Do you ride a bus to school and sim

Do you ride a bus to school and simply wave your card past a pad to get on the bus? Your school may have given you an ID card that you can simply wave at a special pad as you come in the door. Maybe that same card is swiped over a pad in the cafeteria to get you a hot lunch. One of the adults in your life might need an ID card for work that they scan past a reader to access their office. Or they might have a passport that a border guard can quickly scan at the airport. Can they simply wave their credit card at the counter in the gas station convenience store to pay for a cold drink? In all of these cases, the card or passport uses Radio Frequency IDentification (RFID) technology to allow quick and convenient access to personal information. Unlike magnetic stripe cards, RFID cards let a computer use the information without touching the card.

RFID is also around us in other applications. We put microchips under the skin of our pets to help veterinarians identify them if they become lost and lose their collars. Your family car might have a toll-paying system transponder on the windshield (known in much of the United States as E-ZPass®, I-PASS, or FasTrak®). If your family has one of those on your car, you can get through the toll booth without stopping; in some cases, you whiz past at 60 mph while others have to stop and pay. Very convenient. But when your personal ID contains RFID for convenience, you might not always want it to be read so easily.

Let us look at how RFID systems work, and how you can use that knowledge to improve privacy and security to better safeguard your personal information. An RFID tag is a miniature radio station. It has a radio transmitter connected to a computer chip and when asked, will turn on the transmitter and broadcast the data that it has. That may sound like how your cell phone works, for example, but there is a huge difference. Your cell phone has a battery that has to be kept charged and it can transmit data for many kilometers. An RFID tag has no battery that you have to charge (a passive RFID tag has no power source at all, while an active RFID tag has a small battery used only when responding) and can't transmit very far. In addition to the computer chip and radio transmitter, the RFID tag also has energy-harvesting parts. How do these work? Well, a coil antenna is tuned to a specific frequency. When the reader wants to get information from the tag, it sends out a signal at the tag's specific frequency. The energy from the radio signal is converted to just enough power to start up the computer chip, energize the radio transmitter in the tag, and send back the tag's data. The reader gets the signal back, extracts the data it needs, and turns off. The tag is now unpowered and goes dead until the next read. The advantage? Very inexpensive and zero maintenance.

Another way of looking at it is that you have a good friend who knows just about everything. You are working a math problem and you really need to know the value of the constant π (Pi). You find your friend in the backyard after a long morning of studying and she is sound asleep. You call her name, but nothing will wake her up. Then you remember that she loves apples. You happen to have an apple, so you offer it to her if she will wake up and answer your question. As soon as you offer the treat, she wakes up, gives you the answer you needed (3.14159...), and goes back to sleep.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

คุณนั่งรถบัสไปโรงเรียน และก็คลื่นการ์ดแผ่นรับบนรถประจำทางที่ผ่านมา โรงเรียนของคุณอาจได้ให้บัตรประจำตัวประชาชนที่คุณสามารถเพียงแค่คลื่นที่แผ่นพิเศษเป็นคุณมาในประตู บางทีที่บัตรเดียวรูดผ่านแผ่นในโรงอาหารจะได้รับอาหารกลางวันร้อน ผู้ใหญ่ในชีวิตของคุณอย่างใดอย่างหนึ่งอาจได้บัตรประจำตัวประชาชนสำหรับการทำงานที่จะสแกนผ่านเครื่องอ่านถึงการ หรือพวกเขาอาจมีหนังสือเดินทางที่รักษาชายแดนอย่างรวดเร็วได้สามารถสแกนที่สนามบิน สามารถพวกเขาเพียงแค่คลื่นของบัตรเครดิตที่เคาน์เตอร์ในร้านปั๊มให้จ่ายเครื่องดื่มเย็น ในกรณีนี้ passport หรือบัตรใช้เทคโนโลยีการระบุคลื่นความถี่วิทยุ (RFID) ให้สะดวก และรวดเร็วเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ไม่เหมือนกับบัตรแถบแม่เหล็ก บัตร RFID ให้คอมพิวเตอร์ที่ใช้ข้อมูลโดยไม่ต้องสัมผัสบัตรRFID ก็รอบตัวเราในโปรแกรมประยุกต์อื่น เราใส่ microchips ภายใต้ผิวหนังของสัตว์เลี้ยงของเราจะช่วยให้สัตวแพทย์ทราบพวกเขาพวกเขาหลง และสูญเสียการ collars รถครอบครัวอาจจ่ายค่าโทรระบบทรานสปอนเดอร์บนกระจกหน้ารถ (ที่รู้จักกันมากในสหรัฐอเมริกาเป็น E-ZPass ® -ผ่าน หรือ FasTrak?) ได้ ถ้าครอบครัวของคุณมีหนึ่งบนรถของคุณ คุณจะได้รับผ่านบูธโทรโดยไม่หยุด ในบางกรณี คุณ whiz ผ่านที่ความเร็ว 60 ขณะที่ผู้อื่นมีการหยุด และจ่าย สะดวกมาก แต่เมื่อรหัสส่วนบุคคลของคุณประกอบด้วย RFID มา คุณอาจไม่เสมอต้องการให้สามารถอ่านได้ง่ายให้เราดูที่วิธีการทำงานของระบบ RFID และวิธีใช้ปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลและความปลอดภัยเพื่อป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลของคุณดีขึ้น ป้าย RFID คือ สถานีวิทยุขนาดเล็ก มีสัญญาณวิทยุที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ชิป และเมื่อถาม จะเปิดตัวส่ง และเผยแพร่ข้อมูลที่มีการ ที่อาจเสียงเช่นโทรศัพท์มือถือของคุณทำงานอย่างไร ตัวอย่าง แต่มีความแตกต่างมาก โทรศัพท์ของคุณมีแบตเตอรี่ที่มีจะเก็บไว้คิดค่าธรรมเนียม และส่งข้อมูลหลายกิโลเมตร ป้าย RFID ที่มีแบตเตอรี่ที่มีประจุ (passive RFID tag มีแหล่งจ่ายไฟไม่เลย ในขณะที่ใช้งานป้าย RFID มีแบตเตอรี่ขนาดเล็กที่ใช้เฉพาะเมื่อตอบสนอง) และไม่สามารถส่งไกลขึ้น ชิพคอมพิวเตอร์และส่งสัญญาณวิทยุ ป้าย RFID ยังได้เก็บเกี่ยวพลังงานส่วน เหล่านี้ทำงานอย่างไร ดี เสาเกลียวปรับความถี่เฉพาะ เมื่อผู้อ่านต้องการรับข้อมูลจากป้าย นั้นส่งสัญญาณที่ความถี่เฉพาะของแท็ก พลังงานจากสัญญาณวิทยุจะถูกแปลงเป็นพลังงานพอเพียงเริ่มต้นคอมพิวเตอร์ชิป พลังสัญญาณวิทยุในแท็ก และส่งกลับข้อมูลของแท็ก ผู้อ่านได้รับสารสกัดหลัง สัญญาณข้อมูลที่ต้องการ และปิด แท็กเป็น unpowered และไปตายจนกว่าจะอ่านต่อไป ประโยชน์หรือไม่ ราคาไม่แพงมาก และการบำรุงรักษาศูนย์การอีกวิธีหนึ่งจะเป็นว่า คุณมีเพื่อนที่ดีที่ทราบเรื่อง คุณกำลังทำงานปัญหาคณิตศาสตร์ และคุณจริง ๆ ต้องทราบค่าของπคง (ปี่) หาเพื่อนบ้านหลังจากตอนเช้าลองมาเรียน และเธอมีเสียง asleep เรียกชื่อเธอ แต่ไม่มีอะไรจะปลุกเธอ แล้ว คุณจำได้ว่า เธอรักแอปเปิ้ล คุณเกิดขึ้นจะมีแอปเปิล เพื่อให้คุณนำเสนอมันเธอถ้าเธอจะตื่นขึ้นมา และตอบคำถามของคุณ ทันทีที่คุณมีการรักษา เธอกลับค่า ให้คำตอบที่คุณต้องการ (3.14159...), และกลับไปนอน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

คุณนั่งรถบัสไปยังโรงเรียนและก็โบกบัตรของคุณที่ผ่านมารองที่จะได้รับบนรถบัส? โรงเรียนของคุณอาจจะได้รับคุณบัตรประจำตัวประชาชนที่คุณก็สามารถคลื่นที่แผ่นพิเศษที่คุณมาในประตู บางทีนั่นอาจจะเป็นบัตรเดียวกัน swiped มากกว่าแผ่นในโรงอาหารเพื่อให้ได้รับประทานอาหารกลางวันร้อน หนึ่งของผู้ใหญ่ในชีวิตของคุณอาจจำเป็นต้องใช้บัตรประจำตัวประชาชนสำหรับการทำงานที่พวกเขาสแกนที่ผ่านมาผู้อ่านในการเข้าถึงสำนักงานของพวกเขา หรือพวกเขาอาจจะมีหนังสือเดินทางที่ยามชายแดนได้อย่างรวดเร็วสามารถสแกนที่สนามบิน พวกเขาสามารถเพียงแค่คลื่นบัตรเครดิตของพวกเขาได้ที่เคาน์เตอร์ในร้านสะดวกซื้อสถานีบริการน้ำมันที่จะจ่ายสำหรับเครื่องดื่มเย็น? ในทุกกรณีเหล่านี้บัตรประชาชนหรือหนังสือเดินทางใช้ระบุความถี่ (RFID) ที่จะช่วยให้การเข้าถึงที่รวดเร็วและสะดวกในการข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งแตกต่างจากบัตรแถบแม่เหล็กบัตร RFID ให้คอมพิวเตอร์ใช้ข้อมูลโดยไม่ต้องสัมผัสบัตร. RFID ยังเป็นรอบ ๆ ตัวเราในการใช้งานอื่น ๆ เราใส่ไมโครชิปใต้ผิวหนังของสัตว์เลี้ยงของเราที่จะช่วยให้สัตวแพทย์ระบุพวกเขาหากพวกเขากลายเป็นหายไปและสูญเสียของพวกเขาปลอกคอ รถครอบครัวของคุณอาจมีดาวเทียมระบบโทรจ่ายบนกระจกหน้ารถ (ที่รู้จักกันมากในประเทศสหรัฐอเมริกาเป็น E-ZPass® I-PASS หรือFasTrak®) หากครอบครัวของคุณมีหนึ่งในผู้ที่อยู่ในรถของคุณคุณจะได้รับผ่านบูธโทรโดยไม่หยุดนั้น ในบางกรณีคุณหวือที่ผ่านมาที่ 60 ไมล์ต่อชั่วโมงในขณะที่คนอื่น ๆ ต้องหยุดและชำระเงิน สะดวกมาก. แต่เมื่อ ID ส่วนบุคคลของคุณมี RFID เพื่อความสะดวกของคุณอาจไม่เคยต้องการที่จะอ่านได้อย่างง่ายดาย. ให้เราดูที่วิธีการทำงานระบบ RFID และวิธีการที่คุณสามารถใช้ความรู้ที่จะปรับปรุงการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่ดีในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ แท็ก RFID คือสถานีวิทยุขนาดเล็ก แต่ก็มีการส่งสัญญาณวิทยุที่เชื่อมต่อกับชิปคอมพิวเตอร์และเมื่อถามว่าจะเปิดเครื่องส่งสัญญาณออกอากาศและข้อมูลที่ว่ามันมี นั่นอาจจะชอบวิธีการทำงานของโทรศัพท์มือถือของคุณตัวอย่างเช่น แต่มีความแตกต่างมาก โทรศัพท์มือถือของคุณมีแบตเตอรี่ที่จะต้องมีการเก็บค่าใช้จ่ายและสามารถส่งข้อมูลสำหรับหลายกิโลเมตร แท็ก RFID มีแบตเตอรี่ที่คุณไม่มีการคิดค่าบริการ (แท็ก RFID passive มีแหล่งพลังงานที่ทุกคนในขณะที่แท็ก RFID ที่ใช้งานมีแบตเตอรี่ขนาดเล็กที่ใช้เฉพาะเมื่อมีการตอบสนอง) และไม่สามารถส่งไปไกลมาก นอกเหนือไปจากชิปคอมพิวเตอร์และเครื่องส่งสัญญาณวิทยุแท็ก RFID นอกจากนี้ยังมีชิ้นส่วนพลังงานเก็บเกี่ยว ทำผลงานเหล่านี้ได้อย่างไร? ดีเสาอากาศขดลวดปรับความถี่เฉพาะ เมื่อผู้อ่านต้องการที่จะได้รับข้อมูลจากแท็กก็จะส่งออกเป็นสัญญาณที่ความถี่เฉพาะแท็กของ พลังงานจากสัญญาณวิทยุจะถูกแปลงเป็นเพียงอำนาจพอที่จะเริ่มต้นขึ้นชิปคอมพิวเตอร์ที่รวมพลังส่งสัญญาณวิทยุในแท็กและส่งกลับข้อมูลของแท็ก ผู้อ่านจะได้รับสัญญาณกลับสารสกัดจากข้อมูลที่เป็นความต้องการและจะปิด แท็กคือตอนนี้บังคับบัญชาและไปตายจนกว่าจะอ่านต่อไป ประโยชน์หรือไม่ มากราคาไม่แพงและศูนย์ซ่อมบำรุง. วิธีการมองไปที่มันก็คือว่าคุณมีเพื่อนที่ดีที่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับ คุณกำลังทำงานปัญหาทางคณิตศาสตร์และคุณจำเป็นต้องรู้ค่าของπคงที่ (Pi) คุณจะพบเพื่อนของคุณในสนามหลังบ้านหลังจากที่เช้าวันที่ยาวนานของการศึกษาและการที่เธอเป็นเสียงหลับ คุณเรียกชื่อของเธอ แต่ไม่มีอะไรที่จะปลุกเธอขึ้น จากนั้นคุณจำไว้ว่าเธอรักแอปเปิ้ล คุณเกิดขึ้นจะมีแอปเปิ้ลเพื่อให้คุณนำเสนอให้เธอถ้าเธอจะตื่นขึ้นมาและตอบคำถามของคุณ ทันทีที่คุณนำเสนอการรักษาที่เธอตื่นขึ้นมาช่วยให้คุณมีคำตอบที่คุณจำเป็น (3.14159 ... ) และไปกลับไปนอน

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

คุณนั่งรถบัสไปโรงเรียนและเพียงแค่คลื่นการ์ดอดีตรองที่จะได้รับบนรถบัส โรงเรียนของคุณอาจจะได้รับบัตรที่คุณสามารถคลื่นที่เบาะพิเศษที่คุณเข้ามาในประตู บางทีก็รูดบัตรผ่านแผ่นในโรงอาหารเพื่อเอา กลางวันร้อน หนึ่งคนในชีวิตของคุณอาจจะต้องมีบัตรงานที่สแกนมาอ่านเพื่อการเข้าถึงของพวกเขาหรือพวกเขาอาจมีหนังสือเดินทางที่รักษาการณ์ชายแดนได้อย่างรวดเร็วสามารถสแกนที่สนามบิน พวกเขาสามารถเพียงแค่คลื่นของบัตรเครดิตที่เคาน์เตอร์ในปั๊มน้ำมัน ร้านสะดวกซื้อเพื่อจ่ายค่าเครื่องดื่มเย็น ? ในทุกกรณีเหล่านี้ บัตร หรือ พาสปอร์ต ใช้คลื่นความถี่วิทยุ ( RFID ) เทคโนโลยีที่ช่วยให้เข้าถึงได้อย่างรวดเร็วและสะดวกต่อข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งแตกต่างจากบัตรแถบแม่เหล็กบัตร RFID ให้คอมพิวเตอร์ใช้ข้อมูลโดยไม่ต้องสัมผัสบัตร

RFID ยังรอบตัวเราในโปรแกรมประยุกต์อื่น ๆ . เราใส่ไมโครชิปใต้ผิวหนังของสัตว์เลี้ยงของเราที่จะช่วยให้สัตวแพทย์ระบุพวกเขาหากพวกเขากลายเป็นที่สูญหายและสูญเสียปกของพวกเขา รถครอบครัวของคุณอาจจะโทรฯ ระบบจ่ายตรงกระจกหน้ารถ ( ที่รู้จักกันมากในสหรัฐอเมริกาเป็น e-zpass ® i-pass , หรือ fastrak ® )ถ้าครอบครัวของคุณมีหนึ่งของเหล่านี้ในรถของคุณ คุณสามารถได้รับผ่านทางบูธโดยไม่หยุด ในบางกรณี คุณหวือผ่านที่ 60 mph ในขณะที่คนอื่น ๆต้องหยุดจ่าย สะดวกมาก แต่เมื่อคุณมีบัตรประชาชน RFID เพื่อความสะดวกสบาย คุณอาจต้องการให้มันอ่านง่ายๆ

เรามาดูวิธีการติดตั้งระบบงานและวิธีที่คุณสามารถใช้ความรู้นั้นเพื่อปรับปรุงความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยที่ดีกว่าปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณ แท็ก RFID เป็นสถานีวิทยุขนาดเล็ก มีเครื่องส่งสัญญาณวิทยุที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ชิป และเมื่อถามว่า จะเปิดตัวส่ง และเผยแพร่ข้อมูลที่ได้ ที่อาจเสียงเหมือนโทรศัพท์มือถือของคุณทำงาน ตัวอย่างเช่น แต่มีความแตกต่างมากนักโทรศัพท์ของคุณมีแบตเตอรี่ที่มีเก็บค่าบริการ และสามารถส่งข้อมูลได้หลายกิโลเมตร แท็ก RFID มีแบตเตอรี่ที่ต้องชาร์จ ( Passive RFID tag ได้ไม่มีแหล่งพลังงานทั้งหมด ในขณะที่แท็ก RFID ที่ใช้งานเป็นแบตเตอรี่ขนาดเล็กที่ใช้เพียงการตอบสนอง ) และไม่สามารถส่งได้ไกลมาก นอกจากชิปคอมพิวเตอร์และวิทยุเครื่องส่งแท็ก RFID ยังมีพลังงานชิ้นส่วน วิธีการทำเหล่านี้ทำงาน ? คือ ขดลวดเสาอากาศปรับไปที่ความถี่ที่เฉพาะเจาะจง เมื่อผู้อ่านต้องการได้ข้อมูลจากแท็ก มันส่งสัญญาณที่ความถี่ที่เฉพาะเจาะจงของแท็ก พลังงานจากสัญญาณวิทยุจะถูกแปลงเป็นเพียงพลังงานพอที่จะเริ่มต้นขึ้น ชิปคอมพิวเตอร์ , พลังเครื่องส่งสัญญาณวิทยุในแท็กและส่งข้อมูลย้อนกลับของแท็ก ผู้อ่านได้รับสัญญาณกลับมา , สารสกัดจากข้อมูลความต้องการ และปิด แท็กคือตอนนี้ไม่ต้องเสียบปลั๊กเปรียบเทียบและไปตายจนอ่านต่อไป ประโยชน์ ? ไม่แพงมาก และศูนย์ซ่อมบำรุง

วิธีการมองมันอีกคือ ว่า คุณมีเพื่อนที่รู้เพียงเกี่ยวกับทุกอย่างคุณจะทำงานเป็นปัญหาทางคณิตศาสตร์และคุณจริงๆต้องรู้ค่าของπคงที่ ( PI ) คุณหาเพื่อนในสวนหลังบ้าน หลังจากตอนเช้ายาวของการเรียน และเธอกำลังหลับสนิท คุณเรียกชื่อเธอ แต่ไม่มีอะไรจะปลุกเธอ แล้วคุณจำได้ว่าเธอชอบแอปเปิ้ล คุณมีแอปเปิ้ล เธอให้มันกับเธอ ถ้าเธอจะต้องตื่นและตอบคำถามของคุณทันทีที่คุณมีการรักษา เธอตื่นขึ้นมาให้คำตอบที่คุณต้องการ ( 3.14159 . . . ) และกลับไปนอน