Needs Assessment andPretraining Sta

Needs Assessment and

Pretraining States

Conducting a thorough needs assessment be-fore training is designed and delivered helps set appropriate goals for training and ensure that trainees are ready to participate (Blanchard & Thacker 2007). However, there continues to be little theoretical or empirical work on needs assessment (Kraiger 2003). One excep-tion is a study by Baranzini et al. (2001), who developed and validated a needs assessment tool for the aviation maintenance industry. A second example of a theory-based approach to conducting a needs assessment is a study by Fowlkes et al. (2000), who evaluated an event-based knowledge-elicitation technique in which subject matter experts (SMEs) are asked about team situational awareness factors in re-sponse to a military helicopter operation. Re-sults showed that more experienced experts identified a richer database of cues and were more likely to identify response strategies, sup-porting the conclusion that using SMEs during a needs assessment maximizes the benefits of training. The finding that expertise affects the quality of needs assessment data is consistent with the conclusions of Morgeson & Campion (1997), who reported that the accuracy of job analysis data may be compromised by up to 16 different systematic sources of error. These include social influence and self-presentation influences and limitations in information pro-cessing (cf. Ford & Kraiger 1995). More em-pirical research is necessary to understand how the quality of training design and delivery is af-fected by systematic and random influences on the quality of needs assessment data.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ต้องการประเมิน และอเมริกา pretrainingดำเนินการฝึกอบรมข้างหน้าเป็นการประเมินความต้องการอย่างละเอียดออกแบบ และจัดส่งช่วยตั้งเป้าหมายที่เหมาะสมสำหรับการฝึกอบรม และให้แน่ใจว่า ผู้เข้าอบรมพร้อมเข้าร่วม (Blanchard และ Thacker 2007) อย่างไรก็ตาม มียังคงเป็นงานเชิงทฤษฎี หรือเชิงประจักษ์ที่น้อยในการประเมินความต้องการ (Kraiger 2003) หนึ่ง excep-ทางการค้าเป็นการศึกษาโดย Baranzini et al. (2001), ที่พัฒนา และตรวจสอบเครื่องมือประเมินความต้องการสำหรับอุตสาหกรรมการบินการบำรุงรักษา ตัวอย่างที่สองของทฤษฎีตามแนวทางการดำเนินการประเมินเป็นการศึกษาโดย Fowlkes et al. (2000), ที่เป็นเหตุการณ์รู้ elicitation เทคนิคที่เชี่ยวชาญ (SMEs) ถูกถามเกี่ยวกับการรับรู้สถานการณ์ของทีมประเมิน ความต้องการปัจจัยในการ re-sponse เฮลิคอปเตอร์ของทหารการดำเนินการ Re-sults แสดงให้เห็นว่า ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มากขึ้นระบุฐานข้อมูลดียิ่งขึ้นของสัญลักษณ์ และมีแนวโน้มการระบุกลยุทธ์ที่ตอบสนอง sup-โฟนสรุปว่า ใช้ SMEs ในระหว่างมีการประเมินความต้องการเพิ่มสิทธิประโยชน์การฝึกอบรม พบว่าความเชี่ยวชาญมีผลต่อคุณภาพของความต้องการการประเมินข้อมูลที่สอดคล้องกับข้อสรุปของ Morgeson & Campion (1997), ที่รายงานว่า ความถูกต้องของข้อมูลการวิเคราะห์งานอาจถูกละเมิด โดยถึง 16 ระบบแหล่งที่มาต่าง ๆ ของข้อผิดพลาด เหล่านี้รวมถึงอิทธิพลทางสังคม และอิทธิพลนำเสนอตนเอง และข้อจำกัดในข้อมูล pro-ตัว (cf.ฟอร์ดและ Kraiger 1995) Em pirical วิจัยเพิ่มเติมจำเป็นต้องเข้าใจว่าคุณภาพของการออกแบบการฝึกอบรมและจัดส่งเป็น af-fected โดยระบบ และสุ่มอิทธิพลที่มีต่อคุณภาพของผลการประเมินความต้องการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การประเมินความต้องการและ

Pretraining สหรัฐอเมริกา

ดำเนินการอย่างละเอียดความต้องการของการประเมินผลการฝึกอบรมจะ-ก่อนได้รับการออกแบบและส่งมอบช่วยกำหนดเป้าหมายที่เหมาะสมสำหรับการฝึกอบรมและให้แน่ใจว่าการฝึกอบรมมีความพร้อมที่จะเข้าร่วม (Blanchard & แท้กเกอร์ 2007) อย่างไรก็ตามยังคงมีการทำงานตามทฤษฎีหรือการทดลองเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับการประเมินความต้องการ (Kraiger 2003) หนึ่ง EXCEP-การคือการศึกษาโดย Baranzini et al, (2001) ผู้พัฒนาและตรวจสอบเครื่องมือประเมินความต้องการการบำรุงรักษาสำหรับอุตสาหกรรมการบิน ตัวอย่างที่สองของวิธีทฤษฎีที่ใช้ในการดำเนินการประเมินความต้องการคือการศึกษาโดย Fowlkes et al, (2000) ซึ่งเป็นเทคนิคการประเมินความรู้ดึงเอาเหตุการณ์ตามที่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องย่อม (SMEs) จะถูกถามเกี่ยวกับทีมสถานการณ์ปัจจัยความตระหนักในเรื่องการ sponse เพื่อดำเนินการเฮลิคอปเตอร์ทหาร Re-ไสแสดงให้เห็นว่าผู้เชี่ยวชาญมีประสบการณ์มากขึ้นระบุฐานข้อมูลที่ดียิ่งขึ้นของตัวชี้นำและมีแนวโน้มที่จะระบุกลยุทธ์การตอบสนอง SUP-porting ข้อสรุปว่าการใช้ผู้ประกอบการ SMEs ในระหว่างการประเมินความต้องการเพิ่มประโยชน์ของการฝึกอบรม การค้นพบความเชี่ยวชาญที่มีผลต่อคุณภาพของข้อมูลการประเมินความต้องการมีความสอดคล้องกับข้อสรุปของ Morgeson & เปี้ยน (1997) ที่รายงานว่าถูกต้องของข้อมูลการวิเคราะห์งานอาจถูกทำลายได้ถึง 16 แหล่งที่มาของระบบที่แตกต่างกันของข้อผิดพลาด เหล่านี้รวมถึงอิทธิพลและการนำเสนอตนเองสังคมอิทธิพลและข้อ จำกัด ในโปรประมวล (cf ฟอร์ดและ Kraiger 1995) EM-pirical การวิจัยมากขึ้นเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเข้าใจว่าคุณภาพของการออกแบบการฝึกอบรมและการจัดส่งเป็น AF-fected จากอิทธิพลระบบและสุ่มกับคุณภาพของข้อมูลการประเมินผลความต้องการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การประเมินความต้องการและ( สหรัฐอเมริกาดำเนินการประเมินความต้องการอย่างละเอียดได้เทรนก่อนการออกแบบและส่งมอบให้ตั้งค่าที่เหมาะสมสำหรับการฝึกอบรมและให้แน่ใจว่าเป้าหมายผู้ที่พร้อมที่จะเข้าร่วม ( Blanchard & แท็คเกอร์ 2007 ) อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงต้องทำงานเชิงทฤษฎี หรือ เล็ก ๆน้อย ๆในการประเมินความต้องการจำเป็น ( kraiger 2003 ) หนึ่ง excep tion คือการศึกษาโดย baranzini et al . ( 2001 ) ที่พัฒนาและตรวจสอบเครื่องมือประเมินความต้องการด้านซ่อมบำรุงอุตสาหกรรม ตัวอย่างที่สองของทฤษฎี วิธีการที่ใช้เพื่อทำการประเมินความต้องการคือการศึกษาโดยเฟาล์กส et al . ( 2000 ) ที่ประเมินกิจกรรมฐานความรู้การเทคนิคที่ผู้เชี่ยวชาญเรื่อง ( SMEs ) ถูกถามเกี่ยวกับทีมตระหนักถึงสถานการณ์ปัจจัยในเรื่อง sponse เพื่อปฏิบัติการเฮลิคอปเตอร์ทหาร Re sults พบว่าประสบการณ์มากผู้เชี่ยวชาญระบุฐานข้อมูลรวยของคิว และมีแนวโน้มที่จะระบุกลยุทธ์การตอบสนอง , sup พอร์ตสรุปที่ใช้ในการประเมินความต้องการของ SMEs เพิ่มประโยชน์ของการฝึกอบรม พบว่า ความเชี่ยวชาญ มีผลต่อคุณภาพของความต้องการข้อมูลที่สอดคล้องกับข้อสรุปของ morgeson & เปี้ยน ( 1997 ) ที่รายงานว่า ความถูกต้องของข้อมูลการวิเคราะห์ งานอาจจะเสียหายถึง 16 ที่แตกต่างกันระบบแหล่งที่มาของข้อผิดพลาด เหล่านี้รวมถึงอิทธิพลของสังคมและตนเองอิทธิพลและข้อจำกัดในการนำเสนอข้อมูล โปร cessing ( CF . Ford & kraiger 1995 ) เพิ่มเติมใน pirical การวิจัยเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเข้าใจวิธีการที่คุณภาพของการออกแบบ การฝึกอบรม และจัดส่งโดยระบบ AF fected แบบอิทธิพลต่อคุณภาพของความต้องการข้อมูล