The white-backed planthopper, Sogat

The white-backed planthopper, Sogatella
furcifera (Horvath) (Hemiptera: Delphacidae),
is widely distributed throughout Asia and is
considered a major pest of rice in the region.
The nymphs and adults suck the plant sap and
reduce plant vigor, delay tillering, stunt,
yellow leaves, and shrivel grains (Khan and
Saxena 1984), and heavy infestation may
cause hopper burn, complete death of the rice
plants (Pathak 1968). S. furcifera has caused
intermittent famines in eastern Asia since
ancient times, and became conspicuous in
southeast Asia after the so-called Green
Revolution of the 1960s (Noda et al. 2008).
Because of their long-distance migration, S.
furcifera can cause sudden devastation to rice.
To date, studies on S. furcifera have focused
mainly upon its biology (Xiao and Tang
2007), occurrence (Seino et al. 1987),
varietals resistance (Heinrichs and Rapusas
1985), integrated pest management (Litsinger
et al. 2005), and it interactions with
Nilaparvata lugens (Matsumura and Suauki
2003). However, there is little knowledge of
its genetic diversity and population genetic
structure.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

การสำรองขาวเพลี้ยกระโดด Sogatella
furcifera (Horvath) (Hemiptera: Delphacidae),
กระจายอย่างกว้างขวางทั่วเอเชีย และมี
ถือว่าศัตรูพืชที่สำคัญของข้าวในภูมิภาค
nymphs และผู้ใหญ่ดูดซับพืช และ
ลดพืชแข็ง เลื่อน tillering ผาด โผน,
ใบไม้สีเหลือง และ shrivel ธัญพืช (ขัน และ
1984 ซสักเสนา), และอาจทำลายหนัก
ทำถังเขียน ตายเสร็จสมบูรณ์ข้าว
พืช (Pathak 1968) S. furcifera เกิด
กันดารไม่ต่อเนื่องในเอเชียตะวันออกตั้งแต่
โบราณ และกลายเป็นเป้าใน
เอเชียหลังสีเขียวเรียกว่า
ปฏิวัติของปี 1960 (ดะ et al. 2008) .
เนื่องจากการโยกย้ายไกล s ได้
furcifera อาจทำให้เกิดการทำลายล้างอย่างฉับพลันกับข้าว
ได้เน้นศึกษา S. furcifera วันที่
ตามชีววิทยาเป็นส่วนใหญ่ (เสี่ยวและถัง
2007), เหตุการณ์ (Seino et al. 1987),
ต้านทาน varietals (Heinrichs และ Rapusas
1985), จัดการศัตรูพืชแบบบูรณาการ (Litsinger
et al. 2005), และโต้ตอบกับ
Nilaparvata lugens (Matsumura และ Suauki
2003) อย่างไรก็ตาม มีความรู้น้อย
ของความหลากหลายทางพันธุกรรมและพันธุกรรมประชากร
โครงสร้าง

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

เพลี้ยกระโดดสีขาวได้รับการสนับสนุน, Sogatella
furcifera (Horvath) (Hemiptera: Delphacidae)
มีการกระจายอย่างกว้างขวางทั่วทั้งเอเชียและ
ถือว่าเป็นศัตรูพืชที่สำคัญของข้าวในภูมิภาค
นางไม้และผู้ใหญ่ดูดนมจากพืชและ
ลดความแข็งแรงของพืชล่าช้าแตกกอ, แสดงความสามารถ,
ใบเหลืองและเหี่ยวเฉาธัญพืช (ข่านและ
Saxena 1984) และการรบกวนหนักอาจ
ทำให้เกิดการเผาไหม้ถังตายที่สมบูรณ์ของข้าว
พืช (Pathak 1968) S. furcifera ได้ก่อให้เกิด
กิริยาต่อเนื่องในเอเชียตะวันออกตั้งแต่
สมัยโบราณและกลายเป็นที่เห็นได้ชัดเจนใน
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลังจากที่เรียกว่าสีเขียว
ปฏิวัติของปี 1960 (Noda et al,. 2008)
เนื่องจากการย้ายถิ่นระยะยาวของพวกเขาเอ
furcifera สามารถ ทำให้เกิดความเสียหายอย่างฉับพลันข้าว
ในวันที่ศึกษาเกี่ยวกับ furcifera เอสได้มุ่งเน้น
ส่วนใหญ่เมื่อชีววิทยา (Xiao และถัง
2007) ที่เกิดขึ้น (Seino et al,. 1987),
พันธุ์ต้านทาน (Heinrichs และ Rapusas
1985), การจัดการศัตรูพืชแบบบูรณาการ (Litsinger
และคณะ. 2005) และการสื่อสารกับ
Nilaparvata lugens (Matsumura และ Suauki
2003) แต่มีความรู้น้อยของ
ความหลากหลายทางพันธุกรรมของประชากรทางพันธุกรรมและ
โครงสร้าง

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ข้อมูล เพลี้ย sogatella สีขาว ,
furcifera ( ฮอร์วาธ ) ( อันดับ Hemiptera : เดลฟาซิดี้ )
ถูกกระจายอย่างกว้างขวางทั่วทั้งเอเชีย และถือเป็นศัตรูพืชที่สำคัญของ

ข้าวในภูมิภาค นางไม้และผู้ใหญ่ดูดโรงงานยาง
ลดพลังพืช การแตกกอ การแสดงความสามารถ
ใบเหลืองและเหี่ยวเฉา ( ธัญพืช ข่านและ
Saxena 1984 ) และระบาดหนักอาจทำให้เกิดกรวยเผาตาย

, สมบูรณ์ของข้าวพืช ( pathak 1968 ) เอส furcifera ได้เกิดต่อเนื่องในเอเชียตั้งแต่เกิด

โบราณ และกลายเป็นที่เห็นได้ชัดเจนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หลังการปฏิวัติเขียว

เรียกว่าของทศวรรษที่ 1960 ( Noda et al . 2008 ) .
เพราะย้ายถิ่นทางไกลของพวกเขา S .
furcifera สามารถทำให้เกิดความเสียหายอย่างฉับพลันข้าว .
วัน ศึกษาในสหรัฐอเมริกา furcifera ได้มุ่งเน้นส่วนใหญ่บน
ของชีววิทยา ( เสี่ยวและ Tang
2007 )การเกิด ( เซย์โน et al . ความหลากหลายความต้านทาน ( 1987 )

และ ไฮน์ริช rapusas 1985 ) การจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน ( litsinger
et al . 2005 ) และการปฏิสัมพันธ์กับ
Nilaparvata lugens ( มัตสึมุระ และ suauki
2003 ) อย่างไรก็ตาม มีความรู้น้อยของความหลากหลายทางพันธุกรรมและโครงสร้างทางพันธุกรรม

)