัศน์ศาล" คลาสสิกของสังคมมายาที่ทำให้เน้นศูนย์กลางของพระราชวังและโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ของพระมหากษัตริย์ วิธีการนี้จะมุ่งเน้นไปที่จำนวนทั้งสิ้นของพื้นที่อนุสาวรีย์มายาเป็นศูนย์รวมของกิจกรรมที่มีความหลากหลายของพระราชวังที่ จะพิจารณาบทบาทของสถานที่และช่องว่าง (รวมทั้งที่อยู่อาศัยของเจ้านายและขุนนางห้องบัลลังก์, วัด, ห้องโถงและพลาซ่าส์สำหรับพิธีมหาชน) ในการจัดตั้งและอำนาจการเจรจาต่อรองและลำดับชั้นทางสังคม แต่ยังอยู่ในการผลิตและการฉายคุณค่าความงามและศีลธรรมที่กำหนด คำสั่งของดินแดนทางสังคมที่กว้างขึ้น. แหล่งที่มาของสเปนอย่างสม่ำเสมออธิบายแม้กระทั่งการตั้งถิ่นฐานมายาที่ใหญ่ที่สุดของYucatánและกัวเตมาลาเป็น agglomerations กระจายตัวของที่อยู่อาศัยกลุ่มรอบวัดและพระราชวังของราชวงศ์และขุนนางน้อย แม้ว่าจะมีความเชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจในหมู่ยุคคลาสสิกมายาศูนย์ (ดู Chunchucmil เป็นต้น) มันก็ไม่ได้ดำเนินการในระดับเดียวกับที่เมืองหลวงของแอซเท็กชทิท บางคนอ้างว่าเมืองมายาไม่ได้อยู่เมือง [1] แต่แทนโครงสร้างตามแนวความคิดและการเป็นผู้ประกอบการพระราชมหาศาลสถานที่ของการจัดกิจกรรมการบริหารและพิธีกรรมของราชสำนัก ภายในกรอบทฤษฎีของรุ่นนี้พวกเขาเป็นสถานที่ที่ขุนนางสิทธิพิเศษสามารถเข้าถึงผู้ปกครองศักดิ์สิทธิ์ที่สุนทรียภาพค่าของวัฒนธรรมสูงเป็นสูตรและเผยแพร่และที่รายการความงามได้รับการบริโภค. [2] พวกเขาเป็นศูนย์ประกาศตัวเอง และแหล่งที่มาของสังคมคุณธรรมและจักรวาล, การสั่งซื้อ การล่มสลายของราชสำนักเช่นเดียวกับในกรณีที่มีเอกสารของ Piedras Negras หรือCopánจะทำให้หลีกเลี่ยงไม่ได้ 'ความตาย' ของการตั้งถิ่นฐานที่เกี่ยวข้อง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อาณาจักร , ศาล , และ Royal [ แก้ไข ]
คลาสสิกระยะเวลามายาจักเป็นอาณาจักรเล็ก ๆ ( ajawil ajawlel ajawlil , , ) หัว โดยทางผู้ปกครองและ ajaw ต่อมา k'uhul ajaw . ทั้งเรื่องที่ปรากฏในข้อความที่ชาวอาณานิคมรวมทั้ง papeles de paxbol เลอองที่พวกเขาใช้เป็นคำพ้องสำหรับ Aztec และสเปนข้อตกลงสำหรับผู้ปกครองและโดเมนของตน เหล่านี้เป็น tlatoani ในภาษานาวาตล์ และ tlahtocayotl ,และภาษาสเปนคำเรย์ , majestad และสหราชอาณาจักรและ SE 15 หรือไม้บรรทัด / หัวหน้า / เจ้านายและเมืองหรือเมืองเซโอ หรือ dominio ของอาณาจักร เช่นอาณาจักรมักจะมากกว่าเมืองหลวงของเมืองละแวก และหลายตัวแปร ( คล้ายกับนครรัฐ ) มีขนาดใหญ่ที่ควบคุมดินแดนขนาดใหญ่และเป็นเมืองขึ้นพ.ศ. พ.ศ. ที่มีขนาดเล็ก ;ระบบการควบคุมและกว้างขวางโดย Tikal Caracol เป็นตัวอย่างของเหล่านี้

แต่ละอาณาจักรก็มี ชื่อ ว่า ไม่จําเป็นต้องสอดคล้องกับท้องถิ่นภายในดินแดนของตน เอกลักษณ์ที่เป็นหน่วยทางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับราชวงศ์ที่ปกครองโดยเฉพาะ ตัวอย่างเช่นเว็บไซต์โบราณคดีของนารันโจเป็นเมืองหลวงของราชอาณาจักร Saal .ที่ดิน ( ชาน ch'e'n ) ของราชอาณาจักรและทุนเรียก wakab'nal หรือ maxam และเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรขนาดใหญ่ทางภูมิศาสตร์เรียกว่า ฮุก tsuk . [ อ้างอิงที่จำเป็น ] แม้จะมีสงครามคงที่และในที่สุดการเปลี่ยนแปลงในอำนาจในอาณาจักรส่วนใหญ่ไม่เคยหายไปจากแนวการเมือง จนถึงการล่มสลายของระบบทั้งหมดในศตวรรษที่ 9 ในส่วนนี้ราชอาณาจักรมายาคลาสสิกคล้ายกับสาย postclassic พ.ศ. พบโดยชาวสเปนในรัฐยูกาตังและกลางเม็กซิโก : พ.ศ. เป็นลูกน้องเจ้าศูนย์หรือผู้ปกครองผ่านชัยชนะและ / หรือต่อสหภาพแรงงาน และแม้แล้วพวกเขายังคงเป็นองค์กรที่แตกต่างกัน


เสนอของเชลยเพื่อไม้บรรทัด
มายาmayanists ได้รับมากขึ้นยอมรับ " ศาลกระบวนทัศน์ " คลาสสิกของมายาทำให้สังคมที่เน้นความเป็นศูนย์กลางของราชสำนักและโดยเฉพาะบุคคลของกษัตริย์ วิธีการนี้จะเน้นที่ผลของมายา อนุสาวรีย์เป็นเหมือนศูนย์รวมของกิจกรรมที่หลากหลายของพระราชวังพิจารณาบทบาทของสถานที่และพื้นที่ ( รวมทั้งที่อยู่อาศัยของราชวงศ์และขุนนาง บัลลังก์ห้องพัก วัด ห้องโถงออกแบบสำหรับพิธีและประชาชน ) ในการสร้าง และการต่อรองอำนาจและลำดับชั้นทางสังคม แต่ยัง ในการผลิต และรักษาความงามและคุณธรรมค่านิยมที่กำหนดในคำสั่งของสังคมในวงกว้าง อาณาจักร .

แหล่งที่มาของภาษาสเปนต้องอธิบายแม้แต่มากที่สุดมายาการชำระหนี้ของรัฐยูกาตังและกัวเตมาลาเป็นกระจาย agglomerations ที่อยู่อาศัยจัดกลุ่มรอบวัดและพระราชวังของราชวงศ์ปกครอง และขุนนางชั้นผู้น้อย . แม้ว่ามีความเชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจระหว่างศูนย์มายาระยะเวลาคลาสสิก ( ดู chunchucmil , ตัวอย่างเช่น )มันไม่ได้ดำเนินการในระดับเดียวกับที่เมืองหลวง Aztec ของชทิท . บางคนโต้แย้งว่า เมืองมายาเป็นเมืองศูนย์ [ 1 ] แต่ที่แทนโครงสร้างตามแนวคิดที่ใหญ่หลวงและครอบครัว , สถานที่ของการบริหารกิจกรรมและพิธีกรรมในราชสำนัก ภายในกรอบทฤษฎีของรูปแบบนี้มันเป็นสถานที่ที่ทำให้ขุนนางสามารถเข้าถึงผู้ปกครองอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งค่านิยมสุนทรียภาพของวัฒนธรรมชั้นสูง เป็นยุทธศาสตร์ และเผยแพร่ และสินค้าความงามบริโภค [ 2 ] มีตนเองเป็นศูนย์กลางและแหล่งที่มาของสังคม จริยธรรม และจักรวาลสั่งฤดูใบไม้ร่วงของราชสำนักในข้อมูลกรณีของ Piedras Negras หรือ honduras . kgm ทำให้เลี่ยงไม่ได้ ' ตาย ' ของที่ข้อตกลง