A growing body of evidence showed t

A growing body of evidence showed that tea has anti-hyperglycemia and anti-diabetes effects during recent years. Tea may exert beneficial effects on decreasing blood glucose and ameliorating insulin resistance by first, suppressing carbohydrates absorption; second, stimulating glucose metabolism; and third, alleviating the oxidative stress. Furthermore, it was also reported that tea consumption could ameliorate the complications of diabetes mellitus. However, being a key factor in the occurrence and development of diabetes mellitus, oxidative stress should be paid more attention. The relationship between the anti-oxidative efficacy and anti-diabetes actions of tea, and the underlying molecular mechanisms of this relevance need further meticulous research. In order to understand the research trends of this field, this review highlights the latest advances in the anti-hyperglycemia and anti-diabetes actions of tea in animal studies since 2012.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ร่างกายเจริญเติบโตของหลักฐานแสดงให้เห็นว่าชามีน้ำตาลในเลือดสูงป้องกันและต่อต้านโรคเบาหวานผลกระทบในช่วงปีที่ผ่านมา ชาอาจออกแรงผลประโยชน์ในการลดระดับน้ำตาลในเลือดและความต้านทานต่ออินซูลินขบเขี้ยวเคี้ยวฟันครั้งแรกโดยการระงับการดูดซึมคาร์โบไฮเดรต; สองกระตุ้นการเผาผลาญกลูโคส; และสามบรรเทาความเครียดออกซิเดชัน นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าการบริโภคชาสามารถเยียวยาภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน แต่เป็นปัจจัยสำคัญในการเกิดและการพัฒนาของโรคเบาหวานความเครียดออกซิเดชันควรจะให้ความสนใจมากขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างประสิทธิภาพและป้องกันโรคเบาหวานป้องกันออกซิเดชันการกระทำของชาและที่อยู่ภายใต้กลไกระดับโมเลกุลของความจำเป็นความเกี่ยวข้องนี้การวิจัยอย่างพิถีพิถันเพิ่มเติม เพื่อให้เข้าใจถึงแนวโน้มของการวิจัยด้านนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ร่างกายที่เติบโตของหลักฐานแสดงให้เห็นว่าชามีผลต่อต้าน giperglikemiâและต้านโรคเบาหวานในช่วงปีที่ผ่านมา. ชาอาจออกแรงผลประโยชน์ในการลดระดับน้ำตาลในเลือดและความต้านทานของอินซูลิน ameliorating โดยแรก, ปราบปรามการดูดซึมคาร์โบไฮเดรต; วินาที, กระตุ้นการเผาผลาญกลูโคส; และที่สาม, บรรเทาความเครียดออกซิเดชัน. นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าการบริโภคชาอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน. อย่างไรก็ตาม, เป็นปัจจัยสำคัญในการเกิดและการพัฒนาของโรคเบาหวาน, ความเครียดออกซิเดชันควรจะให้ความสนใจมากขึ้น. ความสัมพันธ์ระหว่างการต่อต้านออกซิเดชันและการดำเนินการป้องกันโรคเบาหวานของชา, และกลไกโมเลกุลพื้นฐานของความเกี่ยวข้องนี้จำเป็นต้องวิจัยอย่างพิถีพิถัน. เพื่อที่จะเข้าใจแนวโน้มการวิจัยของฟิลด์นี้, การทบทวนนี้เน้นความก้าวหน้าล่าสุดในการดำเนินการต่อต้าน giperglikemiâและป้องกันโรคเบาหวานของชาในการศึกษาของปศุสัตว์ตั้งแต่๒๐๑๒.

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

หลักฐานที่เพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นว่าชุดน้ำชามีบทบาทในการลดระดับน้ำตาลในเลือดและป้องกันโรคเบาหวานในปีล่าสุด ชาสามารถยับยั้งการดูดซึมคาร์โบไฮเดรตกระตุ้นการเผาผลาญกลูโคสและลดความเครียดออกซิเดชันเพื่อลดระดับน้ำตาลในเลือดและปรับปรุงความต้านทานต่ออินซูลิน นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าการดื่มชาสามารถปรับปรุงภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน อย่างไรก็ตามความเครียดออกซิเดชันเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาของโรคเบาหวาน ความสัมพันธ์ระหว่างสารต้านอนุมูลอิสระและต่อต้านโรคเบาหวานและกลไกระดับโมเลกุลที่เกี่ยวข้องต้องศึกษาเพิ่มเติม เพื่อให้เข้าใจแนวโน้มของการวิจัยในสาขานี้บทความนี้สรุปความคืบหน้าล่าสุดในการลดน้ำตาลในเลือดและป้องกันโรคเบาหวานของชาในสัตว์ตั้งแต่ 2012 ปี