The purpose of this study was to de

The purpose of this study was to determine the stages of change and frequency of condom use among gay and bisexual men during high-risk sexual behaviors with primary and casual partners and to evaluate the effectiveness of collecting data using the Internet. Prevention of the transmission of HIV has become a major health priority, and strategies are needed to help individuals reduce high-risk sexual behaviors.
The participants in this study were 241 gay and bisexual men obtained via the Internet and from an established gay and bisexual organization. Descriptive statistics and multiple regression were used to analyze the participants' responses. Nineteen demographic variables were used as covariates in the data analysis.
The results revealed that gay and bisexual men were in the precontemplation stage of change for using a condom during vaginal, anal, and oral intercourse with their primary partners. With casual partners, the men were in the maintenance stage of change for using a condom during vaginal and anal intercourse but in the precontemplation stage of change for oral intercourse.
Several variables were found to be significantly associated with condom use during each sexual behavior with primary and casual partners. Findings suggest that older bisexual men, with higher incomes, who inform their partner of their HIV status, and who were confident in using a condom during vaginal intercourse were in a higher stage of change. Older gay and bisexual men who were confident in using a condom and who reported fewer disadvantages in using a condom were in a higher stage of change for using acondom during anal intercourse with a primary partner. For casual partners, gay and bisexual men who have fewer lifetime sexual partners and who are more confident in using a condom were in a higher stage of change for using a condom during anal intercourse.
The transtheoretical model of behavioral change was effective in determining the stages of change for using a condom during sexual activities with primary and casual partners. The knowledge gained from this study will be helpful in developing HIV prevention programs, as well as identifying the usefulness of the Internet as a data collection strategy.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

วัตถุประสงค์ของการศึกษาครั้งนี้มีการกำหนดขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงและความถี่ของการใช้ถุงยางอนามัยในกลุ่มชายเกย์และกะเทยระหว่างพฤติกรรมทางเพศที่มีความเสี่ยงสูงกับคู่ค้าหลักและสบาย ๆ และในการประเมินประสิทธิภาพของการเก็บรวบรวมข้อมูลการใช้อินเทอร์เน็ต การป้องกันการแพร่กระจายของเอชไอวีได้กลายเป็นความสำคัญด้านสุขภาพที่สำคัญและกลยุทธ์ที่มีความจำเป็นเพื่อช่วยให้บุคคลลดความเสี่ยงสูงพฤติกรรมทางเพศ.
ผู้เข้าร่วมในการศึกษาครั้งนี้มี 241 เกย์และกะเทยคนที่ได้รับผ่านทางอินเทอร์เน็ตและจากเกย์ที่จัดตั้งขึ้นและองค์กรเสือใบ . สถิติเชิงพรรณนาและการถดถอยพหุคูณถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์การตอบสนองของผู้เข้าร่วม เก้าตัวแปรทางด้านประชากรศาสตร์ที่ถูกนำมาใช้เป็นตัวแปรในการวิเคราะห์ข้อมูล.
ผลการศึกษาพบว่าผู้ชายที่เป็นเกย์และกะเทยอยู่ในขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลง precontemplation สำหรับการใช้ถุงยางอนามัยในระหว่างช่องคลอดทวารหนักและการมีเพศสัมพันธ์ทางปากกับคู่ค้าหลักของพวกเขา กับคู่ค้าสบาย ๆ คนที่อยู่ในขั้นตอนการบำรุงรักษาของการเปลี่ยนแปลงในการใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอดและทวารหนัก แต่ในขั้นตอน precontemplation ของการเปลี่ยนแปลงสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก.
ตัวแปรหลายคนพบว่ามีความสัมพันธ์อย่างมีนัยสำคัญที่มีการใช้ถุงยางอนามัยในแต่ละพฤติกรรมทางเพศกับหลัก และคู่ค้าที่ไม่เป็นทางการ ผลการวิจัยชี้ให้เห็นว่าคนที่มีอายุมากกว่ากะเทยที่มีรายได้สูงกว่าที่แจ้งให้พันธมิตรของพวกเขาสถานะของพวกเขาเอชไอวีและผู้ที่มีความมั่นใจในการใช้ถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอดอยู่ในขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงที่สูงขึ้น เก่าเกย์และกะเทยที่มีความมั่นใจในการใช้ถุงยางอนามัยที่รายงานและข้อเสียน้อยลงในการใช้ถุงยางอนามัยอยู่ในขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงที่สูงขึ้นสำหรับการใช้ acondom ระหว่างมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักกับพันธมิตรหลัก สำหรับพันธมิตรลำลอง, เกย์และกะเทยคนที่มีอายุการใช้งานน้อยกว่าคู่ค้าทางเพศและผู้ที่มีความมั่นใจมากขึ้นในการใช้ถุงยางอนามัยอยู่ในขั้นที่สูงขึ้นของการเปลี่ยนแปลงการใช้ถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก.
รูปแบบการเปลี่ยนพฤติกรรมในการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมมีประสิทธิภาพในการกำหนดขั้นตอน ของการเปลี่ยนแปลงในการใช้ถุงยางอนามัยเมื่อมีเพศสัมพันธ์กับกิจกรรมคู่ค้าหลักและไม่เป็นทางการ ความรู้ที่ได้จากการศึกษาครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาโปรแกรมการป้องกันเอชไอวีเช่นเดียวกับการระบุประโยชน์ของอินเทอร์เน็ตเป็นกลยุทธ์การเก็บรวบรวมข้อมูล

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลงและความถี่ของการใช้ถุงยางอนามัยของเกย์และกะเทยผู้ชายในระหว่างที่มีพฤติกรรมทางเพศกับคู่ค้าหลักและไม่เป็นทางการและประเมินประสิทธิผลของการรวบรวมข้อมูล การใช้อินเทอร์เน็ต การป้องกันการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีได้กลายเป็นความสำคัญสุขภาพหลักและกลยุทธ์ที่จำเป็นในการช่วยให้บุคคล ลดพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ .
จำนวน 241 คนเกย์และกะเทยที่ได้รับผ่านทางอินเทอร์เน็ตและจากเกย์และกะเทยก่อตั้งองค์กร สถิติเชิงพรรณนา และ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ของผู้เข้าร่วมการตอบสนอง จำนวนประชากรที่ใช้ความรู้ในการวิเคราะห์ข้อมูล .
ผลการศึกษาพบว่า ผู้ชาย เกย์ กะเทย ในขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลง precontemplation ใช้ถุงยางอนามัยระหว่างมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนักและช่องปากกับคู่ค้าหลักของพวกเขา กับคู่ค้าสบาย ๆ , มีผู้ชายในการรักษาระยะของการใช้ถุงยางอนามัยในช่องคลอดและทวารหนักการร่วมเพศ แต่ในขั้นตอนของการเปลี่ยนแปลง precontemplation ช่องปาก
สนธิหลายตัวแปร พบว่ามีความสัมพันธ์กับการใช้ถุงยางอนามัยในแต่ละพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์กับคู่ค้าหลัก และสบายๆ ข้อมูลแนะนำให้แก่กะเทยผู้ชายที่มีรายได้สูงกว่าที่บอกพันธมิตรของพวกเขาสถานะเอชไอวีของพวกเขา , และผู้ที่เชื่อมั่นในการใช้ถุงยางอนามัยในระหว่างทางช่องคลอดอยู่ในขั้นตอนที่สูงขึ้นของการเปลี่ยนแปลงเกย์และกะเทยแก่ชายผู้เชื่อมั่นในการใช้ถุงยาง และมีข้อเสียน้อย ใช้ถุงยางอนามัย อยู่ในขั้นตอนที่สูงขึ้นของการเปลี่ยนแปลงการใช้ acondom ในระหว่างการร่วมเพศทางทวารหนักกับคู่หลัก สำหรับคู่ค้าที่ไม่เป็นทางการเกย์และกะเทย ผู้ชายที่มีอายุน้อยกว่าคู่ค้าทางเพศและผู้ที่มีความมั่นใจในการใช้ถุงยางอนามัยอยู่ในขั้นที่สูงขึ้นของการใช้ถุงยางอนามัยในระหว่างการร่วมเพศทางทวารหนัก .
ทฤษฎีขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป ประสิทธิภาพในการกำหนดขั้นตอนของการใช้ถุงยางอนามัยในระหว่างกิจกรรมทางเพศกับหลักและพันธมิตรได้สบายๆความรู้ที่ได้จากการศึกษาครั้งนี้จะเป็นประโยชน์ในการพัฒนาโครงการการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวี รวมทั้งการระบุประโยชน์ของอินเทอร์เน็ตเป็นข้อมูล
กลยุทธ์ .