ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. ๒๑๙๙-๒๒๓๑) ลพบุรีได้รับการทำนุบำ การแปล - ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. ๒๑๙๙-๒๒๓๑) ลพบุรีได้รับการทำนุบำ ไทย วิธีการพูด

ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.

ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. ๒๑๙๙-๒๒๓๑) ลพบุรีได้รับการทำนุบำรุงครั้งใหญ่ สืบเนื่องมาจากการคุกคามของชนชาติฮอลันดาที่ติดต่อค้าขายกับไทย...
ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้สมเด็จพระนารายณ์ทรงเห็นว่า กรุงศรีอยุธยานั้นไม่สู้ปลอดภัยจากการปิดล้อมระดมยิงของข้าศึกหากเกิดสงคราม จึงได้สร้างเมืองลพบุรีเป็นราชธานีที่สองขึ้น เพราะลพบุรีมีลักษณะทางยุทธศาสตร์เหมาะสม





ในการสร้างลพบุรีขึ้นใหม่ สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงได้รับความช่วยเหลือจากช่างชาวฝรั่งเศสและอิตาเลียน และได้สร้างพระราชวังและป้อมปราการเป็นแนวป้องกันอย่างแข็งแรง สมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้ประทับอยู่ที่ลพบุรีเป็นส่วนใหญ่ และโปรดให้ทูตและชาวต่างประเทศเข้าเฝ้าพระองค์ที่เมืองนี้หลายครั้ง
เมื่อสิ้นรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ฯ แล้ว ลพบุรีก็หมดความสำคัญลง สมเด็จ พระเพทราชาได้ทรงย้ายหน่วยราชการทั้งหมดกลับกรุงศรีอยุธยาและในรัชกาลต่อๆมา ก็ไม่ได้เสด็จมาประทับที่เมืองนี้อีก
จนกระทั่งถึงรัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ใน พ.ศ. ๒๔๐๖ โปรดฯให้บูรณะเมืองลพบุรี ซ่อมกำแพง ป้อม และประตูพระราชวังที่ชำรุดทรุดโทรม และสร้างพระที่นั่งพิมานมงกุฎขึ้นในพระราชวังเป็นที่ประทับพร้อมกับพระราชทานว่า “พระนารายณ์นิเวศน์” ลพบุรีจึงแปรสภาพเป็นเมืองสำคัญวาระหนึ่ง
ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ลพบุรีได้รับการทำนุบำรุงอีกครั้งหนึ่งในสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ซึ่งได้สร้างเมืองลพบุรีใหม่อันเป็นเมืองทหาร อยู่ทางด้านทิศตะวันออกของทางรถไฟ มีอาณาเขตกว้างขวาง
ส่วนเมืองเก่านั้นอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของทางรถไฟ เมืองลพบุรีจึงเป็นศูนย์กลางสำคัญทางยุทธศาสตร์เมืองหนึ่งในปัจจุบันนี้
“บ้านวิชาเยนทร์” หรือ “บ้านหลวงรับราชทูต” ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของพระนารายณ์ราชนิเวศน์ สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เนื่องจากสถานการณ์ที่นี้เป็นที่พำนักของ เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ ขุนนางสำคัญในสมัยนั้น จึงได้ชื่อว่า “บ้านวิชาเยนทร์”
นอกจากนี้เนื่องจากเมื่อครั้งทูตจากประเทศฝรั่งเศสชุดแรกที่เข้ามาเมื่อปี พ.ศ. ๒๒๒๘ ก็ได้พัก ณ สถานที่แห่งนี้ จึงได้ชื่อว่า “บ้านหลวงรับราชทูต” อีกชื่อหนึ่ง...
พื้นที่ในบริเวณบ้านหลวงรับราชทูต แบ่งเป็น ๓ ส่วน สังเกตได้จากประตูเข้าด้านหน้าซึ่งสร้างไว้สำหรับเป็นทางเข้า-ออก แต่ละส่วน คือ ส่วนทิศตะวันตกส่วนกลาง และส่วนทางทิศตะวันออก
ทางด้านทิศตะวันตกเป็นกลุ่มอาคาร ได้แก่ ตึก ๒ ชั้น หลังใหญ่ก่อด้วยอิฐ และอาคารชั้นเดียว แคบยาว ซุ้มประตูทางเข้าเป็นรูปโค้งค รึ่งวงกลม ส่วนกลางมีอาคารสำคัญ คือ ฐานของสิ่งก่อสร้าง ซึ่งเข้าใจว่าเป็นหอระฆังและโบสถ์คริสต์ศาสนาซึ่งอยู่ทางด้านหลัง ซุ้มประตูทางเข้าเป็นรูปจั่ว



บ้านวิชาเยนทร์ หรือ บ้านหลวงรับราชทูต

ส่วนทิศตะวันออก ได้แก่ กลุ่มอาคารใหญ่ ๒ ชั้น มีบันไดขึ้นทางด้านหน้าเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลม ซุ้มประตูทางเข้ามีลักษณะเช่นเดียวกั บทางทิศตะวันตก
ด้วยเหตุที่มีสิ่งก่อสร้างหลายหลังดังกล่าว จึงต้องสันนิษฐานว่าส่วนใดเป็นที่พำนักของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ และส่วนใดเป็นที่พำนักของคณะทูตชาวฝรั่งเศส
จากแผนผังบริเวณบ้านวิชาเยนทร์พบว่า ส่วนกลางและส่วนทางทิศตะวันออก มีสิ่งก่อสร้างซึ่งถูกสร้างขึ้นให้มีความสัมพันธ์กัน คือ โบสถ์และตึกหลังใหญ่ ๒ ชั้น และได้รับการก่อสร้างอย่างมั่นคงแข็งแรง ดูสวยงาม บริเวณดังกล่าวจึงควรเหมาะสมใช้เป็นที่ต้อนรับทูตชาวต่าง ประเทศ


เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน)


โบสถ์คริสต์ศาสนา คงใช้เป็นที่ประกอบพิธีทางศาสนาของบาทหลวงคณะเจซูอิด ซึ่งเข้ามาพร้อมกับคณะทูตหลายรูป ส่วนอาคารบริเวณทางทิศตะวันตก คงเป็นที่พักอาศัยของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์
ลักษณะของสถาปัตยกรรมในบ้านวิชาเยนทร์ บางหลังเป็นแบบยุโรปอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอาคารใหญ่ทางทิศตะวันออก ก่ออิฐถือปูนสูง ๒ ชั้น หน้าต่างและซุ้มประตูของอาคารแสดงให้เห็นลักษณะศิลปะตะวันตกแบบเรอเนสซองค์ ซึ่งแพร่หลายในระยะเวลาเดียวกัน
ที่สำคัญอีก คือ อาคารที่เป็นโบสถ์คริสต์ศาสนา ผังและแบบของโบสถ์เป็นแบบยุโรป มีซุ้มประตู หน้าต่าง เป็นซุ้มเรือนแก้ว มีเสาปลายเป็นรูปกลีบบัวยาว ซึ่งเป็นศิลปะแบบไทย ถือว่าเป็ นโบสถ์คริสต์ศาสนาหลังแรกในโลก ที่ตกแต่งด้วยลักษณะของโบสถ์ทางพระพุทธศาสนา
เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) เป็นนักผจญภัยชาวกรีก ผู้กลายมาเป็นสมุหนายกในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา เกิดที่แคว้นเซฟาโลเนีย (ประเทศกรีซ) เมื่อ ค.ศ. ๑๖๔๗ (พ.ศ. ๒๑๙๐) โดยมีเชื้อสายของชาวกรีกและเวนิช เข้าทำงานให้กับบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ
ค.ศ. ๑๖๖๒ (พ.ศ. ๒๒๐๕) ฟอนคอนออกจากบ้าน และเดินเรือสินค้าไปค้าขายยังแดนต่างๆ ค.ศ. ๑๖๗๕ (พ.ศ. ๒๒๑๘) เดินทางมายังสยามในฐานะพ่อค้า เนื่องจากมีความสามารถพิเศษในการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศอย่างง่ายดาย
นอกจากภาษากรีกแล้ว ฟอลคอนมีความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาโปรตุเกส ฯลฯ และเรียนรู้การใช้ภาษาไทยอย่างคล่องแคล่วในเวลากี่ปี
ต่อมา ฟอลคอนเข้ารับราชการในราชสำนักสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ในตำแหน่งล่าม และเป็นตัวกลางการค้าระหว่างอยุธยากับฝรั่งเศส จนกระทั่งได้กลายมาเป็นสมุหเสนา ในสมัยพระนารายณ์มหาราชในเวลาอันรวดเร็ว
เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ หรือ คอนสแตนติน ฟอลคอน จึงนับเป็นชาวตะวันตกคนแรกที่เข้ามารับราชการในสมัยอยุธยา...
0/5000
จาก: -
เป็น: -
ผลลัพธ์ (ไทย) 1: [สำเนา]
คัดลอก!
ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช (พ.ศ. ๒๑๙๙ - ๒๒๓๑) ลพบุรีได้รับการทำนุบำรุงครั้งใหญ่สืบเนื่องมาจากการคุกคามของชนชาติฮอลันดาที่ติดต่อค้าขายกับไทย... ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สมเด็จพระนารายณ์ทรงเห็นว่ากรุงศรีอยุธยานั้นไม่สู้ปลอดภัยจากการปิดล้อมระดมยิงของข้าศึกหากเกิดสงครามจึงได้สร้างเมืองลพบุรีเป็นราชธานีที่สองขึ้นเพราะลพบุรีมีลักษณะทางยุทธศาสตร์เหมาะสม ในการสร้างลพบุรีขึ้นใหม่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงได้รับความช่วยเหลือจากช่างชาวฝรั่งเศสและอิตาเลียนและได้สร้างพระราชวังและป้อมปราการเป็นแนวป้องกันอย่างแข็งแรงสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้ประทับอยู่ที่ลพบุรีเป็นส่วนใหญ่และโปรดให้ทูตและชาวต่างประเทศเข้าเฝ้าพระองค์ที่เมืองนี้หลายครั้ง เมื่อสิ้นรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ฯ แล้วลพบุรีก็หมดความสำคัญลงสมเด็จพระเพทราชาได้ทรงย้ายหน่วยราชการทั้งหมดกลับกรุงศรีอยุธยาและในรัชกาลต่อๆมาก็ไม่ได้เสด็จมาประทับที่เมืองนี้อีก จนกระทั่งถึงรัชกาลที่ ๔ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ในพ.ศ. ๒๔๐๖ โปรดฯให้บูรณะเมืองลพบุรีซ่อมกำแพงป้อมและประตูพระราชวังที่ชำรุดทรุดโทรมและสร้างพระที่นั่งพิมานมงกุฎขึ้นในพระราชวังเป็นที่ประทับพร้อมกับพระราชทานว่า "พระนารายณ์นิเวศน์" ลพบุรีจึงแปรสภาพเป็นเมืองสำคัญวาระหนึ่ง ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองลพบุรีได้รับการทำนุบำรุงอีกครั้งหนึ่งในสมัยรัฐบาลจอมพลป. พิบูลสงครามซึ่งได้สร้างเมืองลพบุรีใหม่อันเป็นเมืองทหารอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของทางรถไฟมีอาณาเขตกว้างขวาง ส่วนเมืองเก่านั้นอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของทางรถไฟเมืองลพบุรีจึงเป็นศูนย์กลางสำคัญทางยุทธศาสตร์เมืองหนึ่งในปัจจุบันนี้ "บ้านวิชาเยนทร์" หรือ "บ้านหลวงรับราชทูต" ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของพระนารายณ์ราชนิเวศน์สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเนื่องจากสถานการณ์ที่นี้เป็นที่พำนักของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ขุนนางสำคัญในสมัยนั้นจึงได้ชื่อว่า "บ้านวิชาเยนทร์" นอกจากนี้เนื่องจากเมื่อครั้งทูตจากประเทศฝรั่งเศสชุดแรกที่เข้ามาเมื่อปีพ.ศ. ๒๒๒๘ ก็ได้พักณสถานที่แห่งนี้จึงได้ชื่อว่า "บ้านหลวงรับราชทูต" อีกชื่อหนึ่ง... พื้นที่ในบริเวณบ้านหลวงรับราชทูตแบ่งเป็น ๓ ส่วนสังเกตได้จากประตูเข้าด้านหน้าซึ่งสร้างไว้สำหรับเป็นทางเข้าออกแต่ละส่วนคือส่วนทิศตะวันตกส่วนกลางและส่วนทางทิศตะวันออก ทางด้านทิศตะวันตกเป็นกลุ่มอาคารได้แก่ตึก ๒ ชั้นหลังใหญ่ก่อด้วยอิฐและอาคารชั้นเดียวแคบยาวซุ้มประตูทางเข้าเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลมส่วนกลางมีอาคารสำคัญคือฐานของสิ่งก่อสร้างซึ่งเข้าใจว่าเป็นหอระฆังและโบสถ์คริสต์ศาสนาซึ่งอยู่ทางด้านหลังซุ้มประตูทางเข้าเป็นรูปจั่ว บ้านวิชาเยนทร์หรือบ้านหลวงรับราชทูต ส่วนทิศตะวันออก ได้แก่ กลุ่มอาคารใหญ่ ๒ ชั้น มีบันไดขึ้นทางด้านหน้าเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลม ซุ้มประตูทางเข้ามีลักษณะเช่นเดียวกั บทางทิศตะวันตก ด้วยเหตุที่มีสิ่งก่อสร้างหลายหลังดังกล่าว จึงต้องสันนิษฐานว่าส่วนใดเป็นที่พำนักของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ และส่วนใดเป็นที่พำนักของคณะทูตชาวฝรั่งเศส จากแผนผังบริเวณบ้านวิชาเยนทร์พบว่า ส่วนกลางและส่วนทางทิศตะวันออก มีสิ่งก่อสร้างซึ่งถูกสร้างขึ้นให้มีความสัมพันธ์กัน คือ โบสถ์และตึกหลังใหญ่ ๒ ชั้น และได้รับการก่อสร้างอย่างมั่นคงแข็งแรง ดูสวยงาม บริเวณดังกล่าวจึงควรเหมาะสมใช้เป็นที่ต้อนรับทูตชาวต่าง ประเทศเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) โบสถ์คริสต์ศาสนา คงใช้เป็นที่ประกอบพิธีทางศาสนาของบาทหลวงคณะเจซูอิด ซึ่งเข้ามาพร้อมกับคณะทูตหลายรูป ส่วนอาคารบริเวณทางทิศตะวันตก คงเป็นที่พักอาศัยของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ ลักษณะของสถาปัตยกรรมในบ้านวิชาเยนทร์ บางหลังเป็นแบบยุโรปอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอาคารใหญ่ทางทิศตะวันออก ก่ออิฐถือปูนสูง ๒ ชั้น หน้าต่างและซุ้มประตูของอาคารแสดงให้เห็นลักษณะศิลปะตะวันตกแบบเรอเนสซองค์ ซึ่งแพร่หลายในระยะเวลาเดียวกัน ที่สำคัญอีก คือ อาคารที่เป็นโบสถ์คริสต์ศาสนา ผังและแบบของโบสถ์เป็นแบบยุโรป มีซุ้มประตู หน้าต่าง เป็นซุ้มเรือนแก้ว มีเสาปลายเป็นรูปกลีบบัวยาว ซึ่งเป็นศิลปะแบบไทย ถือว่าเป็ นโบสถ์คริสต์ศาสนาหลังแรกในโลก ที่ตกแต่งด้วยลักษณะของโบสถ์ทางพระพุทธศาสนา เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) เป็นนักผจญภัยชาวกรีก ผู้กลายมาเป็นสมุหนายกในรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชแห่งกรุงศรีอยุธยา เกิดที่แคว้นเซฟาโลเนีย (ประเทศกรีซ) เมื่อ ค.ศ. ๑๖๔๗ (พ.ศ. ๒๑๙๐) โดยมีเชื้อสายของชาวกรีกและเวนิช เข้าทำงานให้กับบริษัทอินเดียตะวันออกของอังกฤษ ค.ศ. ๑๖๖๒ (พ.ศ. ๒๒๐๕) ฟอนคอนออกจากบ้าน และเดินเรือสินค้าไปค้าขายยังแดนต่างๆ ค.ศ. ๑๖๗๕ (พ.ศ. ๒๒๑๘) เดินทางมายังสยามในฐานะพ่อค้า เนื่องจากมีความสามารถพิเศษในการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศอย่างง่ายดาย นอกจากภาษากรีกแล้ว ฟอลคอนมีความสามารถในการพูดภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาโปรตุเกส ฯลฯ และเรียนรู้การใช้ภาษาไทยอย่างคล่องแคล่วในเวลากี่ปี ต่อมา ฟอลคอนเข้ารับราชการในราชสำนักสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ในตำแหน่งล่าม และเป็นตัวกลางการค้าระหว่างอยุธยากับฝรั่งเศส จนกระทั่งได้กลายมาเป็นสมุหเสนา ในสมัยพระนารายณ์มหาราชในเวลาอันรวดเร็ว เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ หรือ คอนสแตนติน ฟอลคอน จึงนับเป็นชาวตะวันตกคนแรกที่เข้ามารับราชการในสมัยอยุธยา...
การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 2:[สำเนา]
คัดลอก!
ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ( พ.ศ. 2199-2231) ลพบุรีได้รับการทำนุบำรุงครั้งใหญ่ แล้วลพบุรีก็หมดความสำคัญลงสมเด็จ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ใน พ.ศ. 2406 โปรดฯ ให้บูรณะเมืองลพบุรีซ่อมกำแพง ป้อมและประตูพระราชวังที่ชำรุดทรุดโทรม "พระนารายณ์นิเวศน์" ป พิบูลสงคราม อยู่ทางด้านทิศตะวันออกของทางรถไฟ หรือ "บ้านหลวงรับราชทูต" เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ขุนนางสำคัญในสมัยนั้น จึงได้ชื่อว่า พ.ศ. 2228 ก็ได้พัก ณ สถานที่แห่งนี้จึง ได้ชื่อว่า "บ้านหลวงรับราชทูต" แบ่งเป็น 3 ส่วน แต่ละส่วนคือส่วนทิศตะวันตกส่วนกลาง ได้แก่ ตึก 2 ชั้นหลังใหญ่ก่อด้วยอิฐและอาคาร ชั้นเดียวแคบยาวซุ้มประตูทางเข้าเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลมส่วนกลางมีอาคารสำคัญคือฐานของสิ่งก่อสร้าง บ้านหลวงรับหรือราชทูตส่วนทิศตะวันออก ได้แก่ กลุ่มอาคารใหญ่ 2 ชั้น ส่วนกลางและส่วนทางทิศตะวันออก คือโบสถ์และตึกหลังใหญ่ 2 ชั้น ดูสวยงาม ออกประเทศเจ้าพระยาคุณวิชาเยนทร์ (คอนสแตนตินฟอล คอน ) โบสถ์คริสต์ศาสนา ซึ่งเข้ามาพร้อมกับคณะทูตหลาย รูปส่วนอาคารบริเวณทางทิศตะวันตก บางหลังเป็นแบบยุโรปอย่างแท้จริงโดย เฉพาะอาคารใหญ่ทางทิศตะวันออกก่ออิฐถือปูนสูง 2 ชั้น คืออาคารที่เป็นโบสถ์คริสต์ศาสนาผัง และแบบของโบสถ์เป็นแบบยุโรปมีซุ้มประตูหน้าต่างเป็นซุ้มเรือนแก้วมีเสาปลายเป็นรูปกลีบบัวยาวซึ่งเป็นศิลปะแบบไทยถือว่าเป็นโบสถ์คริสต์ศาสนาหลังแรกในโลก (คอนสแตนตินฟอล คอน ) เป็นนักผจญภัยชาวกรีก เกิดที่แคว้นเซฟาโลเนีย (ประเทศกรีซ) เมื่อ ค.ศ. 1647 ( พ.ศ. 2190) โดยมีเชื้อสายของชาวกรีกและเว นิช 1662 ( พ.ศ. 2205) ฟอนคอนออกจากบ้าน ค.ศ. 1675 ( พ.ศ. 2218) เดินทางมายังสยามในฐานะพ่อค้า ภาษาฝรั่งเศสภาษาโปรตุเกส ฯลฯ ในตำแหน่งล่าม จนกระทั่งได้กลายมาเป็นสมุหเสนา หรือคอนสแตนตินฟอ ลคอน



































การแปล กรุณารอสักครู่..
ผลลัพธ์ (ไทย) 3:[สำเนา]
คัดลอก!
ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ( พ . ศ . ๒๑๙๙ - ๒๒๓๑ ) ลพบุรีได้รับการทำนุบำรุงครั้งใหญ่สืบเนื่องมาจากการคุกคามของชนชาติฮอลันดาที่ติดต่อค้าขายกับไทย . . . . . . .ด้วยเหตุนี้จึงทำให้สมเด็จพระนารายณ์ทรงเห็นว่ากรุงศรีอยุธยานั้นไม่สู้ปลอดภัยจากการปิดล้อมระดมยิงของข้าศึกหากเกิดสงครามจึงได้สร้างเมืองลพบุรีเป็นราชธานีที่สองขึ้นเพราะลพบุรีมีลักษณะทางยุทธศาสตร์เหมาะสมในการสร้างลพบุรีขึ้นใหม่สมเด็จพระนารายณ์มหาราชทรงได้รับความช่วยเหลือจากช่างชาวฝรั่งเศสและอิตาเลียนและได้สร้างพระราชวังและป้อมปราการเป็นแนวป้องกันอย่างแข็งแรงสมเด็จพระนารายณ์มหาราชได้ประทับอยู่ที่ลพบุรีเป็นส่วนใหญ่และโปรดให้ทูตและชาวต่างประเทศเข้าเฝ ้าพระองค์ที่เมืองนี้หลายครั้งเมื่อสิ้นรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ฯแล้วลพบุรีก็หมดความสำคัญลงสมเด็จพระเพทราชาได้ทรงย้ายหน่วยราชการทั้งหมดกลับกรุงศรีอยุธยาและในรัชกาลต่อๆมาก็ไม่ได้เสด็จมาประทับที่เมืองนี้อีกจนกระทั่งถึงรัชกาลที่โตเกียวแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ the พ . ศ . ๒๔๐๖โปรดฯให้บูรณะเมืองลพบุรีซ่อมกำแพงป้อมและประตูพระราชวังที่ชำรุดทรุดโทรมและสร้างพระที่นั่งพิมานมงกุฎขึ้นในพระราชวังเป็นที่ประทับพร้อมกับพระราชทานว่า " พระนารายณ์นิเวศน์ " ลพบุรีจึงแปรสภาพเป็นเมืองสำคัญวาระหนึ่งภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองลพบุรีได้รับการทำนุบำรุงอีกครั้งหนึ่งในสมัยรัฐบาลจอมพลป . พิบูลสงครามซึ่งได้สร้างเมืองลพบุรีใหม่อันเป็นเมืองทหารอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของทางรถไฟมีอาณาเขตกว้างขวางส่วนเมืองเก่านั้นอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของทางรถไฟเมืองลพบุรีจึงเป็นศูนย์กลางสำคัญทางยุทธศาสตร์เมืองหนึ่งในปัจจุบันนี้" บ้านวิชาเยนทร์ " ค็อค " บ้านหลวงรับราชทูต " ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของพระนารายณ์ราชนิเวศน์สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเนื่องจากสถานการณ์ที่นี้เป็นที่พำนักของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ขุนนางสำคัญในสมัยนั้นจึงได้ชื่อว่า " บ้านวิชาเยนทร์ "นอกจากนี้เนื่องจากเมื่อครั้งทูตจากประเทศฝรั่งเศสชุดแรกที่เข้ามาเมื่อปี
การแปล กรุณารอสักครู่..
 
ภาษาอื่น ๆ
การสนับสนุนเครื่องมือแปลภาษา: กรีก, กันนาดา, กาลิเชียน, คลิงออน, คอร์สิกา, คาซัค, คาตาลัน, คินยารวันดา, คีร์กิซ, คุชราต, จอร์เจีย, จีน, จีนดั้งเดิม, ชวา, ชิเชวา, ซามัว, ซีบัวโน, ซุนดา, ซูลู, ญี่ปุ่น, ดัตช์, ตรวจหาภาษา, ตุรกี, ทมิฬ, ทาจิก, ทาทาร์, นอร์เวย์, บอสเนีย, บัลแกเรีย, บาสก์, ปัญจาป, ฝรั่งเศส, พาชตู, ฟริเชียน, ฟินแลนด์, ฟิลิปปินส์, ภาษาอินโดนีเซี, มองโกเลีย, มัลทีส, มาซีโดเนีย, มาราฐี, มาลากาซี, มาลายาลัม, มาเลย์, ม้ง, ยิดดิช, ยูเครน, รัสเซีย, ละติน, ลักเซมเบิร์ก, ลัตเวีย, ลาว, ลิทัวเนีย, สวาฮิลี, สวีเดน, สิงหล, สินธี, สเปน, สโลวัก, สโลวีเนีย, อังกฤษ, อัมฮาริก, อาร์เซอร์ไบจัน, อาร์เมเนีย, อาหรับ, อิกโบ, อิตาลี, อุยกูร์, อุสเบกิสถาน, อูรดู, ฮังการี, ฮัวซา, ฮาวาย, ฮินดี, ฮีบรู, เกลิกสกอต, เกาหลี, เขมร, เคิร์ด, เช็ก, เซอร์เบียน, เซโซโท, เดนมาร์ก, เตลูกู, เติร์กเมน, เนปาล, เบงกอล, เบลารุส, เปอร์เซีย, เมารี, เมียนมา (พม่า), เยอรมัน, เวลส์, เวียดนาม, เอสเปอแรนโต, เอสโทเนีย, เฮติครีโอล, แอฟริกา, แอลเบเนีย, โคซา, โครเอเชีย, โชนา, โซมาลี, โปรตุเกส, โปแลนด์, โยรูบา, โรมาเนีย, โอเดีย (โอริยา), ไทย, ไอซ์แลนด์, ไอร์แลนด์, การแปลภาษา.

Copyright ©2024 I Love Translation. All reserved.

E-mail: