Tropospheric ozone (O3) is a natura

Tropospheric ozone (O3) is a naturally occurring greenhouse gas
formed during photochemical reactions between nitrogen oxides
(NOx), carbon monoxide (CO) and volatile organic compounds
(VOCs) (Finlayson-Pitts and Pitts, 2000). Since the Industrial Revolution,
global background O3 concentrations have been growing due
to increasing emissions of O3 precursors from fossil fuel combustion,
industrial activities and wildland fires (Crutzen and Andreae,
1990; Sitch et al., 2007; Goldammer et al., 2009). At the end of the
19th century in Europe, and likely elsewhere in the Northern
Hemisphere, O3 levels were less than10 ppb (Guiherit and Roemer,
2000). At present, across that hemisphere, average annual O3
concentrations are typically 40e50 ppb, with 50e60 ppb frequently
occurring in mid-latitudes (Brasseur et al., 2001; Oltmans et al.,
2006), including western regions of the United States (CASTNET,
2007; Jaffe and Ray, 2007). Since O3 causes serious human health
problems, it is listed as a federally and state-regulated air pollutant
with a primary 8-h standard set at 75 ppb (http://www.epa.gov/air/
ozonepollution/standards.html).
Emissions from combustion engines are a major contributor to O3
precursors (Finlayson-Pitts and Pitts, 2000) and result in high O3
concentrations in suburban, rural and remote areas downwind of
the pollution source areas (Bytnerowicz et al., 2007). The highest
O3 concentrations occur in urban agglomerations with dense traffic,
such as the Los Angeles Basin, where the term “photochemical
smog” was coined in the 1950s as O3 levels sometimes exceeded
500 ppb (Seinfeld and Pandis, 1998). Since the introduction of
reformulated gasoline and the advent of strict controls on emissions
ambient levels of O3 in southern California rarely exceed 150 ppb
(Bytnerowicz et al., 2008). In urban areas, O3 concentrations have
a clearly defined diurnal cycle with a minimum in early morning
and a maximum in late afternoon. Such a pattern results from the
daytime photochemical O3 production combined with O3 loss by dry
deposition and reaction with nitric oxide (NO) after sunset when
photochemical reactions stop. In locations where NO concentrations
are high at night, such as urban areas or in the vicinity of major
transportation routes, the nighttime drop of O3 concentrations may
be very pronounced, often resulting in a complete O3 disappearance
(Seinfeld and Pandis, 1998).

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

Tropospheric โอโซน (O3) เป็นก๊าซเรือนกระจกเกิดขึ้นตามธรรมชาติเกิดขึ้นในระหว่างปฏิกิริยา photochemical ระหว่างออกไซด์ของไนโตรเจน(โรงแรมน็อกซ์), คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) และสารประกอบอินทรีย์ระเหย(VOCs) (Finlayson Pitts และ Pitts, 2000) ตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรมความเข้มข้นของ O3 พื้นโลกมีการเจริญเติบโตครบกำหนดการเพิ่มการปล่อยก๊าซ O3 precursors จากเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลกิจกรรมอุตสาหกรรมและไฟสม่ำเสมอ wildland (Crutzen และ Andreaeปี 1990 ตะเข็บ et al., 2007 Goldammer et al., 2009) เมื่อสิ้นสุดการคริสต์ศตวรรษที่ 19 ใน ยุโรป และอื่น ๆ ในภาคเหนือซีกโลก ระดับ O3 มีน้อย than10 ppb (Guiherit และ Roemer2000) ปัจจุบัน ข้ามซีกโลกที่ เฉลี่ย O3 ประจำปีโดยทั่วไปมีความเข้มข้น 40e50 ppb พร้อม 50e60 ppb บ่อยเกิดขึ้นในกลาง latitudes (Brasseur และ al., 2001 Oltmans et al.,2006), รวมทั้งภาคตะวันตกของสหรัฐอเมริกา (CASTNET2007 Jaffe แล้วเรย์ 2007) เนื่องจากสุขภาพของมนุษย์อย่างจริงจังทำให้ O3ปัญหา มันจะแสดงเป็นตัวเต็ม และควบคุมสภาวะอากาศมลพิษมาตรฐาน 8 h หลักตั้ง 75 ppb (http://www.epa.gov/air/ozonepollution/standards.html)ไอเสียจากเครื่องยนต์สันดาปเป็นผู้บริจาคสำคัญ O3precursors (Finlayson Pitts และ Pitts, 2000) และผลสูง O3ความเข้มข้นในพื้นที่ชานเมือง ชนบท และไกล downwind ของมลพิษแหล่งพื้นที่ (Bytnerowicz et al., 2007) สูงสุดความเข้มข้นของ O3 เกิดขึ้นในเมือง agglomerations มีการจราจรหนาแน่นเช่นอ่างลอสแอนเจลิส ซึ่งคำว่า "photochemicalหมอกควัน"ถูกจังหวะในช่วงทศวรรษ 1950 เป็น O3 ระดับเกินบางครั้งppb 500 (รี่ไซน์เฟลด์และ Pandis, 1998) ตั้งแต่การแนะนำของมีน้ำมันและการมาถึงของตัวควบคุมที่เข้มงวดในการปล่อยระดับสภาวะของ O3 ในแคลิฟอร์เนียภาคใต้ไม่ค่อยเกิน 150 ppb(Bytnerowicz et al., 2008) ในพื้นที่เขตเมือง มีความเข้มข้นของ O3วงจร diurnal การไว้อย่างชัดเจน มีอย่างน้อยในช่วงเช้าและสูงสุดในบ่าย รูปแบบผลลัพธ์จากการกลางวัน photochemical O3 ผลิตรวมขาดทุน O3 โดยแห้งสะสมและปฏิกิริยากับไนตริกออกไซด์ (NO) หลังจากพระอาทิตย์ตกดินเมื่อปฏิกิริยา photochemical หยุด ในสถานไม่มีความเข้มข้นมีสูงในเวลากลางคืน เช่นพื้นที่เขตเมือง หรือ นักวิชาเส้นทางการขนส่ง ฝากค่ำคืนของความเข้มข้นของ O3 อาจมีมากออกเสียง มักเกิดอันตรธาน O3 สมบูรณ์(รี่ไซน์เฟลด์และ Pandis, 1998)

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

tropospheric โอโซน (O3) เป็นก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ
ที่เกิดขึ้นในระหว่างการเกิดปฏิกิริยาเคมีระหว่างไนโตรเจนออกไซด์
(NOx) คาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) และสารอินทรีย์ระเหย
(VOCs) (Finlayson-พิตส์และพิตส์, 2000) นับตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรม
ความเข้มข้น O3 พื้นหลังทั่วโลกมีการเติบโตเนื่องจาก
การเพิ่มขึ้นของการปล่อยสารตั้งต้น O3 จากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล,
กิจกรรมทางด้านอุตสาหกรรมและไฟป่า (Crutzen และ Andreae,
1990;. Sitch et al, 2007;. Goldammer et al, 2009) . ในตอนท้ายของ
ศตวรรษที่ 19 ในยุโรปและมีแนวโน้มที่อื่น ๆ ในภาคเหนือ
ซีกโลกระดับ O3 น้อย than10 ppb (Guiherit และ Roemer,
2000) ในปัจจุบันทั่วซีกโลกที่เฉลี่ย O3 ประจำปี
มักจะมีความเข้มข้น 40e50 ppb กับ 50e60 ppb บ่อย
ที่เกิดขึ้นในช่วงกลางเส้นรุ้ง (Brasseur et al, 2001;.. Oltmans, et al,
2006) รวมทั้งภาคตะวันตกของสหรัฐอเมริกา (Castnet ,
2007; Jaffe และเรย์ 2007) ตั้งแต่ O3 ทำให้เกิดสุขภาพมนุษยชนอย่างร้ายแรง
ปัญหาก็จะระบุว่าเป็นรัฐบาลและมลพิษทางอากาศที่รัฐควบคุม
ด้วยมาตรฐานหลัก 8 ชั่วโมงตั้งอยู่ที่ 75 ppb (http://www.epa.gov/air/
ozonepollution / standards.html) .
การปล่อยมลพิษจากเครื่องยนต์สันดาปเป็นผู้บริจาครายใหญ่ O3
สารตั้งต้น (Finlayson-พิตส์และพิตส์, 2000) และผลใน O3 สูง
ความเข้มข้นในชานเมืองพื้นที่ชนบทและห่างไกลล่องของ
พื้นที่แหล่งมลพิษ (Bytnerowicz et al., 2007) สูงสุด
ความเข้มข้น O3 เกิดขึ้นในการเกาะกลุ่มกันในเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น
เช่น Los Angeles ลุ่มน้ำที่คำว่า "เคมี
หมอกควัน "ได้รับการประกาศเกียรติคุณในปี 1950 เป็นระดับ O3 บางครั้งเกิน
500 ppb (ไฟล์และ Pandis, 1998) ตั้งแต่การแนะนำของ
น้ำมันเบนซิน reformulated และการกำเนิดของการควบคุมอย่างเข้มงวดในการปล่อยมลพิษ
ในระดับที่แวดล้อม O3 ในแคลิฟอร์เนียภาคใต้ไม่เกิน 150 ppb
(Bytnerowicz et al., 2008) ในพื้นที่เขตเมืองเข้มข้น O3 มี
รอบเวลากลางวันกำหนดไว้อย่างชัดเจนด้วยอย่างน้อยในตอนเช้า
และสูงสุดในช่วงบ่าย ดังกล่าวเป็นรูปแบบที่เป็นผลมาจาก
การผลิตในเวลากลางวันแสง O3 รวมกับการสูญเสียโดย O3 แห้ง
ทับถมและทำปฏิกิริยากับไนตริกออกไซด์ (NO) หลังจากพระอาทิตย์ตกดินเมื่อ
ปฏิกิริยาเคมีหยุด ในสถานที่ที่มีความเข้มข้นไม่
สูงในเวลากลางคืนเช่นพื้นที่ในเมืองหรือในบริเวณใกล้เคียงที่สำคัญ
เส้นทางการขนส่งที่ลดลงในช่วงเวลากลางคืนเข้มข้นของ O3 อาจ
จะเด่นชัดมากมักจะเกิดในการหายตัวไป O3 สมบูรณ์
(ไฟล์และ Pandis, 1998)

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

โอโซนชั้นโทรโปสเฟียร์ ( O3 ) เป็นก๊าซที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในปฏิกิริยาเคมีระหว่าง

ไนโตรเจนออกไซด์ ( NOx ) คาร์บอนมอนอกไซด์ ( CO ) และสารอินทรีย์ระเหยง่าย ( VOCs )
( Finlayson พิตส์ และพิตส์ , 2000 ) นับตั้งแต่การปฏิวัติอุตสาหกรรม ,
) O3 พื้นทั่วโลกมีการเติบโตเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก O3

การเผาไหม้เชื้อเพลิงจากฟอสซิลกิจกรรมอุตสาหกรรมและ Wildland ไฟ ( ครัทเซนน์ราต แอนเดรียซะอีก
1990 ; และ , et al . , 2007 ; goldammer et al . , 2009 ) ในตอนท้ายของ
ศตวรรษที่ 19 ในยุโรป และโอกาสอื่น ๆในภาคเหนือ
ซีกโลก , O3 ระดับ 10 ppb น้อยลง ( และ guiherit โรเมอร์
, 2000 ) ปัจจุบัน ข้ามซีกโลก , เฉลี่ย O3
ความเข้มข้นมักจะ 40e50 ppb กับ 50e60 ppb บ่อย
เกิดขึ้นในละติจูดกลาง ( brasseur et al . , 2001 ; Oltmans et al . ,
2006 ) รวมทั้งภูมิภาคตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ( castnet
, 2007 ; เจฟฟี่และเรย์ , 2007 ) ตั้งแต่ O3 สาเหตุร้ายแรงปัญหาสุขภาพ
มนุษย์ มันเป็น บริษัท จดทะเบียนโดยรัฐบาลกลางและรัฐควบคุมมลพิษทางอากาศ
กับหลักมาตรฐานการตั้งค่าที่ประมาณ 75 ppb ( http : / / www.epa . gov / อากาศ /
ozonepollution / มาตรฐาน
. html )มลพิษจากเครื่องยนต์เป็นผู้สนับสนุนหลักในการตั้งต้น O3
( Finlayson พิตส์ และพิตส์ , 2000 ) และส่งผลให้ปริมาณ O3
สูงในย่านชานเมือง ในชนบทและพื้นที่ห่างไกล พื้นที่ใต้ลมของ
แหล่งมลพิษ ( bytnerowicz et al . , 2007 ) ความเข้มข้นสูงสุด
O3 เกิดขึ้นใน agglomerations เขตเมืองที่มีการจราจรหนาแน่น
เช่น Los Angeles ลุ่มน้ำที่ 2
" ระยะหมอกควัน " ตั้งขึ้นในปี 1950 เป็นระดับ O3
บางครั้งเกิน 500 ppb ( Seinfeld และ pandis , 1998 ) ตั้งแต่การแนะนำของ
เงื่อนไขเบนซินและการมาถึงของการควบคุมที่เข้มงวดในการปล่อย
แวดล้อมระดับ O3 ในแคลิฟอร์เนียภาคใต้ไม่เกิน 150 ppb
( bytnerowicz et al . , 2008 ) ในเขตเมือง , O3
( มีไว้อย่างชัดเจนในรอบอย่างน้อยในตอนเช้า
และสูงสุดในยามบ่าย เป็นรูปแบบผลลัพธ์จาก
กลางวัน 2 O3 การผลิตรวมกับการสูญเสียโดยการทับถมแห้ง O3
และปฏิกิริยากับไนตริกออกไซด์ ( NO ) หลังจากพระอาทิตย์ตกดินเมื่อ
ปฏิกิริยาเคมีหยุด ในสถานที่ที่ไม่มีความเข้มข้น
สูงในเวลากลางคืน เช่น เขตเมือง หรือในบริเวณเส้นทาง
การขนส่งหลัก ตอนกลางคืนหยด O3
( อาจจะออกเสียง มักจะเป็นผลในการสมบูรณ์ O3
( Seinfeld และ pandis , 1998 )