The angle through which the beam is

The angle through which the beam is deflected will depend on the cell dimensions, the optical anisotropy of the liquid crystal and the ratio of the electrode potentials. The absolute values of the electrode potentials will determine the speed of deflection only. In these initial experiments a 800 Hz a.c. signal was used and the potential ratio was varied by inverting the phase of one electrode, thus changing from a ratio of -1, -1, +1, +1 to -1, +1, +1, +1. When clinotropically aligned under these conditions, the optical path length through the cell does not vary linearly from one side to the other, and, consequently, the angle through which the light is deflected will vary with position. Theoretical and experimental curves of this variation for two different cell dimensions are shown in Fig. 2. The experimental points were obtained by moving the cell across a focused helium-neon laser beam and the theoretical curve is the derivative of the optical path-length variation through the cell. This was calculated by surnmingthe products of incremental distance and effective refractive index, assuming that the optic axis is coincident with the direction of the electric field within each increment.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

มุมที่คานนั้นจะขึ้นอยู่กับขนาดเซลล์ ดาวเทียมสำรวจคลื่นแสงของผลึกเหลวและอัตราส่วนของศักย์ไฟฟ้าของอิเล็กโทรด ค่าสัมบูรณ์ของศักย์ไฟฟ้าของอิเล็กโทรดจะกำหนดความเร็วของโก่งเท่านั้น ใช้สัญญาณเอซี 800 Hz ในการทดลองนี้เริ่มต้น และอัตราส่วนมีศักยภาพที่แตกต่างกัน ด้วยสีตรงกันข้ามเฟสของอิเล็กโทรดหนึ่ง ดังนั้น การเปลี่ยนจากอัตราส่วนของ -1, -1, + 1, + 1-1, + 1, + 1, + 1 เมื่อ clinotropically ชิดภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้ ความยาวเส้นทางแสงผ่านเซลล์ไม่แตกต่างกันเชิงเส้นจากด้านหนึ่งไปยังอีก แล้ว จึง มุมที่แสงนั้นขึ้นอยู่กับตำแหน่ง ทฤษฎี และการทดลองเส้นโค้งของการเปลี่ยนแปลงนี้สำหรับสองเซลล์แตกต่างมิติจะแสดงในรูปที่ 2 จุดทดลองได้รับ โดยการย้ายเซลล์ทั่วลำแสงเลเซอร์ฮีเลียมนีออนที่เน้น และโค้งตามทฤษฎีมีอนุพันธ์ของการเปลี่ยนแปลงของความยาวเส้นทางแสงผ่านเซลล์ นี้ถูกคำนวณ โดย surnmingthe ผลิตภัณฑ์ของระยะทางที่เพิ่มขึ้นและดัชนีหักเหที่มีประสิทธิภาพ สมมติว่าตรงกับทิศทางของสนามไฟฟ้าภายในเพิ่มแต่ละแกนออปติก

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มุมลำแสงผ่านที่จะสุงสิงกับใครจะขึ้นอยู่กับขนาดของเซลล์ที่ anisotropy แสงของผลึกเหลวและอัตราส่วนของศักยภาพขั้วไฟฟ้า ค่าที่แน่นอนของศักยภาพขั้วไฟฟ้าจะเป็นตัวกำหนดความเร็วของการโก่งเท่านั้น ในการทดลองเริ่มต้นเหล่านี้เป็นสัญญาณ AC 800 เฮิร์ตซ์และใช้อัตราส่วนที่อาจเกิดขึ้นได้รับแตกต่างกันโดย inverting ขั้นตอนของขั้วหนึ่งจึงเปลี่ยนจากอัตราส่วนของ -1, -1, 1, 1 -1, 1 + 1 +1 เมื่อชิด clinotropically ภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้มีความยาวเส้นทางแสงผ่านมือถือไม่ได้แตกต่างกันเป็นเส้นตรงจากด้านหนึ่งไปยังอีกและดังนั้นมุมผ่านที่แสงจะหักเหจะแตกต่างกันกับตำแหน่ง เส้นโค้งทางทฤษฎีและการทดลองของการเปลี่ยนแปลงนี้ได้สองมิติเซลล์แตกต่างกันจะแสดงในรูป 2. จุดที่ได้รับการทดลองโดยการย้ายเซลล์ข้ามลำแสงเลเซอร์ฮีเลียมนีออนเน้นและเส้นโค้งทางทฤษฎีเป็นที่มาของการเปลี่ยนแปลงเส้นทางที่มีความยาวแสงผ่านมือถือ นี้ที่คำนวณได้จากผลิตภัณฑ์ของระยะทางที่เพิ่มขึ้นและดัชนีหักเหที่มีประสิทธิภาพ surnmingthe สมมติว่าแกนนำแสงคือประจวบกับทิศทางของสนามไฟฟ้าในแต่ละที่เพิ่มขึ้น

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

มุมที่แสงเบี่ยงเบนจะขึ้นอยู่กับเซลล์มิติ , แอนไอโซทรอปีแสงของผลึกเหลวและอัตราส่วนของขั้วไฟฟ้า ศักยภาพ ค่าแน่นอนของแขม่วท้องจะเป็นตัวกำหนดความเร็วของการโก่งตัว เท่านั้น ในการทดลองเบื้องต้นเหล่านี้เป็น 800 Hz และใช้อัตราส่วนของสัญญาณที่มีศักยภาพหลากหลายโดยกลับหัวเฟสของหนึ่งขั้วไฟฟ้า จึงเปลี่ยนจากอัตราส่วน - 1 , - 1 , + 1 , + 1 กับ - 1 , + 1 , + 1 , + 1 เมื่อ clinotropically ชิดภายใต้เงื่อนไขเหล่านี้ แสงความยาวเส้นทางผ่านมือถือไม่แตกต่างกันไปเป็นเส้นตรงจากด้านหนึ่งไปยังอีก , และ , จึง , มุมที่แสงจะเบี่ยงเบนจะแตกต่างกันกับตำแหน่ง ทฤษฎีและการทดลองของเส้นโค้งรูปแบบนี้สำหรับสองมิติเซลล์ที่แตกต่างกันจะแสดงในรูปที่ 2 จุดทดลองได้โดยการย้ายเซลล์ในฮีเลียมนีออนเลเซอร์คานและเน้นเส้นโค้งเชิงทฤษฎีจากแสงความยาวเส้นทางการเปลี่ยนแปลงผ่านเซลล์ นี้ถูกคำนวณโดย surnmingthe ผลิตภัณฑ์ของระยะทางที่เพิ่มขึ้นและมีประสิทธิภาพดัชนีหักเห สมมติว่าแกนแสงจะสัมพันธ์กับทิศทางของสนามไฟฟ้าภายในแต่ละเพิ่มขึ้น