OVERVIEW OF LITERATUREStudies of EB

OVERVIEW OF LITERATURE
Studies of EBP in nursing focus primarily on research
utilization, though there is continuing debate about the
nature of evidence for practice (Scott-Findlay & Pollock
2004) and acknowledgement that research is only one type
of evidence (Rycroft-Malone et al. 2004b). Early studies of
research utilization often implied that using research was
the remit and responsibility of individual practitioners, although
this was recognized as less than straightforward
(Hunt 1981). The difficulties for nurses in using evidence
have been studied, particularly through the identification
of barriers to this (e.g., Funk et al. 1991a, 1991b; Bryar
et al. 2003; Kajermo et al. 2008). These studies have emphasized
that nurses have insufficient knowledge, skills,
and time for EBP, they also experience ongoing difficulties
in securing sufficient support from NMs. However, recognition
of such barriers seems to have had little impact on
increasing research use (Carlson & Plonczynski 2008).
EBP implementation (EBPI) is seen as a change process
that requires active management to support both the
conditions and skills required for evidence to be utilized
in practice for the benefit of patients (Mulhall & le May
1999).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ภาพรวมของเอกสารประกอบการศึกษาของ EBP ในพยาบาลเน้นหลักการวิจัยการใช้ประโยชน์ แม้ว่ามีอย่างต่อเนื่องอภิปรายเกี่ยวกับการลักษณะของหลักฐานในการปฏิบัติ (สก็อต Findlay และ Pollock2004) และยอมรับว่า การวิจัยเป็นเพียงชนิดเดียวหลักฐาน (al. et Rycroft โลน 2004b) ศึกษาตอนต้นใช้ประโยชน์วิจัยมักนัยว่า ใช้การวิจัยคือชำระเงินผ่านธนาคารและรับผิดชอบของแต่ละผู้ แม้ว่านี้ถูกรู้จักว่าเป็นน้อยกว่าตรงไปตรงมา(ล่า 1981) ความยากลำบากสำหรับพยาบาลในการใช้หลักฐานมีการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านรหัสของอุปสรรคนี้ (เช่น ยอด et al. 1991a, 1991b Bryarร้อยเอ็ด al. 2003 Kajermo et al. 2008) มีเน้นการศึกษาเหล่านี้ว่า พยาบาลมีความรู้ไม่เพียงพอ ทักษะและเวลาสำหรับ EBP พวกเขายังประสบความยากลำบากอย่างต่อเนื่องในการรักษาความปลอดภัยเพียงพอสนับสนุนจาก NMs อย่างไรก็ตาม การรับรู้ของอุปสรรคดังกล่าวดูเหมือนว่าจะ มีผลกระทบเล็กน้อยบนเพิ่มใช้วิจัย (คาร์ลสันและ Plonczynski 2008)นำ EBP (EBPI) ถือเป็นกระบวนการเปลี่ยนแปลงที่ต้องจัดการงานให้สนับสนุนทั้งนี้เงื่อนไขและทักษะที่จำเป็นสำหรับหลักฐานเพื่อนำไปใช้ในทางปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของผู้ป่วย (Mulhall และเลอพฤษภาคม1999)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ภาพรวมของการศึกษาวรรณกรรม
ebp พยาบาลเน้นหลักในการใช้วิจัย
, แม้ว่าจะมีการอภิปรายเกี่ยวกับลักษณะของหลักฐาน
ฝึก ( สก็อต ฟินด์เลย์& Pollock
2004 ) และยอมรับว่า การวิจัยเป็นเพียงหนึ่งชนิดของหลักฐาน
( ไรครอฟต์ มาโลน et al . 2004b ) ก่อนการศึกษา
การนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ ( ใช้วิจัย
บ่อยๆข้อจำกัดและความรับผิดชอบของผู้ปฏิบัติงานแต่ละคน ถึงแม้ว่า
นี้ได้รับการยอมรับเป็นน้อยกว่าตรงไปตรงมา
( ล่า 1981 ) ปัญหาสำหรับพยาบาลในการใช้หลักฐาน
ได้รับการศึกษาโดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการระบุ
อุปสรรคนี้ ( เช่น ฟังก์ et al . 1991a 1991b ; ไบรอาร์
, et al . 2003 ; kajermo et al . 2008 ) การศึกษานี้ได้เน้น
= มีความรู้ไม่เพียงพอทักษะ
และเวลา ebp พวกเขายังประสบความยากลำบากในการรักษาอย่างต่อเนื่อง
สนับสนุนเพียงพอ คุณซอเฮริม อย่างไรก็ตาม การรับรู้
ของอุปสรรคดังกล่าวดูเหมือนจะมีผลกระทบเพียงเล็กน้อยในการใช้วิจัย ( คาร์ลสัน&

plonczynski 2008 ) การ ebp ( ebpi ) ถูกมองว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงกระบวนการที่ต้องมีการจัดการงาน

สนับสนุนทั้งเงื่อนไขและทักษะที่จำเป็นสำหรับหลักฐานที่จะใช้
ในการปฏิบัติเพื่อประโยชน์ของผู้ป่วย ( มัลเฮิล&เลออาจ
1999 )