การทำงานของความเชื่อในชีวิต ความเชื่อ คือการยอมรับอันเกิดอยู่ในจิตสำนึ การแปล - การทำงานของความเชื่อในชีวิต ความเชื่อ คือการยอมรับอันเกิดอยู่ในจิตสำนึ ไทย วิธีการพูด

การทำงานของความเชื่อในชีวิต ความเชื

การทำงานของความเชื่อในชีวิต
ความเชื่อ คือการยอมรับอันเกิดอยู่ในจิตสำนึกของมนุษย์ ต่อพลังอำนาจเหนือ ธรรมชาติ ความเชื่อเป็นธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกรูปทุกนาม สิ่งที่มนุษย์ได้ สัมผัสทางใดทางหนึ่งจากจิตสัมผัสทั้ง ๖ ( ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ) เป็นต้นเหตุความเชื่อ คือการยอมรับอันเกิดอยู่ในจิตสำนึกของมนุษย์ ต่อพลังอำนาจเหนือ ธรรมชาติ ความเชื่อเป็นธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกรูปทุกนาม สิ่งที่มนุษย์ได้ สัมผัสทางใดทางหนึ่งจากจิตสัมผัสทั้ง ๖ ( ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ) เป็นต้นเหตุของ ความเชื่ออันเป็นสัญญาเจตนา เมื่อเกิดการเพาะบ่มความเชื่อโดยอาศัยสิ่งแวดล้อมที่ได้สัมผัสเป็นประจำ เป็นเครื่องช่วยให้ความเชื่อเจริญเติบโต จึงเกิดรูปเกิดสัญลักษณ์อย่างใดอย่างหนึ่ง จึงเกิดความเชื่อในรูปแบบความเชื่อที่เป็นรูปธรรม และความเชื่อที่เป็นนามธรรมของ ความเชื่ออันเป็นสัญญาเจตนา
การทำงานของความเชื่อนั้นเราต้องรู้ว่า เราต้องมีความศรัทธาให้ทราบว่าชีวิตสามารถนิยามได้หลายอย่าง เช่น การดำรงอยู่ หรือเป็นการดำเนินชีวิตที่ต้องต่อสู้ดิ้นร้น ขวนขวายเรียนรู้และและพัฒนาตนเองไปในทางที่ดี เพื่อ หรือ อาจเป็นชีวิตที่เกิดมาเพื่อเรียนรู้สิ่งต่างๆและเผชิญกับปัญหามี่มากเพื่อที่ จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายสูงสุด ของชีวิต และทุกอย่างนั้น ทำให้ความเชื่อเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลกับเรามากที่สุด และยังทำให้ทุกสิ่งทำให้เรารู้ว่าเมื่อเรารู้ถึงความจริงของชีวิต ยังต้องมีความเชื่อ ที่ทำให้เรารู้ว่า ความจริงนั้นเกิดขึ้นอย่างไร
การทำงานของความเชื่อในชีวิตของหนูนั้น หนูคิดว่าความเชื่อเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับชีวิตของหนู เพราะหนูเป็น คริสเตียน เพราะว่าหนูเชื่อว่าการจะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด ก็ตาม หนูต้องมีความเชื่อในพระเจ้า ให้พระองค์ ที่จะทรงนำหนู
ในการดำเนินชีวิตที่ดี เดินในทางของพระองค์ และทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า เมื่อหนูมีความเชื่อทุกอย่างที่คิดว่าหนูทำไม่ได้ก็สามารถทำได้เช่น การเรียน ที่ยาก การสอบ ที่หนูทำไดนั้นเพราะหนู เชื่อและวางใจในพระองค์ ความเชื่อทำให้หนูรู้ว่าเวลาที่ทุกข์ใจอยู่นั้น ยังมีคนหนึ่งที่ค่อยให้กำลังใจหนูเสมอคือพระเจ้า พระองค์ทรงรักหนูและยังเป็นทั้งเพื่อน พ่อแม่ ของหนูทำให้หนูมีกำลังใจ กล้าหาญ กล้าที่จะต่อสู้ในการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน และกล้าที่จะรับใช้พระเจ้า ไม่ว่าจะเป็นการนำนมัสการ การประกาศเรื่องราวของพระเจ้า กับคนอื่นๆ และความเชื่อทำให้หนูเข้มแข็ง มีความอดทน เมื่อหนูเจอปัญหาที่ยาก ไม่สามารถหาทางออกได้ แต่หนูเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงให้ทางออกแก่หนูเสมอ หนูเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงดูแลและเลี้ยงดูหนู อย่างขาดสาย และเชื่อว่าพระเจ้าทรงสอนให้หนูที่จะรู้จักการให้ การช่วยเหลือเพื่อนๆ และรู้จักว่าสิ่งใดผิดหรือถูกต้อง การให้อภัยแก่คนอื่นที่เขาได้ทำผิดกับหนู
ในมุมมองของเราคือความความเชื่อ ดีกว่าหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ เพราะความเชื่อนั้น ทำให้เราได้รู้ในหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิต และความเชื่อนั้นจึงมีอิทธิพลสามารถเปลี่ยนแปลงเรา และความเชื่อนั้นเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถมองเห็นได้แต่สัมผัสได้ เป็นสิ่งที่ล้ำลึกเกินความเข้าใจและความคิดของเราทุกคน หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ด้วยความเชื่อทางศาสนามีลักษณะที่แตกต่าง ระหว่างความคิด ตามหลักฐาน ดังนั้นความเชื่อในลัทธิต่างๆ ศาสนา คือการสร้างสัมพันธภาพอันดีระหว่างมนุษย์กับอำนาจศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ซึ่งมนุษย์เชื่อว่าสามารถควบคุมหรือมีอิทธิพลเหนือวิถีทางของธรรมชาติและวิถีชีวิตของมนุษย์ ศาสนาตามทัศนะทางมานุษยวิทยาจึงบ่งบอกถึงการขยายความสัมพันธ์ทางสังคมของมนุษย์ ออกไปสู่ความสัมพันธ์กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีอำนาจเหนือมนุษย์และธรรมชาติ ดังนั้นศาสนาและความเชื่อทางศาสนาจึงเป็นสิ่งสากลที่เราพบเห็นได้ในทุกสังคมตลอดมาทุกยุคทุกสมัย ศาสนาอาจจัดว่าเป็นวัฒนธรรมทางนามธรรมที่มีผลต่อการสร้างวัฒนธรรมทางรูปธรรม การทำความเข้าใจศาสนาจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แรกเริ่มทีเดียวศาสนาและความเชื่อถือกำเนิดจากความกลัว ความต้องการความมั่นคงทางจิตใจ และความสงสัยในปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบมนุษย์ ทำให้มนุษย์นั้นจึงต้อง มีความเชื่อและศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ
ความเชื่อเป็นพื้นฐานให้เกิดการกระทำต่าง ๆ ทั้งด้านดีและด้านร้ายธรรมดาคนเราจะมีความเชื่อและความไม่เชื่อเป็นของคู่กัน คือระหว่างความศรัทธา และไม่ศรัทธา คนที่มีความศรัทธา คือศรัทธาที่หวั่นไหวและศรัทธาที่ มั่นคงไม่หวั่นไหว ดังนั้น การจะกำหนดให้แต่ละบุคคลเชื่ออย่างเดียวกันย่อมทำได้ยาก เพราะความเชื่อที่ให้ผลตรงกันข้ามก็มี และความไม่เชื่อ เกิดผลไปอีกแนวหนึ่งก็มี ความเชื่อนั้นมีการทำงานในชีวิตของแต่ละคน มีความแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับเราแต่ละคนจะเชื่อและศรัทธาในใด
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
การทำงานของความเชื่อในชีวิต ความเชื่อคือการยอมรับอันเกิดอยู่ในจิตสำนึกของมนุษย์ต่อพลังอำนาจเหนือธรรมชาติความเชื่อเป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกรูปทุกนามสิ่งที่มนุษย์ได้สัมผัสทางใดทางหนึ่งจากจิตสัมผัสทั้ง ๖ (ตาหูจมูกลิ้นกายใจ) เป็นต้นเหตุความเชื่อคือการยอมรับอันเกิดอยู่ในจิตสำนึกของมนุษย์ต่อพลังอำนาจเหนือธรรมชาติความเชื่อเป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกรูปทุกนามสิ่งที่มนุษย์ได้สัมผัสทางใดทางหนึ่งจากจิตสัมผัสทั้ง ๖ (ตาหูจมูกลิ้นกายใจ) เป็นต้นเหตุของความเชื่ออันเป็นสัญญาเจตนลากเมื่อเกิดการเพาะบ่มความเชื่อโดยอาศัยสิ่งแวดล้อมที่ได้สัมผัสเป็นประจำเป็นเครื่องช่วยให้ความเชื่อเจริญเติบโตจึงเกิดรูปเกิดสัญลักษณ์อย่างใดอย่างหนึ่งจึงเกิดความเชื่อในรูปแบบความเชื่อที่เป็นรูปธรรมและความเชื่อที่เป็นนามธรรมของความเชื่ออันเป็นสัญญาเจตนา การทำงานของความเชื่อนั้นเราต้องรู้ว่าเราต้องมีความศรัทธาให้ทราบว่าชีวิตสามารถนิยามได้หลายอย่างเช่นการดำรงอยู่หรือเป็นการดำเนินชีวิตที่ต้องต่อสู้ดิ้นร้นขวนขวายเรียนรู้และและพัฒนาตนเองไปในทางที่ดีเพื่อออกเป็นอาจเป็นชีวิตที่เกิดมาเพื่อเรียนรู้สิ่งต่างๆและเผชิญกับปัญหามี่มากเพื่อที่จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายสูงสุดของชีวิตและทุกอย่างนั้นทำให้ความเชื่อเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลกับเรามากที่สุดและยังทำให้ทุกสิ่งทำให้เรารู้ว่าเมื่อเรารู้ถึงความจริงของชีวิตยังต้องมีความเชื่อที่ทำให้เรารู้ว่าความจริงนั้นเกิดขึ้นอย่างไร การทำงานของความเชื่อในชีวิตของหนูนั้นหนูคิดว่าความเชื่อเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับชีวิตของหนูเพราะหนูเป็นคริสเตียนเพราะว่าหนูเชื่อว่าการจะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตามหนูต้องมีความเชื่อในพระเจ้าให้พระองค์ที่จะทรงนำหนูในการดำเนินชีวิตที่ดีเดินในทางของพระองค์และทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าเมื่อหนูมีความเชื่อทุกอย่างที่คิดว่าหนูทำไม่ได้ก็สามารถทำได้เช่นการเรียนที่ยากการสอบที่หนูทำไดนั้นเพราะหนูเชื่อและวางใจในพระองค์ความเชื่อทำให้หนูรู้ว่าเวลาที่ทุกข์ใจอยู่นั้นยังมีคนหนึ่งที่ค่อยให้กำลังใจหนูเสมอคือพระเจ้าพระองค์ทรงรักหนูและยังเป็นทั้งเพื่อนพ่อแม่ของหนูทำให้หนูมีกำลังใจกล้าหาญกล้าที่จะต่อสู้ในการดำเนินชีวิตในแต่ละวันและกล้าที่จะรับใช้พระเจ้าไม่ว่าจะเป็นการนำนมัสการการประกาศเรื่องราวของพระเจ้ากับคนอื่น ๆ และความเชื่อทำให้หนูเข้มแข็งมีความอดทนเมื่อหนูเจอปัญหาที่ยากไม่สามารถหาทางออกได้แต่หนูเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงให้ทางออกแก่หนูเสมอหนูเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงดูแลและเลี้ยงดูหนูอย่างขาดสายและเชื่อว่าพระเจ้าทรงสอนให้หนูที่จะรู้จักการให้การช่วยเหลือเพื่อน ๆ และรู้จักว่าสิ่งใดผิดหรือถูกต้องการให้อภัยแก่คนอื่นที่เขาได้ทำผิดกับหนู ในมุมมองของเราคือความความเชื่อดีกว่าหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพราะความเชื่อนั้นทำให้เราได้รู้ในหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตและความเชื่อนั้นจึงมีอิทธิพลสามารถเปลี่ยนแปลงเราและความเชื่อนั้นเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถมองเห็นได้แต่สัมผัสได้เป็นสิ่งที่ล้ำลึกเกินความเข้าใจและความคิดของเราทุกคนหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ด้วยความเชื่อทางศาสนามีลักษณะที่แตกต่างระหว่างความคิดตามหลักฐานดังนั้นความเชื่อในลัทธิต่าง ๆ ศาสนาคือการสร้างสัมพันธภาพอันดีระหว่างมนุษย์กับอำนาจศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ซึ่งมนุษย์เชื่อว่าสามารถควบคุมหรือมีอิทธิพลเหนือวิถีทางของธรรมชาติและวิถีชีวิตของมนุษย์ศาสนาตามทัศนะทางมานุษยวิทยาจึงบ่งบอกถึงการขยายความสัมพันธ์ทางสังคมของมนุษย์ออกไปสู่ความสัมพันธ์กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีอำนาจเหนือมนุษย์และธรรมชาติดังนั้นศาสนาและความเชื่อทางศาสนาจึงเป็นสิ่งสากลที่เราพบเห็นได้ในทุกสังคมตลอดมาทุกยุคทุกสมัยศาสนาอาจจัดว่าเป็นวัฒนธรรมทางนามธรรมที่มีผลต่อการสร้างวัฒนธรรมทางรูปธรรมการทำความเข้าใจศาสนาจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากแรกเริ่มทีเดียวศาสนาและความเชื่อถือกำเนิดจากความกลัวความต้องการความมั่นคงทางจิตใจและความสงสัยในปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบมนุษย์ทำให้มนุษย์นั้นจึงต้องมีความเชื่อและศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ความเชื่อเป็นพื้นฐานให้เกิดการกระทำต่างๆ ทั้งด้านดีและด้านร้ายธรรมดาคนเราจะมีความเชื่อและความไม่เชื่อเป็นของคู่กันคือระหว่างความศรัทธาและไม่ศรัทธาคนที่มีความศรัทธาคือศรัทธาที่หวั่นไหวและศรัทธาที่มั่นคงไม่หวั่นไหวดังนั้นการจะกำหนดให้แต่ละบุคคลเชื่ออย่างเดียวกันย่อมทำได้ยากเพราะความเชื่อที่ให้ผลตรงกันข้ามก็มีและความไม่เชื่อเกิดผลไปอีกแนวหนึ่งก็มีความเชื่อนั้นมีการทำงานในชีวิตของแต่ละคนมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับเราแต่ละคนจะเชื่อและศรัทธาในใด
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!

ต่อพลังอำนาจเหนือธรรมชาติความเชื่อเป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกรูปทุกนามสิ่งที่มนุษย์ได้ 6 (ตาหูจมูกลิ้นกายใจ) เป็นต้นเหตุความเชื่อ ต่อพลังอำนาจเหนือธรรมชาติความเชื่อเป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกรูปทุกนามสิ่งที่มนุษย์ได้ 6 (ตาหูจมูกลิ้นกายใจ) เป็นต้นเหตุของความเชื่ออันเป็นสัญญาเจตนา และความเชื่อที่เป็นนามธรรมของ
เช่นการดำรงอยู่ เพื่อหรือ จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายสูงสุดของชีวิตและทุกอย่างนั้น ยังต้องมีความเชื่อที่ทำให้เรารู้ว่า
เพราะหนูเป็นคริสเตียน ก็ตามหนูต้องมีความเชื่อในพระเจ้าให้พระองค์
เดินในทางของพระองค์และทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้า การเรียนที่ยากการสอบที่หนูทำไดนั้นเพราะหนูเชื่อและวางใจในพระองค์ พ่อแม่ของหนูทำให้หนูมีกำลังใจกล้าหาญ และกล้าที่จะรับใช้พระเจ้าไม่ว่าจะเป็นการนำนมัสการการประกาศเรื่องราวของพระเจ้ากับคนอื่น ๆ และความเชื่อทำให้หนูเข้มแข็งมีความอดทนเมื่อหนูเจอปัญหาที่ยากไม่สามารถหาทางออกได้ อย่างขาดสาย การช่วยเหลือเพื่อน ๆ และรู้จักว่าสิ่งใดผิดหรือถูกต้อง
ดีกว่าหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพราะความเชื่อนั้น หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ระหว่างความคิดตามหลักฐานดังนั้นความเชื่อในลัทธิต่างๆศาสนา ความต้องการความมั่นคงทางจิตใจและความสงสัยในปรากฏการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบมนุษย์ทำให้มนุษย์นั้นจึงต้อง
ๆ คือระหว่างความศรัทธาและไม่ศรัทธาคนที่มีความศรัทธาคือศรัทธาที่หวั่นไหวและศรัทธาที่มั่นคงไม่หวั่นไหวดังนั้น และความไม่เชื่อเกิดผลไปอีกแนวหนึ่งก็มี มีความแตกต่างกันไป
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
การทำงานของความเชื่อในชีวิต
ความเชื่อคือการยอมรับอันเกิดอยู่ในจิตสำนึกของมนุษย์ต่อพลังอำนาจเหนือธรรมชาติความเชื่อเป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกรูปทุกนามสิ่งที่มนุษย์ได้สัมผัสทางใดทางหนึ่งจากจิตสัมผัสทั้งเจอร์ ( ตาหูจมูกกายใจ ) เป็นต้นเหตุความเชื่อคือการยอมรับอันเกิดอยู่ในจิตสำนึกของมนุษย์ต่อพลังอำนาจเหนือธรรมชาติความเชื่อเป็นธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ทุกรูปทุกนามสิ่งที่มนุษย์ได้จาก ( ตาหูจมูกลิ้นกายใจ ) เป็นต้นเหตุของความเชื่ออันเป็นสัญญาเจตนาเมื่อเกิดการเพาะบ่มความเชื่อโดยอาศัยสิ่งแวดล้อมที่ได้สัมผัสเป็นประจำเป็นเครื่องช่วยให้ความเชื่อเจริญเติบโตจึงเกิดความเชื่อในรูปแบบความเชื่อที่เป็นรูปธรรมและความเชื่อที่เป็นนามธรรมของความเชื่ออันเป็นสัญญาเจตนา
การทำงานของความเชื่อนั้นเราต้องรู้ว่าเราต้องมีความศรัทธาให้ทราบว่าชีวิตสามารถนิยามได้หลายอย่างเช่นการดำรงอยู่หรือเป็นการดำเนินชีวิตที่ต้องต่อสู้ดิ้นร้นขวนขวายเรียนรู้และและพัฒนาตนเองไปในทางที่ดีค็อคอาจเป็นชีวิตที่เกิดมาเพื่อเรียนรู้สิ่งต่างๆและเผชิญกับปัญหามี่มากเพื่อที่จะทำให้เราบรรลุเป้าหมายสูงสุดของชีวิตและทุกอย่างนั้นทำให้ความเชื่อเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลกับเรามากที่สุดยังต้องมีความเชื่อที่ทำให้เรารู้ว่าความจริงนั้นเกิดขึ้นอย่างไร
การทำงานของความเชื่อในชีวิตของหนูนั้นหนูคิดว่าความเชื่อเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับชีวิตของหนูเพราะหนูเป็นคริสเตียนเพราะว่าหนูเชื่อว่าการจะทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดก็ตามหนูต้องมีความเชื่อในพระเจ้าให้พระองค์ในการดำเนินชีวิตที่ดีเดินในทางของพระองค์และทำตามน้ำพระทัยของพระเจ้าเมื่อหนูมีความเชื่อทุกอย่างที่คิดว่าหนูทำไม่ได้ก็สามารถทำได้เช่นการเรียนที่ยากการสอบที่หนูทำไดนั้นเพราะหนูเชื่อและวางใจในพระองค์ยังมีคนหนึ่งที่ค่อยให้กำลังใจหนูเสมอคือพระเจ้าพระองค์ทรงรักหนูและยังเป็นทั้งเพื่อนพ่อแม่ของหนูทำให้หนูมีกำลังใจกล้าหาญกล้าที่จะต่อสู้ในการดำเนินชีวิตในแต่ละวันและกล้าที่จะรับใช้พระเจ้าการประกาศเรื่องราวของพระเจ้ากับคนอื่นๆและความเชื่อทำให้หนูเข้มแข็งมีความอดทนเมื่อหนูเจอปัญหาที่ยากไม่สามารถหาทางออกได้แต่หนูเชื่อว่าพระเจ้าจะทรงให้ทางออกแก่หนูเสมออย่างขาดสายและเชื่อว่าพระเจ้าทรงสอนให้หนูที่จะรู้จักการให้การช่วยเหลือเพื่อนๆและรู้จักว่าสิ่งใดผิดหรือถูกต้องการให้อภัยแก่คนอื่นที่เขาได้ทำผิดกับหนู
ในมุมมองของเราคือความความเชื่อดีกว่าหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพราะความเชื่อนั้นทำให้เราได้รู้ในหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตและความเชื่อนั้นจึงมีอิทธิพลสามารถเปลี่ยนแปลงเราเป็นสิ่งที่ล้ำลึกเกินความเข้าใจและความคิดของเราทุกคนหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ด้วยความเชื่อทางศาสนามีลักษณะที่แตกต่างระหว่างความคิดตามหลักฐานดังนั้นความเชื่อในลัทธิต่างๆศาสนาซึ่งมนุษย์เชื่อว่าสามารถควบคุมหรือมีอิทธิพลเหนือวิถีทางของธรรมชาติและวิถีชีวิตของมนุษย์ศาสนาตามทัศนะทางมานุษยวิทยาจึงบ่งบอกถึงการขยายความสัมพันธ์ทางสังคมของมนุษย์ดังนั้นศาสนาและความเชื่อทางศาสนาจึงเป็นสิ่งสากลที่เราพบเห็นได้ในทุกสังคมตลอดมาทุกยุคทุกสมัยศาสนาอาจจัดว่าเป็นวัฒนธรรมทางนามธรรมที่มีผลต่อการสร้างวัฒนธรรมทางรูปธรรมแรกเริ่มทีเดียวศาสนาและความเชื่อถือกำเนิดจากความกลัวความต้องการความมั่นคงทางจิตใจและความสงสัยในปรากฏการณ์ต่างจะที่เกิดขึ้นรอบมนุษย์ทำให้มนุษย์นั้นจึงต้องมีความเชื่อและศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ
ความเชื่อเป็นพื้นฐานให้เกิดการกระทำต่างจะทั้งด้านดีและด้านร้ายธรรมดาคนเราจะมีความเชื่อและความไม่เชื่อเป็นของคู่กันคือระหว่างความศรัทธาและไม่ศรัทธาคนที่มีความศรัทธาคือศรัทธาที่หวั่นไหวและศรัทธาที่ดังนั้นการจะกำหนดให้แต่ละบุคคลเชื่ออย่างเดียวกันย่อมทำได้ยากเพราะความเชื่อที่ให้ผลตรงกันข้ามก็มีและความไม่เชื่อเกิดผลไปอีกแนวหนึ่งก็มีความเชื่อนั้นมีการทำงานในชีวิตของแต่ละคนมีความแตกต่างกันไป
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2025 I Love Translation. All reserved.

E-mail: