ซูเปอร์อภิมหาอัครเศรษฐีแห่งวงการคอมพิวเตอร์

ซูเปอร์อภิมหาอัครเศรษฐีแห่งวงการคอม

ซูเปอร์อภิมหาอัครเศรษฐีแห่งวงการคอมพิวเตอร์ "บิล เกตส์" วัย 52 ปี

ตัดสินใจ "ล็อก-ออฟ" ยุติบทบาทการทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ "ไมโครซอฟท์" ที่สร้างมากับมืออย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ 27 มิถุนายน ปล่อยให้ "สตีฟ บัลเมอร์" เพื่อนรักรับไม้บริหารต่อแทน สร้างข่าวใหญ่ไปทั่วโลก และหลังจากนี้ตำนานของเกตส์จะได้รับการจดจำทั้งในรูปลักษณ์ของ "เทพ" และ "ปีศาจ" ไปพร้อมๆ กัน! หนุ่มน้อยสมองใส "บิล เกตส์" หรือ "วิลเลียม เอช. เกตส์ ที่สาม" เกิด 28 ตุลาคม พ.ศ.2498 ครอบครัวตั้งรกรากอยู่ในนครซีแอตเติล รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา จัดว่ามีฐานะดี ในยุคนั้นนายวิลเลียม เอช. เกตส์ ที่สอง บิดา ประกอบอาชีพทนายความ ส่วนนางแมรี่ เกตส์ มารดา ทำงานอาสาสมัครองค์กรการกุศลเกตส์เป็นเด็กเรียนเร็ว เริ่มต้นชีวิตนักเรียนที่ "เลกไซด์" โรงเรียนสำหรับลูกผู้มีอันจะกิน และอายุน้อยกว่าเพื่อนร่วมชั้นราวๆ 2 ปี ในจำนวนนี้รวมทั้ง "พอล อัลเลน" เพื่อนรัก ซึ่งในเวลาต่อมาคือบุคคลที่ร่วมกันก่อตั้ง "ไมโครซอฟท์" บริษัทพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (ซอฟต์แวร์) เบอร์ 1 ของโลกสมัยเด็กๆ อายุได้เพียง 13 ปี เกตส์กับอัลเลนมักชอบแอบเข้าไปเล่นเครื่องพิมพ์ไฟฟ้า "เทเลไทป์" ของโรงเรียนเป็นประจำ ด้วยความหลงใหลในระบบอิเล็กทรอนิกส์และกลไกการทำงานต่างๆ ซึ่งเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ได้ จนในที่สุดสองสหายลงมือแก้ไขเขียน "โปรแกรม" ด้วยตัวเองเพื่อใช้ เทเลไทป์แก้ตารางเรียนของนักเรียนหญิงหน้าตาดีให้มาเข้าชั้นตรงกัน มหา"ลัยไม่ใช่คำตอบ "ตอนผมอายุ 19 ผมมองเห็นอนาคตและตัดสินใจทำตามสิ่งที่เห็น ปรากฏว่ามันคือสิ่งที่ถูกต้องเสียด้วยสิ!" เกตส์ย้อนรำลึกถึงสาเหตุที่ตัดสินใจลาออกจาก "ฮาร์วาร์ด" สถาบันอุดมศึกษาอันดับต้นๆ ของสหรัฐ เอาไว้ในหนังสือเดอะโรด อะเฮด ก่อนเข้าฮาร์วาร์ด เกตส์มีพื้นฐานการเขียนภาษา "เบสิก" สำหรับคอมพิวเตอร์อยู่บ้าง เมื่อเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยก็มีความคิดว่าในอนาคต "ซอฟต์แวร์" หรือ "โปรแกรม" จะต้องมีความสำคัญมากกว่า "ฮาร์ดแวร์" หรือพูดง่ายๆ ก็คือตัวเครื่องคอมพิวเตอร์นั่นเอง และบังเอิญว่าคิดถูกอย่างยิ่ง! เริ่มแรกเกตส์เลือกเรียนวิชากฎหมาย แต่สักพักก็ทุ่มเทเวลาหมดไปกับการเรียนรู้คณิตศาสตร์ การเขียนโปรแกรม และเศรษฐศาสตร์ ช่วงนี้เองที่โชคชะตานำพาให้มาพบกับ "สตีฟ บัลเมอร์" เพื่อนสถาบัน ที่กลายเป็นมิตรแท้และผู้บริหารสูงสุดแห่งบริษัทไมโครซอฟท์ในปัจจุบัน
เรียนผ่านพ้นไปเพียง 2 ปี เกตส์ก็ทำให้ครอบครัวแทบช็อก เมื่อยื่นเรื่อง "ดร็อป" ขอพักการเรียน เพราะเชื่อว่ามหาวิทยาลัยไม่มีอะไรจะสอนเขาอีกต่อไป!กำเนิด"ไมโครซอฟท์"
เมื่อเชื่อมั่นว่า "ซอฟต์แวร์คือขุมทรัพย์" เกตส์กับอัลเลนจึงจับมือกันเดินหน้าพัฒนาโปรแกรมชุดคำสั่งคอมพิวเตอร์และ ติดต่อทำการตลาดอย่างจริงจังก้าวแรกสู่วงการ เกิดขึ้นเมื่อบริษัท "เอ็มไอทีเอส" เตรียมวางตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) ใหม่ล่าสุด "Altair 8800" และตกลงจ้างทั้งคู่รับผิดชอบการพัฒนาโปรแกรม กระทั่งปีพ.ศ.2518 สองสหายตั้งบริษัท "ไมโครคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์" หรือที่เรียกย่อๆ ว่า "ไมโครซอฟท์" ขึ้นมา มีบางช่วงเกตส์กลับไปเรียนฮาร์วาร์ด แต่ต้องหยุดกลางคันเช่นเดิมและไม่หวนกลับไปอีกเลยเมื่อเปิด "สำนักงานไมโครซอฟท์" แห่งแรกที่เมืองเบลล์วิล รัฐวอชิงตัน ปี 2521 บริษัทเล็กๆ แห่งนี้มีรายได้เกิน 1 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 25 ล้านบาทถ้าเทียบกับค่าเงินสมัยก่อน ถัดมา 1 ปี เกตส์ก็ว่าจ้าง "บัลเมอร์" เพื่อนรักสมัยฮาร์วาร์ด เข้าทำหน้าที่ "ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจ" คนแรก สู่ยุคทองปี 2523 ประตูสู่ยุคทองของไมโครซอฟท์เปิดกว้างชนิดที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ยกเว้นกลุ่ม 3 ผู้ก่อตั้ง "เกตส์-อัลเลน-บัลเมอร์" ภายหลังจากบริษัทยักษ์สีฟ้า "ไอบีเอ็ม" เจ้าตลาดธุรกิจคอมพิวเตอร์ระดับโลก ตกลงเซ็นสัญญาซื้อโปรแกรม "เอ็มเอส-ดอส" จากไมโครซอฟท์ ทั้งยังพลาดท่าโดนเกตส์กล่อมจนมอบสิทธิ์ให้นำไปขายบริษัทเจ้าอื่นๆ ได้ด้วย เพราะเห็นว่ายังไงๆ คอมพิวเตอร์ของตนย่อม "เจ๋ง" กว่าโปรแกรม!นับแต่นั้นเป็นต้นมา กิจการไมโครซอฟท์ขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 2528 มีรายได้ 140 ล้านดอลลาร์ พร้อมกับเปิดตัว "โอเอส" หรือระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์เขย่าโลก "วินโดวส์" เวอร์ชั่นแรก และนำบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ส่งผลให้เกตส์มีเงินทองมหาศาลจากราคาหุ้น ปี 2536 นิตยสารการเงินฟอร์บส์ ระบุว่า เกตส์เป็น "คนรวยที่สุดในสหรัฐ" มีทรัพย์สิน 6,300 ล้านดอลลาร์ ต่อมาปี 2538 ก็พัฒนาชนิดก้าวกระโดด ทำสถิติเป็น "คนรวยที่สุดในโลก" และครองตำแหน่งนี้ถึงต้นปี 2551 จึงเสียเก้าอี้ให้ "วอเรนต์ บัฟเฟต์" เพื่อนมหาเศรษฐีรุ่นพ่อแต่ปัจจุบันเกตส์ก็ยังยึดสถิติคนรวยอันดับ 3 ของโลก มีทรัพย์สิน 58,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.9 ล้านล้านบาท!ปิดตำนาน"บิล เกตส์"ที่ผ่านมา เกตส์อาจเป็นอัจฉริยะหรือเป็น "เทพ" ในสายตาคนกลุ่มหนึ่งที่มองว่า มีวิสัยทัศน์มองการณ์ไกล สร้างสรรค์โปรแกรม-ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ช่วยให้คนใช้คอมพิวเตอร์ทำงานง่ายขึ้นจำนวนมาก อาทิ วินโดวส์, ออฟฟิศ, มีเดียเพลเยอร์, เอ็มเอสเอ็น, ไออี, เอ็กซ์บ็อกซ์ ฯลฯอย่างไรก็ตาม คนอีกกลุ่มกลับต่อต้านและมองว่า เกตส์เป็น "ซาตาน" ไม่ต่างอะไรกับนักฉวยโอกาส ร่ำรวยด้วยการ "ก๊อบ" โปรแกรมคนอื่น ไม่ว่าจะสมัยนำเอา "คิว-ดอส" ของบริษัทเอสซีพี หรือโอเอสของบริษัทแอปเปิ้ล มาลอกเลียนพัฒนาต่อยอดเป็นของตัวเอง แต่กลับขายโปรแกรมระบบปิดที่ไม่เปิดกว้างให้ผู้อื่นร่วมพัฒนานอกจากนั้นยังใช้ "อำนาจเงิน" ที่เหนือกว่า เข้าไปทุ่มซื้อกิจการคู่แข่ง หรือ สกัดกั้นการเติบโตด้วยกลยุทธ์ใต้เข็มขัดสารพัดรูปแบบ เช่น การบันเดิล-แถมโปรแกมท่องอินเตอร์เน็ต "ไออี" เข้าไปกับวินโดวส์ เพื่อเตะสกัดโปรแกรม "เน็ตสเคป" ซึ่งเคยมาแรงกว่ามาก ทำให้ในหลายกรณีทางการสหรัฐและยุโรปต้องเปิดดำเนินคดีกับไมโครซอฟท์ฐานผูกขาดทางการค้า สถานะผู้นำเทคโนโลยีของมโครซอฟท์ ณ วันนี้ตกเป็นรองบริษัทชื่อดังอย่าง "กูเกิ้ล" หลายช่วงตัว ขณะที่เกตส์โต้ว่า ยักษ์ใหญ่ที่แท้จริงในโลกคอมพิวเตอร์ก็คือไอบีเอ็ม ไม่ใช่กูเกิ้ล หลังจากนี้ เกตส์จะทุ่มชีวิตส่วนใหญ่ทำงานให้กองทุนการกุศล "บิล แอนด์ เมลินดา เกตส์" ซึ่งตั้งขึ้นมาร่วมกับภรรยา เพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทั่วโลก เปิดตำนานหน้าใหม่ในฐานะ "นักบุญบิล เกตส์" ซึ่งต้องรอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าจะจริงจังขนาดไหน
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ซูเปอร์อภิมหาอัครเศรษฐีแห่งวงการคอมพิวเตอร์ "บิลเกตส์" วัย 52 ปี

ตัดสินใจ "ล็อก-ออฟ" ยุติบทบาทการทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ "ไมโครซอฟท์" ที่สร้างมากับมืออย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ 27 มิถุนายนปล่อยให้ "สตีฟบัลเมอร์" เพื่อนรักรับไม้บริหารต่อแทนสร้างข่าวใหญ่ไปทั่วโลก "เทพ" และ "ปีศาจ" ไปพร้อม ๆ กัน หนุ่มน้อยสมองใส "บิลเกตส์" หรือ "วิลเลียมเอช เกตส์ที่สาม"เกิด 28 ตุลาคม พ.ศ.2498 ครอบครัวตั้งรกรากอยู่ในนครซีแอตเติลรัฐวอชิงตันสหรัฐอเมริกาจัดว่ามีฐานะดีในยุคนั้นนายวิลเลียมเอช เกตส์ที่สองบิดาประกอบอาชีพทนายความส่วนนางแมรี่เกตส์มารดาทำงานอาสาสมัครองค์กรการกุศลเกตส์เป็นเด็กเรียนเร็วเริ่มต้นชีวิตนักเรียนที่ "เลกไซด์" โรงเรียนสำหรับลูกผู้มีอันจะกิน 2 ปีในจำนวนนี้รวมทั้ง "พอลอัลเลน" เพื่อนรักซึ่งในเวลาต่อมาคือบุคคลที่ร่วมกันก่อตั้ง "ไมโครซอฟท์" บริษัทพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (ซอฟต์แวร์) เบอร์ 1 ของโลกสมัยเด็ก ๆ อายุได้เพียง 13 ปี "เทเลไทป์" ของโรงเรียนเป็นประจำด้วยความหลงใหลในระบบอิเล็กทรอนิกส์และกลไกการทำงานต่าง ๆ ซึ่งเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ได้ด้วยตัวเองเพื่อใช้จนในที่สุดสองสหายลงมือแก้ไขเขียน "โปรแกรม" มหา "ลัยไม่ใช่คำตอบ"ตอนผมอายุ 19 ผมมองเห็นอนาคตและตัดสินใจทำตามสิ่งที่เห็นปรากฏว่ามันคือสิ่งที่ถูกต้องเสียด้วยสิ"เกตส์ย้อนรำลึกถึงสาเหตุที่ตัดสินใจลาออกจาก"ฮาร์วาร์ด"สถาบันอุดมศึกษาอันดับต้น ๆ ของสหรัฐเอาไว้ในหนังสือเดอะโรดอะเฮดก่อนเข้าฮาร์วาร์ดเกตส์มีพื้นฐานการเขียนภาษา"เบสิก"สำหรับคอมพิวเตอร์อยู่บ้าง "ซอฟต์แวร์" หรือ "โปรแกรม" จะต้องมีความสำคัญมากกว่า "ฮาร์ดแวร์" หรือพูดง่าย ๆ ก็คือตัวเครื่องคอมพิวเตอร์นั่นเองและบังเอิญว่าคิดถูกอย่างยิ่ง เริ่มแรกเกตส์เลือกเรียนวิชากฎหมายแต่สักพักก็ทุ่มเทเวลาหมดไปกับการเรียนรู้คณิตศาสตร์การเขียนโปรแกรมและเศรษฐศาสตร์เพื่อนสถาบันช่วงนี้เองที่โชคชะตานำพาให้มาพบกับ "สตีฟบัลเมอร์" เพราะเชื่อว่ามหาวิทยาลัยไม่มีอะไรจะสอนเขาอีกต่อไปขอพักการเรียนเกตส์ก็ทำให้ครอบครัวแทบช็อกเรียนผ่านพ้นไปเพียง 2 ปีเมื่อยื่นเรื่อง "ดร็อป" ! กำเนิด "ไมโครซอฟท์"
ติดต่อทำการตลาดอย่างจริงจังก้าวแรกสู่วงการเมื่อเชื่อมั่นว่า "ซอฟต์แวร์คือขุมทรัพย์" เกตส์กับอัลเลนจึงจับมือกันเดินหน้าพัฒนาโปรแกรมชุดคำสั่งคอมพิวเตอร์และเกิดขึ้นเมื่อบริษัท "เอ็มไอทีเอส" ใหม่ล่าสุด (พีซี) " Altair 8800 " และตกลงจ้างทั้งคู่รับผิดชอบการพัฒนาโปรแกรมกระทั่งปีพศ2518 สองสหายตั้งบริษัท "ไมโครคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์" หรือที่เรียกย่อ ๆ ว่า "ไมโครซอฟท์" ขึ้นมามีบางช่วงเกตส์กลับไปเรียนฮาร์วาร์ดแต่ต้องหยุดกลางคันเช่นเดิมและไม่หวนกลับไปอีกเลยเมื่อเปิด "สำนักงานไมโครซอฟท์" รัฐวอชิงตันปี 2521 บริษัทเล็ก ๆ แห่งนี้มีรายได้เกิน 1 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 25 ล้านบาทถ้าเทียบกับค่าเงินสมัยก่อนถัดมา 1 ปีเกตส์ก็ว่าจ้าง "บัลเมอร์" เพื่อนรักสมัยฮาร์วาร์ดเข้าทำหน้าที่ "ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจ" สู่ยุคทองปี 2523 ประตูสู่ยุคทองของไมโครซอฟท์เปิดกว้างชนิดที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนยกเว้นกลุ่ม 3 ผู้ก่อตั้ง "เกตส์-อัลเลน-บัลเมอร์" เจ้าตลาดธุรกิจคอมพิวเตอร์ระดับโลกภายหลังจากบริษัทยักษ์สีฟ้า "ไอบีเอ็ม" "เอ็มเอส-ดอส" จากไมโครซอฟท์ทั้งยังพลาดท่าโดนเกตส์กล่อมจนมอบสิทธิ์ให้นำไปขายบริษัทเจ้าอื่น ๆ ได้ด้วยเพราะเห็นว่ายังไง ๆ คอมพิวเตอร์ของตนย่อม "เจ๋ง" กว่าโปรแกรมนับแต่นั้นเป็นต้นมากิจการไมโครซอฟท์ขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ โดยในปี 2528 มีรายได้ 140 ล้านดอลลาร์พร้อมกับเปิดตัว "โอเอส" หรือระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์เขย่าโลก "วินโดวส์" เวอร์ชั่นแรก ส่งผลให้เกตส์มีเงินทองมหาศาลจากราคาหุ้นปี 2536 นิตยสารการเงินฟอร์บส์ระบุว่าเกตส์เป็น "คนรวยที่สุดในสหรัฐ" มีทรัพย์สิน 6300 ล้านดอลลาร์ต่อมาปี 2538 ก็พัฒนาชนิดก้าวกระโดดทำสถิติเป็น "คนรวยที่สุดในโลก" และครองตำแหน่งนี้ถึงต้นปี 2551 จึงเสียเก้าอี้ให้ "วอเรนต์บัฟเฟต์" เพื่อนมหาเศรษฐีรุ่นพ่อแต่ปัจจุบันเกตส์ก็ยังยึดสถิติคนรวยอันดับ 3 มีทรัพย์สิน 58000 ล้านดอลลาร์หรือ 1.9 ล้านล้านบาทปิดตำนาน "บิลเกตส์" ที่ผ่านมาเกตส์อาจเป็นอัจฉริยะหรือเป็น "เทพ" ในสายตาคนกลุ่มหนึ่งที่มองว่ามีวิสัยทัศน์มองการณ์ไกลสร้างสรรค์โปรแกรมผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ช่วยให้คนใช้คอมพิวเตอร์ทำงานง่ายขึ้นจำนวนมากอาทิ ออฟฟิศ มีเดียเพลเยอร์ เอ็มเอสเอ็น ไออี เอ็กซ์บ็อกซ์ฯลฯอย่างไรก็ตามคนอีกกลุ่มกลับต่อต้านและมองว่าเกตส์เป็น "ซาตาน" ไม่ต่างอะไรกับนักฉวยโอกาสร่ำรวยด้วยการ "ก๊อบ" โปรแกรมคนอื่นไม่ว่าจะสมัยนำเอา "คิว-ดอส" ของบริษัทเอสซีพี มาลอกเลียนพัฒนาต่อยอดเป็นของตัวเองแต่กลับขายโปรแกรมระบบปิดที่ไม่เปิดกว้างให้ผู้อื่นร่วมพัฒนานอกจากนั้นยังใช้ "อำนาจเงิน" ที่เหนือกว่าเข้าไปทุ่มซื้อกิจการคู่แข่ง เช่นการบันเดิล-แถมโปรแกมท่องอินเตอร์เน็ต "ไออี" เข้าไปกับวินโดวส์เพื่อเตะสกัดโปรแกรม "เน็ตสเคป" ซึ่งเคยมาแรงกว่ามากทำให้ในหลายกรณีทางการสหรัฐและยุโรปต้องเปิดดำเนินคดีกับไมโครซอฟท์ฐานผูกขาดทางการค้า ณวันนี้ตกเป็นรองบริษัทชื่อดังอย่าง "กูเกิ้ล" หลายช่วงตัวขณะที่เกตส์โต้ว่ายักษ์ใหญ่ที่แท้จริงในโลกคอมพิวเตอร์ก็คือไอบีเอ็มไม่ใช่กูเกิ้ลหลังจากนี้เกตส์จะทุ่มชีวิตส่วนใหญ่ทำงานให้กองทุนการกุศล "บิล ซึ่งต้องรอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าจะจริงจังขนาดไหนซึ่งตั้งขึ้นมาร่วมกับภรรยาเพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทั่วโลกเปิดตำนานหน้าใหม่ในฐานะ "นักบุญบิลเกตส์" เมลินดาเกตส์"
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
"บิลส์เกต" วัย 52 ปีตัดสินใจ "ล็อก - ออฟ" "ไมโครซอฟท์" 27 มิถุนายนปล่อยให้ "สตีฟบัลเมอร์" เพื่อนรักรับไม้บริหารต่อแทนสร้างข่าวใหญ่ไปทั่วโลก "เทพ" และ "ปีศาจ" ไปพร้อม ๆ กัน! "บิลเกตส์" หรือ "วิลเลียมเอช. เกตส์ที่สาม" หนุ่มน้อยสมองใสเกิด 28 ตุลาคม พ.ศ. 2498 รัฐวอชิงตันสหรัฐอเมริกาจัดว่ามีฐานะดีในยุคนั้นนายวิลเลียมเอช เกตส์ที่สองบิดาประกอบอาชีพทนายความส่วนนางแมรี่เกตส์มารดา เริ่มต้นชีวิต "เลกไซด์" โรงเรียนสำหรับลูกผู้มีอันจะกินและอายุน้อยกว่าเพื่อนร่วมชั้นราว ๆ 2 ปีในจำนวนนี้รวมทั้ง "พอลอัลเลน" เพื่อนรักนักเรียนที่ "ไมโครซอฟท์" บริษัท พัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (ซอฟต์แวร์) เบอร์ 1 ของโลกสมัยเด็ก ๆ อายุได้เพียง 13 ปี "เทเลไทป์" ของโรงเรียนเป็นประจำ ซึ่งเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ได้จนในที่สุดสองสหายลงมือแก้ไขเขียน "โปรแกรม" ด้วยตัวเองเพื่อใช้ มหา "ลัยไม่ใช่คำตอบ" ตอนผมอายุ 19 "ฮาร์วาร์ด" สถาบันอุดมศึกษาอันดับต้น ๆ ของสหรัฐเอาไว้ในหนังสือเดอะโรดอะเฮดก่อนเข้าฮาร์วาร์ดเกตส์มีพื้นฐานการเขียน "เบสิก" สำหรับคอมพิวเตอร์อยู่บ้างภาษา "ซอฟต์แวร์" หรือ "โปรแกรม" จะต้องมีความสำคัญมากกว่า "ฮาร์ดแวร์" หรือพูดง่ายๆก็คือตัวเครื่องคอมพิวเตอร์นั่นเองและบังเอิญว่าคิดถูกอย่างยิ่ง! เริ่มแรกเกตส์เลือกเรียนวิชากฎหมาย การเขียนโปรแกรมและเศรษฐศาสตร์ "สตีฟบัลเมอร์" เพื่อนสถาบัน 2 ปีเกตส์ก็ทำให้ครอบครัวแทบช็อกเมื่อยื่นเรื่อง "ดร็อป" ขอพักการเรียน "ซอฟต์แวร์คือขุมทรัพย์" เกิดขึ้นเมื่อ บริษัท "เอ็มไอทีเอส" เตรียมวางตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) ใหม่ล่าสุด "Altair 8800" กระทั่งปีพ. ศ .2518 สองสหายตั้ง บริษัท "ไมโครคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์" หรือที่เรียกย่อ ๆ ว่า "ไมโครซอฟท์" ขึ้นมา "สำนักงานไมโครซอฟท์" แห่งแรกที่เมืองเบลล์วิลรัฐวอชิงตันปี 2521 บริษัท เล็ก ๆ แห่งนี้มีรายได้เกิน 1 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 25 ล้านบาทถ้าเทียบกับค่าเงินสมัยก่อนถัดมา 1 ปีเกต ส์ก็ว่าจ้าง "บัลเมอร์" เพื่อนรักสมัยฮาร์วาร์ดเข้าทำหน้าที่ "ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจ" คนแรกสู่ยุคทองปี 2523 ยกเว้นกลุ่มที่ 3 ผู้ก่อตั้ง "เกตส์ - อัลเลน - บัลเมอร์" ภายหลังจาก บริษัท ยักษ์สีฟ้า "ไอบีเอ็ม" เจ้าตลาดธุรกิจคอมพิวเตอร์ระดับโลกตกลงเซ็นสัญญาซื้อโปรแกรม "เอ็มเอส - ดอส" จากไมโครซอ ฟท์ ได้ด้วยเพราะเห็นว่ายังไง ๆ คอมพิวเตอร์ของตนย่อม "เจ๋ง" กว่าโปรแกรม! นับ แต่นั้นเป็นต้นมา โดยในปี 2528 มีรายได้ 140 ล้านดอลลาร์พร้อมกับเปิดตัว "โอเอส" "วินโดวส์" เวอร์ชั่นแรกและนำ บริษัท เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ ปี 2536 นิตยสารการเงินฟอร์บส์ระบุว่าเกตส์เป็น "คนรวยที่สุดในสหรัฐ" มีทรัพย์สิน 6,300 ล้านดอลลาร์ต่อมาปี 2538 ก็พัฒนาชนิดก้าวกระโดดทำสถิติเป็น "คนรวยที่สุดในโลก" และครองตำแหน่งนี้ถึงต้น ปี 2551 จึงเสียเก้าอี้ "วอเรนต์บัฟเฟต์" ให้ 3 ของโลกมีทรัพย์สิน 58,000 ล้านดอลลาร์หรือ 1.9 ล้านล้านบาท! ปิดตำนาน "บิลเกตส์" ที่ผ่านมาเกตส์อาจเป็นอัจฉริยะหรือเป็น "เทพ" ในสายตาคนกลุ่มหนึ่งที่มองว่ามีวิสัยทัศน์มองการณ์ไกล สร้างสรรค์โปรแกรม - ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อาทิวินโดวส์, ออฟฟิศ, มีเดียเพลเยอร์, ​​เอ็มเอสเอ็น, ไออี, เอ็กซ์บ็อกซ์ ฯลฯ อย่างไรก็ตามคนอีกกลุ่มกลับต่อต้านและมองว่าเกตส์เป็น "ซาตาน" ไม่ต่างอะไรกับนักฉวยโอกาสร่ำรวยด้วยการ "ก๊อบ" โปรแกรมคนอื่นไม่ว่าจะสมัยนำเอา "คิว - ดอส" ของ บริษัท เอสซีพีหรือโอเอสของ บริษัท แอปเปิ้ล "อำนาจเงิน" ที่เหนือกว่าเข้าไปทุ่มซื้อกิจการคู่แข่งหรือ เช่น "ไออี" เข้าไปกับวินโดวส์เพื่อเตะสกัดโปรแกรม "เน็ตสเคป" ซึ่งเคยมาแรงกว่ามาก สถานะผู้นำเทคโนโลยีของมโครซอฟท์ ณ วันนี้ตกเป็นรอง บริษัท ชื่อดังอย่าง "กูเกิ้ล" หลายช่วงตัวขณะที่เกตส์โต้ว่า ไม่ใช่กูเกิ้ลหลังจากนี้ "บิลแอนด์เมลินดาเกตส์" ซึ่งตั้งขึ้นมาร่วมกับภรรยาเพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทั่วโลกเปิดตำนานหน้าใหม่ "นักบุญบิลเกตส์" ในฐานะ




การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
ซูเปอร์อภิมหาอัครเศรษฐีแห่งวงการคอมพิวเตอร์ " บิลเกตส์

" วัย 52 .ตัดสินใจ " ล็อก - ออฟ " ยุติบทบาทการทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ " ไมโครซอฟท์ " ที่สร้างมากับมืออย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ 27 มิถุนายนปล่อยให้ " สตีฟบัลเมอร์ " เพื่อนรักรับไม้บริหารต่อแทนสร้างข่าวใหญ่ไปทั่วโลก" เทพ " และ " ปีศาจ " ไปพร้อมๆ ' !หนุ่มน้อยสมองใส " บิลเกตส์ " ค็อค " วิลเลียมเอช . เกตส์ที่สาม " 28 เกิดตุลาคมพ . ศ . 2498 ครอบครัวตั้งรกรากอยู่ในนครซีแอตเติลรัฐวอชิงตันสหรัฐอเมริกาจัดว่ามีฐานะดีในยุคนั้นนายวิลเลียมเอช .เกตส์ที่สองบิดาประกอบอาชีพทนายความส่วนนางแมรี่เกตส์มารดาทำงานอาสาสมัครองค์กรการกุศลเกตส์เป็นเด็กเรียนเร็วเริ่มต้นชีวิตนักเรียนที่ " เลกไซด์ " โรงเรียนสำหรับลูกผู้มีอันจะกิน2 . ในจำนวนนี้รวมทั้ง " พอลอัลเลน " เพื่อนรักซึ่งในเวลาต่อมาคือบุคคลที่ร่วมกันก่อตั้ง " ไมโครซอฟท์ " บริษัทพัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ( ซอฟต์แวร์ ) เบอร์ 1 ของโลกสมัยเด็กๆอายุได้เพียง 13 ." เทเลไทป์ " ของโรงเรียนเป็นประจำด้วยความหลงใหลในระบบอิเล็กทรอนิกส์และกลไกการทำงานต่างๆซึ่งเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์ได้จนในที่สุดสองสหายลงมือแก้ไขเขียน " โปรแกรม " ด้วยตัวเองเพื่อใช้มหา " ลัยไม่ใช่คำตอบ " 19 ตอนผมอายุผมมองเห็นอนาคตและตัดสินใจทำตามสิ่งที่เห็นปรากฏว่ามันคือสิ่งที่ถูกต้องเสียด้วยสิ !" เกตส์ย้อนรำลึกถึงสาเหตุที่ตัดสินใจลาออกจาก " ฮาร์วาร์ด " สถาบันอุดมศึกษาอันดับต้นๆของสหรัฐเอาไว้ในหนังสือเดอะโรดอะเฮดก่อนเข้าฮาร์วาร์ดเกตส์มีพื้นฐานการเขียนภาษา " เบสิก " สำหรับคอมพิวเตอร์อยู่บ้าง" ซอฟต์แวร์ " ค็อค " โปรแกรม " จะต้องมีความสำคัญมากกว่า " ฮาร์ดแวร์ " หรือพูดง่ายๆก็คือตัวเครื่องคอมพิวเตอร์นั่นเองและบังเอิญว่าคิดถูกอย่างยิ่ง !เริ่มแรกเกตส์เลือกเรียนวิชากฎหมายแต่สักพักก็ทุ่มเทเวลาหมดไปกับการเรียนรู้คณิตศาสตร์การเขียนโปรแกรมและเศรษฐศาสตร์ช่วงนี้เองที่โชคชะตานำพาให้มาพบกับ " สตีฟบัลเมอร์ " เพื่อนสถาบันเรียนผ่านพ้นไปเพียง 2 . เกตส์ก็ทำให้ครอบครัวแทบช็อกเมื่อยื่นเรื่อง " ดร็อป " ขอพักการเรียนเพราะเชื่อว่ามหาวิทยาลัยไม่มีอะไรจะสอนเขาอีกต่อไป ! กำเนิด " ไมโครซอฟท์ "
เมื่อเชื่อมั่นว่า " ซอฟต์แวร์คือขุมทรัพย์ " เกตส์กับอัลเลนจึงจับมือกันเดินหน้าพัฒนาโปรแกรมชุดคำสั่งคอมพิวเตอร์และติดต่อทำการตลาดอย่างจริงจังก้าวแรกสู่วงการเกิดขึ้นเมื่อบริษัท " เอ็มไอทีเอส "( พีซี ) ใหม่ล่าสุด " Altair 8800 " และตกลงจ้างทั้งคู่รับผิดชอบการพัฒนาโปรแกรมกระทั่งปีพ .ศ .2518 สองสหายตั้งบริษัท " ไมโครคอมพิวเตอร์ซอฟต์แวร์ " หรือที่เรียกย่อๆว่า " ไมโครซอฟท์ " ขึ้นมามีบางช่วงเกตส์กลับไปเรียนฮาร์วาร์ดแต่ต้องหยุดกลางคันเช่นเดิมและไม่หวนกลับไปอีกเลยเมื่อเปิด " สำนักงานไมโครซอฟท์ "รัฐวอชิงตัน . 2521 บริษัทเล็กๆแห่งนี้มีรายได้เกิน 1 ล้านดอลลาร์หรือประมาณ 25 ล้านบาทถ้าเทียบกับค่าเงินสมัยก่อนถัดมา 1 . เกตส์ก็ว่าจ้าง " บัลเมอร์ " เพื่อนรักสมัยฮาร์วาร์ดเข้าทำหน้าที่ " ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจ "สู่ยุคทองปี 2523 ประตูสู่ยุคทองของไมโครซอฟท์เปิดกว้างชนิดที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนยกเว้นกลุ่ม 3 ผู้ก่อตั้ง " เกตส์ - อัลเลน - บัลเมอร์ " ภายหลังจากบริษัทยักษ์สีฟ้า " ไอบีเอ็ม " เจ้าตลาดธุรกิจคอมพิวเตอร์ระดับโลก" เอ็มเอส - ดอส " จากไมโครซอฟท์ทั้งยังพลาดท่าโดนเกตส์กล่อมจนมอบสิทธิ์ให้นำไปขายบริษัทเจ้าอื่นๆได้ด้วยเพราะเห็นว่ายังไงๆคอมพิวเตอร์ของตนย่อม " เจ๋ง " กว่าโปรแกรม !นับแต่นั้นเป็นต้นมากิจการไมโครซอฟท์ขยายตัวใหญ่ขึ้นเรื่อยๆโดยในปี 2528 มีรายได้ 140 ล้านดอลลาร์พร้อมกับเปิดตัว " โอเอส " หรือระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์เขย่าโลก " วินโดวส์ " เวอร์ชั่นแรกส่งผลให้เกตส์มีเงินทองมหาศาลจากราคาหุ้น . 2536 นิตยสารการเงินฟอร์บส์ระบุว่าเกตส์เป็น " คนรวยที่สุดในสหรัฐ " มีทรัพย์สิน 6300 ล้านดอลลาร์ต่อมาปี 2538 ก็พัฒนาชนิดก้าวกระโดดทำสถิติเป็น " คนรวยที่สุดในโลก " และครองตำแหน่งนี้ถึงต้นปี 2551 จึงเสียเก้าอี้ให้ " วอเรนต์บัฟเฟต์ " เพื่อนมหาเศรษฐีรุ่นพ่อแต่ปัจจุบันเกตส์ก็ยังยึดสถิติคนรวยอันดับ 3มีทรัพย์สิน 58 ,000 ล้านดอลลาร์ค็อค 1.9 ล้านล้านบาท !ปิดตำนาน " บิลเกตส์ " ที่ผ่านมาเกตส์อาจเป็นอัจฉริยะหรือเป็น " เทพ " ในสายตาคนกลุ่มหนึ่งที่มองว่ามีวิสัยทัศน์มองการณ์ไกลสร้างสรรค์โปรแกรม - ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆช่วยให้คนใช้คอมพิวเตอร์ทำงานง่ายขึ้นจำนวนมากอาทิออฟฟิศมีเดียเพลเยอร์เอ็มเอสเอ็นไออี , , , ,เอ็กซ์บ็อกซ์ฯลฯอย่างไรก็ตามคนอีกกลุ่มกลับต่อต้านและมองว่าเกตส์เป็น " ซาตาน " ไม่ต่างอะไรกับนักฉวยโอกาสร่ำรวยด้วยการ " ก๊อบ " โปรแกรมคนอื่นไม่ว่าจะสมัยนำเอา " คิว - ดอส " ของบริษัทเอสซีพีมาลอกเลียนพัฒนาต่อยอดเป็นของตัวเองแต่กลับขายโปรแกรมระบบปิดที่ไม่เปิดกว้างให้ผู้อื่นร่วมพัฒนานอกจากนั้นยังใช้ " อำนาจเงิน " ที่เหนือกว่าเข้าไปทุ่มซื้อกิจการคู่แข่งค็อคเช่นการบันเดิล - แถมโปรแกมท่องอินเตอร์เน็ต " ไออี " เข้าไปกับวินโดวส์เพื่อเตะสกัดโปรแกรม " เน็ตสเคป " ซึ่งเคยมาแรงกว่ามากทำให้ในหลายกรณีทางการสหรัฐและยุโรปต้องเปิดดำเนินคดีกับไมโครซอฟท์ฐานผูกขาดทางการค้าณวันนี้ตกเป็นรองบริษัทชื่อดังอย่าง " กูเกิ้ล " หลายช่วงตัวขณะที่เกตส์โต้ว่ายักษ์ใหญ่ที่แท้จริงในโลกคอมพิวเตอร์ก็คือไอบีเอ็มไม่ใช่กูเกิ้ลหลังจากนี้เกตส์จะทุ่มชีวิตส่วนใหญ่ทำงานให้กองทุนการกุศล " บิลเมลินดาเกตส์ " ซึ่งตั้งขึ้นมาร่วมกับภรรยาเพื่อช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทั่วโลกเปิดตำนานหน้าใหม่ในฐานะ " นักบุญบิลเกตส์ " ซึ่งต้องรอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าจะจริงจังขนาดไหน
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: