Figure 37Effect of Feed Water Tempe

Figure 37
Effect of Feed Water Temperature on Pumping Energy
The example in Figure 3 is for seawater with a salinity of 34,000 mg/L. Because salinity is variable around
the coastal United States (and around the rest of the world), the required driving pressure and associated
energy needed to produce the same throughput (flux) for different salinities will vary accordingly. A general
“rule of thumb” is that the net driving pressure needed to produce an equivalent amount of permeate will
increase (or decrease) by about 11 psi (0.76 bar) for each 1000 mg/L (1 ppt) incremental change in feed
water salinity. Figure 4 illustrates how salinity varies around the coastal United States.
According to the National Oceanic and Atmospheric Administration (NOAA), the 3-Zone Average Annual
Salinity Digital Geography in Figure 4 was developed using geographic information system (GIS)
technology, and are the average annual salinities found in certain estuaries along the coastal United
States. The mapped areas include the entire Atlantic, Gulf of Mexico, and Pacific coasts of the United
States.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

รูปที่ 37ผลของอุณหภูมิอาหารน้ำการสูบพลังงานน้ำทะเลมีความเค็มของ 34,000 มิลลิกรัม/L. เป็นอย่างในรูปที่ 3 เพราะเค็ม แปรสถานสหรัฐอเมริกาชายฝั่ง (สถานที่ สำคัญของโลก), ขับรถต้องใช้ความดัน และเชื่อมโยงพลังงานที่จำเป็นในการผลิตสูงเดียวกัน (ฟลักซ์) สำหรับ salinities แตกต่างกันจะแตกต่างกันตาม ทั่วไป"กฎของหัวแม่มือ" คือ ที่สุทธิขับรถดันต้องการผลิตจำนวน permeate เทียบเท่าจะเพิ่ม (หรือลด) โดยประมาณ 11 psi (0.76 บาร์) การเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 1000 mg/L (1 ppt) ในอาหารน้ำเค็ม รูปที่ 4 แสดงว่าเค็มไปจนรอบชายฝั่งสหรัฐอเมริกาตามที่ชาติ และบรรยากาศจัดการ (NOAA), ปีเฉลี่ย 3 โซนเค็มภูมิศาสตร์ดิจิทัลในรูปที่ 4 ได้รับการพัฒนาโดยใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS)เทคโนโลยี และมี salinities ประจำปีเฉลี่ยที่พบในบริเวณปากแม่น้ำบางตามแนวชายฝั่งสหรัฐอเมริกา พื้นที่แมปรวมทั้งแอตแลนติก อ่าวเม็กซิโก และชายแปซิฟิกของสหรัฐฯอเมริกา

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

รูปที่ 37
ผลของอุณหภูมิน้ำกินสูบน้ำพลังงานตัวอย่างในรูปที่ 3 คือน้ำทะเลที่มีความเค็ม 34,000 มิลลิกรัม / ลิตร
เพราะความเค็มเป็นตัวแปรรอบชายฝั่งสหรัฐอเมริกา (และทั่วส่วนที่เหลือของโลก), ความดันขับรถที่จำเป็นและเกี่ยวข้องพลังงานที่จำเป็นในการผลิตผ่านเดียวกัน(ฟลักซ์) สำหรับความเค็มที่แตกต่างกันจะแตกต่างกันตามความเหมาะสม ทั่วไป"กฎของหัวแม่มือ" คือการที่ความดันขับรถสุทธิจำเป็นในการผลิตในปริมาณที่เทียบเท่ากับการซึมผ่านจะเพิ่มขึ้น(หรือลดลง) โดยประมาณ 11 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (0.76 บาร์) สำหรับแต่ละ 1,000 มิลลิกรัม / ลิตร (1 พีพีที) การเปลี่ยนแปลงที่เพิ่มขึ้นในอาหารน้ำความเค็ม รูปที่ 4 แสดงให้เห็นถึงวิธีการที่ความเค็มแตกต่างกันไปทั่วชายฝั่งสหรัฐอเมริกา. ตามมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติการบริหาร (NOAA) 3 โซนเฉลี่ยประจำปีเค็มภูมิศาสตร์ดิจิตอลในรูปที่4 ได้รับการพัฒนาโดยใช้ระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) เทคโนโลยีและเป็น ความเค็มเฉลี่ยรายปีที่พบในบริเวณปากแม่น้ำบางอย่างตามแนวชายฝั่งทะเลที่ประเทศสหรัฐอเมริกา พื้นที่แมปรวมทั้งมหาสมุทรแอตแลนติกอ่าวเม็กซิโกและชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกของประเทศสหรัฐอเมริกา

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

รูปที่ 37 ผลของอุณหภูมิของน้ำป้อนสูบพลังงาน
ตัวอย่างในรูปที่ 3 คือน้ำทะเลที่มีความเค็ม 34 , 000 มก. / ล. เพราะความเค็มคือตัวแปรรอบ
ชายฝั่งสหรัฐอเมริกา ( และส่วนที่เหลือของโลก ) , ต้องขับรถความดันและพลังงานที่จำเป็นในการผลิต
throughput เดียวกัน ( ฟลักซ์ ) สำหรับความเค็มแตกต่างกันจะแตกต่างกันตาม ทั่วไป
" กฎของหัวแม่มือ " คือว่าแรงดันขับสุทธิต้องการที่จะผลิตเทียบเท่าซึมจะ
เพิ่ม ( หรือลด ) ประมาณ 11 PSI ( 0.76 บาร์ ) สำหรับแต่ละ 1000 mg / l ( 1 ppt ) เปลี่ยนเพิ่มในอาหาร
น้ำเค็ม รูปที่ 4 แสดงให้เห็นถึงวิธีการที่ความเค็มแตกต่างกันรอบชายฝั่งสหรัฐอเมริกา .
ตามที่บริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติ ( NOAA )การ 3-zone เฉลี่ย
ความเค็มดิจิตอลภูมิศาสตร์ในรูปที่ 4 ถูกพัฒนาโดยใช้ระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์ ( GIS )
เทคโนโลยีและมีความเค็มเฉลี่ยที่พบในบางบริเวณตามชายฝั่งสหรัฐ
สหรัฐอเมริกา การแมปพื้นที่รวมทั้งมหาสมุทรแอตแลนติก , แปซิฟิกชายฝั่งอ่าวเม็กซิโกและสหรัฐอเมริกา
สหรัฐอเมริกา