Why is the national mood and trust

Why is the national mood and trust in government important for public policy?
Because, as Ralph Erber and Richard Lau, referring to David Easton’s work, state,
“the legitimacy of democratic political systems depends in large part on the extent
to which the electorate trusts the government to do what is right at least most ofthe time.”9 The trends reflected here suggest that, as of the end of 2009, Americans’
attitudes toward government are mixed, but remain guarded at best and negative at
worst. Furthermore, the data I show here do not reflect partisan differences. While
some social scientists and political commentators have argued that mass publics—
that is, large groups of people who identify with a common interest—have become
politically polarized, meaning that partisans’ attitudes move to the extreme ideological
positions of each party, recent research suggests that polarization is less a feature
of the political system than of “party sorting,” in which political parties become
more closely identified with ideologically grounded policy positions.10 This partisan
polarization contrasts with the 1950s and 1960s, when there were both liberal and
conservative Democrats, and liberal and conservative Republicans.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ทำไมเป็นอารมณ์แห่งชาติและความน่าเชื่อถือในรัฐบาลสำคัญสำหรับนโยบายสาธารณะเนื่องจาก เป็น Ralph Erber และริชาร์ด Lau อ้างอิงถึงงาน David อีสตัน รัฐ"ชอบธรรมของระบบการเมืองประชาธิปไตยขึ้นส่วนใหญ่ในขอบเขตที่อัดบรรดาของฝากรัฐบาลจะทำคืออะไรสิทธิน้อยที่สุดแล้วกัน" 9 แนะนำแนวโน้มผลที่นี่ ที่ ณสิ้นปี 2552 อเมริกัน'ทัศนคติต่อรัฐบาลผสม แต่ยังคงมั่นที่สุด และค่าลบที่เลวร้ายที่สุด นอกจากนี้ ข้อมูลที่ฉันแสดงที่นี่ไม่สะท้อนความแตกต่างของพรรค ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์สังคมและแสดงทางการเมืองบางอย่างได้โต้เถียงว่า มวลชน –กลุ่มใหญ่คือ คนที่ระบุ มีความสนใจทั่วไปซึ่งเป็นขั้วทางการเมือง ความหมาย ว่า ทัศนคติของ partisans ไปมากอุดมการณ์ตำแหน่งของแต่ละฝ่าย การวิจัยล่าสุดแนะนำว่า เป็นโพลาไรซ์น้อยคุณลักษณะของระบบการเมืองมากกว่า "พรรคเรียง" ในพรรคการเมืองใดเป็นยิ่งใกล้ชิด positions.10 ป่นเล็กน้อย ideologically นโยบายนี้ถือเขาถือเราโพลาไรซ์สัมผัสกับมินิและ 1960s มีทั้งเสรีนิยม และหัวเก่าประชาธิปัตย์ และเสรี และหัวเก่า Republicans

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ทำไมอารมณ์ของชาติและความไว้วางใจในรัฐบาลที่สำคัญในการกำหนดนโยบายสาธารณะ?
เพราะเป็นราล์ฟ Erber และริชาร์ด Lau หมายถึงการทำงานของเดวิดอีสตัน, รัฐ"ความถูกต้องของระบบการเมืองประชาธิปไตยขึ้นอยู่ส่วนใหญ่ในขอบเขตที่ไว้ใจเลือกตั้งรัฐบาลที่จะทำสิ่งที่ถูกต้องอย่างน้อยที่สุด ofthe เวลา. "9 สะท้อนให้เห็นแนวโน้มที่นี่แสดงให้เห็นว่า ณ สิ้นปี 2009 ที่ชาวอเมริกันทัศนคติที่มีต่อรัฐบาลผสมแต่ยังคงรักษาที่ดีที่สุดและลบที่เลวร้ายที่สุด นอกจากนี้ข้อมูลที่ฉันแสดงที่นี่ไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างของพรรค ในขณะที่บางนักวิทยาศาสตร์ทางสังคมและการเมืองได้ถกเถียงกันอยู่ว่า publics- มวลที่เป็นกลุ่มใหญ่ของคนที่ระบุด้วยกันดอกเบี้ยได้กลายเป็นขั้วทางการเมืองหมายความว่าทัศนคติสมัครพรรคพวก'ย้ายไปอุดมการณ์มากตำแหน่งของแต่ละฝ่ายงานวิจัยล่าสุดแสดงให้เห็นโพลาไรซ์ที่น้อยคุณลักษณะของระบบการเมืองกว่าของ "บุคคลเรียงลำดับ" ซึ่งกลายเป็นพรรคการเมืองอื่นๆ ระบุอย่างใกล้ชิดกับ positions.10 นโยบายนี้มีเหตุผลอุดมการณ์พรรคขั้วแตกต่างกับปี1950 และ 1960 เมื่อมีทั้งเสรีนิยมอนุรักษ์นิยมพรรคประชาธิปัตย์และรีพับลิกันจารีตนิยมและ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ทำไมชาติอารมณ์และความไว้วางใจในรัฐบาลที่สำคัญสำหรับนโยบายสาธารณะ
เพราะราล์ฟ แอร์แบร์และริชาร์ดหลิว หมายถึงของเดวิดอีสตันงาน , รัฐ ,
" ความชอบธรรมของระบบการเมืองแบบประชาธิปไตยขึ้นอยู่กับส่วนใหญ่ในขอบเขต
ที่เลือกตั้ง เชื่อรัฐบาลจะทำสิ่งที่ถูกต้องในเวลาที่น้อยที่สุดของ " 9 แนวโน้มที่สะท้อนมาชี้ให้เห็นว่าณสิ้นปี 2009 อเมริกัน '
ทัศนคติต่อรัฐบาลผสม แต่ยังคงรักษาที่ดีที่สุดและลบที่
ที่เลวร้ายที่สุด นอกจากนี้ ข้อมูลที่ผมแสดงนี้ไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างสิ ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์และการแสดงความเห็นทางการเมือง
สังคมได้ถกเถียงกันว่า มวลมหาชน -
นั่นคือกลุ่มใหญ่ของผู้ที่ระบุกับความสนใจทั่วไปได้กลายเป็น
ขั้วทางการเมือง ,หมายความว่าทัศนคติพลพรรค ' ย้ายเพื่ออุดมการณ์
ตำแหน่งมากของแต่ละบุคคล , การวิจัยล่าสุดชี้ให้เห็นว่า โพลาไรเซชันเป็นคุณลักษณะ
ของระบบการเมืองของ " พรรคเรียงน้อย " ซึ่งพรรคการเมืองกลายเป็น
อย่างใกล้ชิด พร้อมระบุ ideologically กักบริเวณ positions.10 นโยบายเป็นพลพรรค
นี้แตกต่างกับปี 1950 และ 1960เมื่อมีทั้งเสรีนิยมและพรรคเดโมแครต
อนุรักษ์ และเสรีนิยมและอนุรักษ์นิยมพรรครีพับลิ .