HBM theory provides a valuable fram

HBM theory provides a valuable framework for evaluating factors
associated with vaccination behavior. Using the HBM model,
we found that cues to action were the most important factors associated
with willingness to receive influenza vaccine. Prior studies
have identified healthcare providers’ recommendations as an
important cue to action for pregnant women to receive influenza
vaccine [22,23]. A study by Geraldine and colleagues demonstrated
that the factors associated with higher rate of vaccination during
the influenza A (H1N1) 2009 pandemic were vaccination occurring
toward the end of pregnancy, and confidence in advice offered by
health professionals [23]. In our study population, a recommendation
for vaccination from a family member or husband was also
an important cue to action suggesting that vaccination campaigns
could also target family members as well as pregnant women
themselves in order to increase vaccination coverage.
Surprisingly, after accounting for cues to action, potential barriers
to influenza vaccination, including safety concerns and lack of
confidence in the effectiveness of the vaccine, were not important
predictors of willingness to be vaccinated in our survey. Thisfinding
is in contrast with several previous studies of pregnant women conducted
inWestern countries [24–26]. In the Georgia Pregnancy Risk
Assessment and Monitoring System, unvaccinated respondents
cited a variety of reasons for not receiving the influenza vaccine
including worries that the vaccine might harm their babies (27%)
or themselves (26%) [27]. Similarly, in a cross-sectional survey of
pregnant women at an academic, tertiary care hospital in Pennsylvania,
61% of the women reported concern about vaccine safety
during pregnancy and 8% reported the belief that the influenza vaccine
caused influenza [28]. As perceived barriers were associated
with lower willingness to be vaccinated in univariate models, it is
likely that confidence in recommendations of healthcare providers
and family members overrides any personal concerns about safety
or effectiveness

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทฤษฎี HBM ให้กรอบมีคุณค่าสำหรับการประเมินปัจจัยเกี่ยวข้องกับลักษณะการทำงานของวัคซีน ใช้รูปแบบ HBMเราพบว่า สัญลักษณ์การดำเนินการ ปัจจัยสำคัญที่สุดที่เกี่ยวข้องด้วยความเต็มใจในการรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ศึกษาล่วงหน้าได้ระบุคำแนะนำของผู้ให้บริการด้านสุขภาพเป็นการสัญลักษณ์สำคัญในการดำเนินการสำหรับหญิงตั้งครรภ์รับไข้หวัดใหญ่วัคซีน [22,23] การศึกษา โดย Geraldine และเพื่อนร่วมงานที่แสดงให้เห็นว่า ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับอัตราการฉีดวัคซีนในระหว่างสูงขึ้นระบาดไข้หวัดใหญ่ (H1N1) 2009 ได้ฉีดวัคซีนเกิดของการตั้งครรภ์ และความเชื่อมั่นในคำแนะนำในการนำเสนอโดยบุคลากร [23] ในการศึกษาประชากรของเรา คำแนะนำสำหรับการฉีดวัคซีนจากสมาชิกในครอบครัวหรือสามีก็สัญลักษณ์สำคัญให้ดำเนินการฉีดวัคซีนที่แนะนำส่งเสริมการขายสามารถกำหนดเป้าหมายยังสมาชิกในครอบครัวรวมทั้งหญิงตั้งครรภ์ตัวเองเพื่อเพิ่มความครอบคลุมของวัคซีนน่าแปลกที่ หลังจากบัญชีสำหรับสัญลักษณ์การดำเนินการ ปัญหาและอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งความกังวลและขาดความความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของวัคซีน ถูกไม่สำคัญทำนายของความตั้งใจต้องฉีดในแบบสำรวจของเรา Thisfindingมีสีหลายการศึกษาก่อนหน้านี้ของหญิงตั้งครรภ์ที่ดำเนินการประเทศ inWestern [24-26] ในความเสี่ยงตั้งครรภ์จอร์เจียการประเมินและตรวจสอบระบบ ตอบ unvaccinatedอ้างถึงความหลากหลายของสาเหตุที่ไม่ได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่รวมทั้งความกังวลที่ว่า วัคซีนอาจเป็นอันตรายต่อทารกของพวกเขา (27%)หรือตัวเอง (26%) [27] . ในทำนองเดียวกัน ในการสำรวจโรงพยาบาลหญิงตั้งครรภ์ที่โรงพยาบาลดูแลศึกษา ระดับอุดมศึกษาในรัฐเพนซิลวาเนีย61% ของผู้หญิงรายงานข้อกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีนในระหว่างตั้งครรภ์และ 8% รายงานความเชื่อที่วัคซีนไข้หวัดใหญ่เกิดจากไข้หวัดใหญ่ [28] เป็นที่รับรู้ปัญหาและอุปสรรคเกี่ยวข้องตั้งใจลดต้องฉีดไร univariate รุ่น มีมีแนวโน้มที่ความเชื่อมั่นในคำแนะนำของแพทย์ผู้ให้บริการและสมาชิกในครอบครัวแทนที่ความกังวลส่วนบุคคลใด ๆ เกี่ยวกับความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทฤษฎี HBM ให้กรอบที่มีคุณค่าสำหรับการประเมินปัจจัย
ที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการฉีดวัคซีน โดยใช้รูปแบบ HBM,
เราพบว่าตัวชี้นำให้ดำเนินการเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่เกี่ยวข้อง
กับความตั้งใจที่จะได้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ การศึกษาก่อน
มีการระบุคำแนะนำให้การดูแลสุขภาพ 'เป็น
คิวที่สำคัญในการดำเนินการสำหรับหญิงตั้งครรภ์จะได้รับไข้หวัดใหญ่
วัคซีน [22,23] การศึกษาโดยเจอรัลและเพื่อนร่วมงานที่แสดงให้เห็น
ว่าปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับอัตราที่สูงขึ้นในช่วงของการฉีดวัคซีน
ไข้หวัดใหญ่ A (H1N1) 2009 การแพร่ระบาดได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่เกิดขึ้น
ในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์และความเชื่อมั่นในคำแนะนำที่นำเสนอโดย
ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ [23] ประชากรในการศึกษาของเรามีคำแนะนำ
สำหรับการฉีดวัคซีนจากสมาชิกในครอบครัวหรือสามีก็เป็น
คิวสิ่งสำคัญที่จะดำเนินการบอกว่าแคมเปญการฉีดวัคซีน
ยังสามารถกำหนดเป้าหมายสมาชิกในครอบครัวเช่นเดียวกับหญิงตั้งครรภ์
ตัวเองเพื่อที่จะเพิ่มความครอบคลุมการฉีดวัคซีน.
น่าแปลกที่หลังจากการบัญชีสำหรับตัวชี้นำ ให้ดำเนินการปัญหาและอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้น
ในการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่รวมทั้งกังวลด้านความปลอดภัยและการขาด
ความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของวัคซีนที่ไม่สำคัญ
พยากรณ์ความเต็มใจที่จะรับการฉีดวัคซีนในการสำรวจของเรา Thisfinding
เป็นในทางตรงกันข้ามกับการศึกษาหลายครั้งก่อนหน้าของหญิงตั้งครรภ์ดำเนิน
inWestern ประเทศ [24-26] ในความเสี่ยงการตั้งครรภ์จอร์เจีย
การประเมินและตรวจสอบระบบตอบรับวัคซีน
อ้างถึงความหลากหลายของเหตุผลที่ไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
รวมทั้งความกังวลว่าวัคซีนอาจเป็นอันตรายต่อทารกของพวกเขา (27%)
หรือตัวเอง (26%) [27] ในทำนองเดียวกันในการสำรวจตัดของ
หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นนักวิชาการโรงพยาบาลระดับตติยภูมิในเพนซิล
61% ของผู้หญิงที่มีการรายงานความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีน
ในระหว่างตั้งครรภ์และ 8% รายงานความเชื่อที่ว่าวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่
เกิดจากไข้หวัดใหญ่ [28] ขณะที่การรับรู้อุปสรรคที่เกี่ยวข้อง
กับความตั้งใจที่ต่ำกว่าจะได้รับวัคซีนในรูปแบบ univariate มันเป็น
ไปได้ว่าความเชื่อมั่นในคำแนะนำของผู้ให้บริการด้านการดูแลสุขภาพ
และสมาชิกในครอบครัวจะแทนที่ความกังวลส่วนบุคคลใด ๆ เกี่ยวกับความปลอดภัย
หรือประสิทธิภาพ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทฤษฎีห์ให้กรอบที่มีคุณค่าเพื่อประเมินปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการฉีดวัคซีน ใช้ห์แบบเราพบว่าตัว Action เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดที่เกี่ยวข้องมีความเต็มใจที่จะได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ศึกษาก่อนได้ระบุการให้บริการสุขภาพ แนะนำ เป็นที่สำคัญการกระทำคิวสำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่ได้รับไข้หวัดใหญ่วัคซีน [ 22,23 ] การศึกษาโดยเจอรัลดีนและเพื่อนร่วมงาน แสดงว่า ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์กับอัตราการฉีดวัคซีนในระหว่างไข้หวัดใหญ่ ( H1N1 ) 2009 ระบาดที่เกิดขึ้นคือ วัคซีนในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์ และความมั่นใจในการแนะนำที่นำเสนอโดยผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพ [ 23 ] ในการศึกษาประชากรของเราแนะนำสำหรับการฉีดวัคซีนจากสมาชิกในครอบครัว หรือ สามีก็ยังคิวสำคัญที่ต้องกระทำ กล่าวว่า แคมเปญวัคซีนยังเป้าหมายที่สมาชิกในครอบครัวรวมทั้งหญิงตั้งครรภ์เอง เพื่อเพิ่มความครอบคลุมวัคซีนจู่ ๆ หลังจากบัญชีตัวอุปสรรคศักยภาพการกระทำให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ รวมทั้งความปลอดภัยและการขาดของความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของวัคซีน ไม่สําคัญทำนายความตั้งใจที่จะฉีดวัคซีนในการสำรวจของเรา thisfindingเป็นในทางตรงกันข้ามกับการศึกษาของหญิงมีครรภ์มีหลายประเทศ inwestern [ 24 – 26 ] การตั้งครรภ์ความเสี่ยงในจอร์เจียระบบการประเมินและติดตาม unvaccinated ผู้ตอบแบบสอบถามอ้างเหตุผลหลายประการที่ไม่ได้รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่รวมทั้งความกังวลว่าวัคซีนอาจเป็นอันตรายต่อทารกของพวกเขา ( 27 % )หรือตัวเอง ( 26% ) [ 27 ] ในทำนองเดียวกันในแบบสำรวจของหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นวิชาการ โรงพยาบาลตติยภูมิในเพนซิลวาเนีย61% ของผู้หญิงมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีนในระหว่างการตั้งครรภ์ และ 8% มีความเชื่อว่าวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทำให้เกิดไข้หวัดใหญ่ [ 28 ] การรับรู้อุปสรรค มีความสัมพันธ์เป็นมีความเต็มใจที่จะได้รับการลดในรุ่นที่มี มันคือมีแนวโน้มว่า เชื่อมั่นในแนวทางของผู้ให้บริการการดูแลสุขภาพและสมาชิกในครอบครัวแทนที่ความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยส่วนบุคคลใด ๆหรือประสิทธิผล