Between 1640 and 1650, working with

Between 1640 and 1650, working with Riccioli, he investigated the free fall of objects, confirming that the distance of fall was proportional to the square of the time taken. Grimaldi and Riccioli also made a calculation of the gravitational constant by recording the oscillations of an accurate pendulum.[2]

In astronomy, he built and used instruments to measure lunar mountains as well as the height of clouds, and drew an accurate map or, selenograph, which was published by Riccioli and now adorns the entrance to the National Air and Space Museum in Washington D.C.

He was the first to make accurate observations on the diffraction of light[3][4] (although by some accounts Leonardo da Vinci had earlier noted it[5]), and coined the word 'diffraction'. Through experimentation he was able to demonstrate that the observed passage of light could not be reconciled with the idea that it moved in a rectilinear path. Rather, the light that passed through the hole took on the shape of a cone. Later physicists used his work as evidence that light was a wave, and Isaac Newton used it to arrive at his more comprehensive theory of light. He also discovered what are known as diffraction bands.[6]

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ระหว่าง 1640 และ 1650 ทำงานกับ Riccioli เขาตรวจสอบตกอิสระของวัตถุ ยืนยันว่า ระยะลดลงเป็นสัดส่วนกับกำลังสองของเวลาที่ใช้ กรีมัลดีและ Riccioli ยังทำการคำนวณค่าคงที่ความโน้มถ่วง โดยบันทึกการแกว่งของลูกตุ้มถูกต้อง [2]ในทางดาราศาสตร์ เขาสร้าง และใช้เครื่องมือวัดภูเขาดวงจันทร์เป็นความสูงของเมฆ และวาดแผนที่ที่ต้องการ selenograph ซึ่งถูกเผยแพร่ โดย Riccioli และ adorns ตอนนี้ ทางเข้าอากาศแห่งชาติและพิพิธภัณฑ์อวกาศในวอชิงตันดีซีเขาเป็นคนแรกให้สังเกตที่ถูกต้องในการเลี้ยวเบนของแสง [3] [4] (แม้ ว่าบางบัญชี นชี Leonardo ได้ก่อนหน้านี้สังเกต it[5]) จังหวะคำว่า "การเลี้ยวเบน' ผ่านทดลอง เขาก็สามารถที่จะแสดงให้เห็นว่า ข้อสังเกตของแสงไม่สามารถกระทบยอดกับความคิดที่จะย้ายในเส้นทางเป็นเส้นตรง ค่อนข้าง แสงที่ผ่านรูเอารูปร่างของกรวย Physicists ต่อใช้งานของเขาเป็นหลักฐานว่า แสงเป็นคลื่น และไอแซคนิวตันใช้สู่ทฤษฎีของเขาครอบคลุมมากขึ้นของแสง เขายังพบว่าเป็นที่รู้จักกันเป็นแถบการเลี้ยวเบน [6]

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ระหว่าง 1640 และ 1650 การทำงานร่วมกับ Riccioli เขาสอบสวนฤดูใบไม้ร่วงฟรีของวัตถุที่ยืนยันว่าระยะทางของฤดูใบไม้ร่วงเป็นสัดส่วนกับตารางเวลาที่ถ่าย Grimaldi และ Riccioli ยังทำให้การคำนวณค่าคงที่แรงโน้มถ่วงโดยการบันทึกการแกว่งของลูกตุ้มที่ถูกต้อง. [2] ในดาราศาสตร์เขาสร้างและเครื่องมือที่ใช้ในการวัดภูเขาดวงจันทร์เช่นเดียวกับความสูงของเมฆและดึงแผนที่ที่ถูกต้องหรือ selenograph ซึ่งได้รับการตีพิมพ์โดย Riccioli และตอนนี้ประดับประดาทางเข้าพิพิธภัณฑ์การบินและอวกาศแห่งชาติในกรุงวอชิงตันดีซีเขาเป็นคนแรกที่จะทำให้ถูกต้องเกี่ยวกับการสังเกตการเลี้ยวเบนของแสง [3] [4] (แม้ว่าบางบัญชีเลโอนาร์โดดาวินชีมี ก่อนหน้านี้ตั้งข้อสังเกตว่ามัน [5]) และประกาศเกียรติคุณคำว่า 'เลนส์' ผ่านการทดลองเขาก็สามารถที่จะแสดงให้เห็นว่าทางเดินของแสงที่สังเกตไม่สามารถคืนดีกับความคิดที่ว่าจะย้ายไปอยู่ในเส้นทางที่เป็นเส้นตรง แต่แสงที่ผ่านหลุมเอารูปร่างของกรวย ต่อมานักฟิสิกส์ใช้การทำงานของเขาเป็นหลักฐานว่าแสงเป็นคลื่นและไอแซกนิวตันใช้มันที่จะมาถึงทฤษฎีของเขาที่ครอบคลุมมากขึ้นของแสง นอกจากนี้เขายังค้นพบสิ่งที่เรียกว่าวงดนตรีเลนส์. [6]

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

และระหว่าง 1640 1650 ทำงานกับ riccioli เขาศึกษาอยู่ฟรีของวัตถุยืนยันว่าระยะทางของฤดูใบไม้ร่วงเป็นปฏิภาคกับตารางเวลาที่ถ่าย และ Grimaldi riccioli ยังได้คำนวณค่าคงที่แรงโน้มถ่วงโดยบันทึกการสั่นของลูกตุ้มที่ถูกต้อง [ 2 ]

ในดาราศาสตร์ที่เขาสร้างขึ้น และใช้เครื่องมือวัดภูเขาจันทรคติเช่นเดียวกับความสูงของเมฆ และ วาดแผนที่ที่ถูกต้องหรือ selenograph ซึ่งได้รับการตีพิมพ์โดย riccioli และขณะนี้ adorns ทางเข้าพิพิธภัณฑ์อากาศและอวกาศแห่งชาติในวอชิงตัน ดี.ซี.

เขาเป็นคนแรกที่ทำให้การสังเกตที่ถูกต้องเกี่ยวกับการเลี้ยวเบนของแสง [ 3 ] [ 4 ] ( แม้ว่าโดยบางบัญชี เลโอนาร์โด ดา วินชี ก่อนหน้านี้ได้ระบุไว้ [ 5 ] ) และใช้คำว่า ' เลนส์ ' ผ่านการทดลอง เขาก็สามารถที่จะแสดงให้เห็นว่า ลักษณะทางเดินของแสงจะไม่คืนดีกับความคิดที่มันเดินไปในเส้นทางเคลื่อนที่เป็นเส้นตรง . ค่อนข้างแสงที่ผ่านรูเอารูปร่างของกรวย นักฟิสิกส์ใช้ในภายหลังงานของเขาเป็นหลักฐานว่าแสงเป็นคลื่น และ ไอแซค นิวตันใช้มันถึงทฤษฎีที่ครอบคลุมมากขึ้นของแสง นอกจากนี้เขายังค้นพบสิ่งที่เรียกว่า [ 6 ] โดยวงดนตรี