The organizational innovativeness s

The organizational innovativeness studies found rather low
relationships between the independent variables that were investigated
and the dependent variable of innovativeness. Because of the rather
large sample size (often a hundred or more organizations), the typical organizational innovativeness study had to follow a highly quantitative
approach to data analysis. Independent variables like such
organizational structure dimensions as centralization, formalization,
and the like were measured for each organization. The dependent variable
of innovativeness was typically measured as a composite score,
composed of the adoption of from ten to twenty innovations. The
innovation process for each such innovation was thus submerged
through aggregation into an overall innovativeness score for each
organization. As a result, differences among the innovations were
lost. The cross-sectional approach to data analysis also meant that
time as a variable was lost; thus, the "process" (that is, the over-time)
aspects of the innovation process could not be measured.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ศึกษาองค์กร innovativeness พบค่อนข้างต่ำความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระที่ถูกสอบสวนและขึ้นอยู่กับตัวแปรของ innovativeness เนื่องจากค่อนข้างขนาดตัวอย่างขนาดใหญ่ (มักจะเป็นร้อย หรือหลายองค์กร), การศึกษา innovativeness องค์กรทั่วไปได้ตามปริมาณสูงวิธีการวิเคราะห์ข้อมูล ตัวแปรอิสระเช่นเช่นขนาดชอบรวมศูนย์ formalization โครงสร้างองค์กรและถูกวัดเช่นแต่ละองค์กร ตัวแปรที่ขึ้นอยู่กับของ innovativeness ถูกโดยปกติวัดเป็นคะแนนรวมประกอบด้วยการยอมรับจากสิบถึงยี่สิบนวัตกรรม ที่นวัตกรรมกระบวนการนวัตกรรมดังกล่าวแต่ละจึงถูกน้ำท่วมโดยรวมเข้าเป็นคะแนนรวม innovativeness สำหรับแต่ละองค์กร ดังนั้น ความแตกต่างระหว่างนวัตกรรมได้หายไป วิธีการวิเคราะห์ข้อมูลเหลวยังหมายถึง ที่เวลาเป็นตัวแปรหายไป ดังนั้น "กระบวนการ" (นั่นคือ เกินเวลา)ไม่สามารถวัดลักษณะของนวัตกรรมกระบวนการ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

การศึกษานวัตกรรมขององค์กรพบค่อนข้างต่ำ
ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระที่ได้รับการตรวจสอบ
และตัวแปรตามของนวัตกรรม เพราะค่อนข้าง
ขนาดของกลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่ (มักจะเป็นร้อยหรือมากกว่าองค์กร) การศึกษานวัตกรรมขององค์กรโดยทั่วไปก็ต้องทำตามปริมาณสูง
แนวทางในการวิเคราะห์ข้อมูล ตัวแปรอิสระเหมือนเช่น
ขนาดโครงสร้างองค์กรที่เป็นศูนย์อำนาจ, ความเป็นระเบียบ,
และชอบถูกวัดสำหรับแต่ละองค์กร ตัวแปร
ของนวัตกรรมวัดมักจะเป็นคะแนนคอมโพสิต
ประกอบด้วยการยอมรับของ 10-20 นวัตกรรม
การพัฒนานวัตกรรมสำหรับแต่ละนวัตกรรมดังกล่าวจมอยู่ใต้น้ำจึง
ผ่านการรวมตัวเป็นนวัตกรรมคะแนนโดยรวมของแต่ละ
องค์กร เป็นผลให้ความแตกต่างระหว่างนวัตกรรมที่ได้รับการ
สูญเสีย วิธีการตัดการวิเคราะห์ข้อมูลก็หมายความว่า
เวลาเป็นตัวแปรก็หายไป; ดังนั้น "กระบวนการ" (นั่นคือในช่วงเวลา)
แง่มุมของการพัฒนานวัตกรรมไม่สามารถวัด

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

การศึกษานวัตกรรมขององค์การ พบความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรอิสระค่อนข้างต่ำ

ที่ได้ศึกษา และตัวแปรของนวัตกรรม . เพราะค่อนข้าง
ขนาดตัวอย่างใหญ่ ( มักจะเป็นร้อยหรือมากกว่าองค์กร ) โดยทั่วไปการศึกษานวัตกรรมองค์กรต้องปฏิบัติตามแนวทางในเชิงปริมาณ
เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลตัวแปรอิสระ เช่น มิติโครงสร้างองค์การ เช่น เป็นรอยถลอก formalization

, , และแบบวัดของแต่ละองค์กร มีอิทธิพลต่อตัวแปร
ของนวัตกรรมคือมักจะวัดเป็นคะแนนประกอบ
ประกอบด้วยการยอมรับจากสิบถึงยี่สิบนวัตกรรม
กระบวนการนวัตกรรมแต่ละนวัตกรรมจึงจม
เช่นโดยรวมเป็นคะแนนรวมของแต่ละ
นวัตกรรมองค์กร ส่งผลให้ความแตกต่างระหว่างนวัตกรรมถูก
หายไป แนวทางการวิเคราะห์ข้อมูลภาคตัดขวางก็หมายถึง
เวลาตัวแปรหายไป ; ดังนั้น , " กระบวนการ " ( นั่นคือ ช่วงเวลา )
ด้านกระบวนการนวัตกรรมไม่สามารถวัด