We will read in three integers: a, b and c. We want to construct the logic so that, no matter how these numbers were provided by the user, the output will always be the three numbers printed in order. For example, if we read in 40, 20, 60 into a, b and c respectively, then our logic would print b, a and c in that order. This will give an output of 20, 40 and 60. Or if we read in 70, 10 and 60, then the output would be b, c and a in that order. This will give an output of 10, 60 and 70.
เราจะอ่านจำนวนเต็มสาม: a, b และ c เราต้องการสร้างตรรกะแบบนั้น ไม่ว่าตัวเลขเหล่านี้ได้โดยผู้ใช้ ผลลัพธ์จะเป็นเลขสามตัวที่พิมพ์ตามลำดับ ตัวอย่างเช่น ถ้าเราอ่านใน 40, 20, 60 เป็น a, b และ c ตามลำดับ แล้วตรรกะของเราจะพิมพ์ b, a และ c ตามลำดับที่ นี้จะให้ output ของ 20, 40 และ 60 หรือ ถ้าเราอ่านใน 70, 10 และ 60 แล้วผลลัพธ์จะเป็น b, c และ a ตามลำดับที่ นี้จะให้ผลผลิตเป็น 10, 60 และ 70
การแปล กรุณารอสักครู่..

เราจะอ่านในสามจำนวนเต็ม: A, B และ C เราต้องการที่จะสร้างตรรกะเพื่อให้ไม่ว่าตัวเลขเหล่านี้มีให้โดยผู้ใช้ที่ส่งออกจะเป็นสามตัวเลขที่พิมพ์ในการสั่งซื้อ ตัวอย่างเช่นถ้าเราอ่านใน 40, 20, 60 เป็น, B และ C ตามลำดับแล้วตรรกะของเราจะพิมพ์ B, A และ C ในลำดับที่ นี้จะช่วยให้การส่งออกของ 20, 40 และ 60 หรือถ้าเราอ่านใน 70, 10 และ 60 แล้วออกจะ B, C และอยู่ในลำดับที่ นี้จะช่วยให้การส่งออกของ 10, 60 และ 70
การแปล กรุณารอสักครู่..

เราจะอ่านสามจำนวนเต็ม : A , B และ C ที่เราต้องการสร้างตรรกะ ดังนั้น ไม่ว่าตัวเลขเหล่านี้มีให้โดยผู้ใช้ การแสดงผลจะเป็นสามตัวเลขที่พิมพ์ในการสั่งซื้อ ตัวอย่างเช่น ถ้าเราอ่านใน 40 , 20 , 60 เป็น A , B และ C ตามลำดับ แล้วเหตุผลของเราจะพิมพ์ B และ C ตามลำดับ นี้จะให้ output ของ 20 , 40 และ 60 หรือถ้าเราอ่านใน 70 , 10 และ 60 ,แล้วผลผลิตจะเป็น B , C และในคำสั่งนั้น นี้จะให้ output ของ 10 , 60 และ 70
การแปล กรุณารอสักครู่..
