It has been known for a long time t

It has been known for a long time that strained, microcrystalline or cryptocrystalline quartz-bearing
aggregates may cause alkali-silica reactions in concrete. Studying the relationship between deformation
processes and microstructural characteristics of rocks, the reason for this behaviour can be better
understood. Orthogneisses from the metamorphic basement of the Sierra Chica, Córdoba (Argentina), which
were locally and differentially deformed in ductile shear zones, were used to analyse such behaviour.
Petrographic analyses, accelerated mortar bar tests (ASTM C 1260, 2005) and chemical test (ASTM C 289,
1994) were conducted. Furthermore, corrosion tests were performed on polished rock surfaces using 1 N
NaOH solution. It was seen that the reactivity of the quartz-bearing mylonites increased by ~30% with
respect to the non-mylonitised sample due to the increment in the strained quartz content and specially
with the extended subgrain development. The mylonitised rock affected by superimposed cataclasis and the
development of pseudotachylytic veins incremented its reactivity by ~97% with respect to the nonmylonitised
sample due to the combined effects of subgrain formation, grain size reduction and the
formation of glassy material. It was also the only sample that showed significant differences in surface
corrosion confirming the high reactivity of the rock. These results agree with expansion values measured on
the accelerated mortar bar test and with silica leached in the chemical test. We believe that the simultaneous
use of different tools to evaluate the potential alkali reactivity of the rocks in concrete is a good strategy
rather than the use of isolated tools, which could lead to confusing interpretations of the process and
therefore result in erroneous decisions.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

It has been known for a long time that strained, microcrystalline or cryptocrystalline quartz-bearingaggregates may cause alkali-silica reactions in concrete. Studying the relationship between deformationprocesses and microstructural characteristics of rocks, the reason for this behaviour can be betterunderstood. Orthogneisses from the metamorphic basement of the Sierra Chica, Córdoba (Argentina), whichwere locally and differentially deformed in ductile shear zones, were used to analyse such behaviour.Petrographic analyses, accelerated mortar bar tests (ASTM C 1260, 2005) and chemical test (ASTM C 289,1994) were conducted. Furthermore, corrosion tests were performed on polished rock surfaces using 1 NNaOH solution. It was seen that the reactivity of the quartz-bearing mylonites increased by ~30% withrespect to the non-mylonitised sample due to the increment in the strained quartz content and speciallywith the extended subgrain development. The mylonitised rock affected by superimposed cataclasis and thedevelopment of pseudotachylytic veins incremented its reactivity by ~97% with respect to the nonmylonitisedsample due to the combined effects of subgrain formation, grain size reduction and theformation of glassy material. It was also the only sample that showed significant differences in surfacecorrosion confirming the high reactivity of the rock. These results agree with expansion values measured onleached ปูนเร่ง แถบทดสอบ และซิลิก้าในการทดสอบสารเคมี เราเชื่อว่าการเกิดการใช้เครื่องมือต่าง ๆ เพื่อประเมินศักยภาพด่างเกิดปฏิกิริยาของหินในคอนกรีตเป็นกลยุทธ์ที่ดีแทนที่จะใช้เครื่องมือแยก ซึ่งอาจทำให้สับสนตีความกระบวนการ และจึง ทำให้ตัดสินใจพลาด

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

มันได้รับการรู้จักกันมาเป็นเวลานานแล้วว่าเครียดหรือ microcrystalline cryptocrystalline
ควอทซ์แบกมวลอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาด่างซิลิกาในคอนกรีต การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการเปลี่ยนรูปแบบกระบวนการและลักษณะของหินจุลภาคเหตุผลสำหรับพฤติกรรมนี้สามารถที่ดีกว่าเข้าใจ Orthogneisses จากชั้นใต้ดินเปลี่ยนแปลงของเซียร์ชิกา, คอร์โดบา (อาร์เจนตินา) ซึ่งได้รับการทั้งในประเทศและพิการแตกต่างกันในเขตเฉือนดัดถูกนำมาใช้ในการวิเคราะห์พฤติกรรมดังกล่าว. petrographic วิเคราะห์เร่งการทดสอบบาร์ปูน (ASTM C 1260, 2005) และทางเคมีการทดสอบ (ASTM C 289, 1994) ได้ดำเนินการ นอกจากนี้การทดสอบการกัดกร่อนได้ดำเนินการบนพื้นผิวหินขัดโดยใช้ 1 N แก้ปัญหา NaOH ก็เห็นว่าการเกิดปฏิกิริยาของ mylonites ควอทซ์แบกเพิ่มขึ้น ~ 30% ด้วยความเคารพในตัวอย่างที่ไม่mylonitised เนื่องจากการเพิ่มขึ้นในเนื้อหาควอทซ์ที่ทำให้เครียดและพิเศษกับการพัฒนาsubgrain ขยาย ร็อค mylonitised รับผลกระทบจาก cataclasis ซ้อนทับกันและการพัฒนาของหลอดเลือดดำ pseudotachylytic เพิ่มขึ้นของการเกิดปฏิกิริยาโดย ~ 97% ด้วยความเคารพต่อ nonmylonitised ตัวอย่างอันเนื่องมาจากผลรวมของการก่อ subgrain ลดขนาดของเมล็ดข้าวและการก่อตัวของวัสดุคล้ายแก้ว มันก็เป็นเพียงตัวอย่างที่แสดงให้เห็นความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในพื้นผิวการกัดกร่อนยืนยันการเกิดปฏิกิริยาสูงของหิน ผลลัพธ์เหล่านี้เห็นด้วยกับการขยายตัววัดค่าในการทดสอบที่บาร์ปูนเร่งและมีการชะล้างซิลิกาในการทดสอบทางเคมี เราเชื่อว่าพร้อมกันใช้เครื่องมือที่แตกต่างกันในการประเมินปฏิกิริยาด่างศักยภาพของหินในคอนกรีตเป็นกลยุทธ์ที่ดีมากกว่าการใช้งานของเครื่องมือที่แยกซึ่งอาจนำไปสู่การตีความทำให้เกิดความสับสนของกระบวนการและดังนั้นจึงส่งผลให้เกิดความผิดพลาดในการตัดสินใจ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

เป็นที่รู้กันมานานแล้วว่า ลง แบบ หรือ คริปโตคริสตัลลีนซ์ แบริ่ง
มวลรวมอาจทำให้เกิดด่างซิลิกาปฏิกิริยาในคอนกรีต การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างกระบวนการเปลี่ยนรูปและลักษณะโครงสร้างจุลภาคของหิน
, เหตุผลสำหรับพฤติกรรมนี้สามารถดีขึ้น
เข้าใจ orthogneisses จากชั้นใต้ดินของ Sierra Chica หินแปร ,กอร์โดบา ( อาร์เจนตินา ) ซึ่งมีรูปร่างแตกต่างกัน
ในท้องถิ่น และอ่อนแรงเฉือนในโซน วิเคราะห์พฤติกรรม เช่น
การวิเคราะห์ทางด้านศิลาวรรณา เร่งทดสอบแท่งปูน ( ASTM C 1260 , 2005 ) และทดสอบทางเคมี ( ASTM C 289 ,
1994 ) มีวัตถุประสงค์เพื่อ นอกจากนี้ การทดสอบการกัดกร่อนจำนวนขัดหินพื้นผิวโดยใช้ 1 N
สารละลายโซเดียมไฮดรอกไซด์จะเห็นได้ว่าปฏิกิริยาของควอตซ์เรือง mylonites เพิ่มขึ้น ~ 30 %
เคารพไม่ mylonitised ตัวอย่างเนื่องจากการเพิ่มขึ้นในเนื้อหาและใช้ควอทซ์เป็นพิเศษ
กับ subgrain ขยายการพัฒนา การ mylonitised หินซ้อนทับและได้รับผลกระทบจาก cataclasis
การพัฒนาของการสั่ง pseudotachylytic เส้นเลือดโดย ~ 97 % เทียบกับ nonmylonitised
ตัวอย่างเนื่องจากผลรวมของการพัฒนา subgrain , การลดขนาดเกรนและ
การเหลือบ วัสดุ มันก็เป็นเพียงตัวอย่างที่แสดงให้เห็นความแตกต่างในการกัดกร่อนพื้นผิว
ยืนยันการสูงของหินผลลัพธ์เหล่านี้เห็นด้วยกับค่าขยายวัด
เร่งครกบาร์และการทดสอบด้วยซิลิกาชะในเคมีทดสอบ เราเชื่อว่าการใช้พร้อมกัน
ของเครื่องมือต่าง ๆ เพื่อประเมินศักยภาพและประสิทธิภาพของหิน คอนกรีต เป็นกลยุทธ์ที่ดี
แทนที่จะใช้แยกเครื่องมือ ซึ่งจะทำให้เกิดความสับสนและการตีความของกระบวนการ
ดังนั้นผลในการตัดสินใจที่ผิดพลาด