The politics system of Thailand The

The politics system of Thailand
The politics of Thailand are currently conducted within the framework of a constitutional monarchy, whereby the Prime Minister is the head of government and a hereditary monarch is head of state. The judiciary is independent of the executive and the legislative branches. Thailand is a constitutional monarchy with a democratically elected bicameral legislature.
Thai kingdoms and the late Kingdom of Siam were under absolute rule of the kings. However, after the 'democratic revolution' in 1932, led by westernize bureaucrats and traditional-oriented military, the country officially became under a constitutional monarchy with a prime minister as the head of government. The first written constitution was issued. Yet the politics became the arena of fighting factions among old and new elites, bureaucrats, and generals. Coups happened from time to time, often bringing the country under the rule of yet another junta. To date Thailand has had seventeen charters and constitutions, reflecting a high degree of political instability. After successful coups, military regimes have abrogated existing constitutions and promulgated interim charters. Negotiation among politicians, men of influence and generals has become the prime factor for restoration of temporary political stability.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ระบบการเมืองของประเทศไทย
การเมืองของประเทศไทยอยู่ในขณะนี้จะดำเนินการภายใต้กรอบของระบอบรัฐธรรมนูญโดยนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาลและพระมหากษัตริย์ทางพันธุกรรมเป็นประมุขแห่งรัฐ ตุลาการเป็นอิสระจากผู้บริหารและสาขากฎหมาย ประเทศไทยเป็นระบอบรัฐธรรมนูญกับฝ่ายนิติบัญญัติที่มีสองสภามาจากการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย.
ราชอาณาจักรไทยและราชอาณาจักรในช่วงปลายของ siam อยู่ภายใต้ระบอบการปกครองของพระมหากษัตริย์ แต่หลังจากการปฏิวัติประชาธิปไตยในปี 1932 นำโดยข้าราชการทหารทำให้เป็นเหมือนตะวันตกและแบบดั้งเดิมที่มุ่งเน้นประเทศอย่างเป็นทางการกลายเป็นภายใต้ระบอบรัฐธรรมนูญที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาล ออกครั้งแรกที่เขียนรัฐธรรมนูญแต่การเมืองกลายเป็นเวทีของการต่อสู้ระหว่างกลุ่มเก่าและใหม่ชนชั้นข้าราชการและนายพล รัฐประหารที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวมักจะนำประเทศภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหารยังอีก วันที่ประเทศไทยได้มีสิบเจ็ดเทอร์และรัฐธรรมนูญสะท้อนให้เห็นถึงระดับสูงของความไม่แน่นอนทางการเมือง หลังจากรัฐประหารที่ประสบความสำเร็จทหารปกครองได้ยกเลิกรัฐธรรมนูญที่มีอยู่และประกาศใช้เทอร์กาล การเจรจาต่อรองในหมู่นักการเมืองคนมีอิทธิพลและนายพลได้กลายเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการฟื้นฟูเสถียรภาพทางการเมืองชั่วคราว.

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ระบบการเมืองของไทย
การเมืองของไทยจะดำเนินการภายในกรอบของระบอบรัฐธรรมนูญ โดยนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าของรัฐบาล และพระมหากษัตริย์รัชทายาทแห่งเป็นประมุขในปัจจุบัน ตุลาการเป็นอิสระของผู้บริหารและสาขาสภา ประเทศไทยเป็นระบอบรัฐธรรมนูญกับทูลเกล้าทูลกระหม่อม bicameral ป่าว democratically.
อาณาจักรไทยและราชอาณาจักรสยามปลายอยู่ภายใต้กฎสัมบูรณ์ของกษัตริย์ อย่างไรก็ตาม หลังจากการ "ปฏิวัติประชาธิปไตย" ในปี 1932 นำโดย westernize bureaucrats และทหารแบบแปลก ประเทศอย่างเป็นทางเป็นภายใต้ระบอบรัฐธรรมนูญมีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาล มีออกรัฐธรรมนูญเป็นลายลักษณ์อักษรครั้งแรก ยัง เมืองกลายเป็น เวทีการต่อสู้ฝ่ายระหว่างเก่า และใหม่ที่ร่ำรวย bureaucrats และนายพล รัฐประหารเกิดเวลา มักนำประเทศภายใต้การปกครองของรัฐบาลทหารจุนตาอีก วันที่ประเทศไทยได้มีบริการ 17 และ พ.ศ.2540 สะท้อนให้เห็นถึงความไม่มีเสถียรภาพทางการเมืองในระดับสูง หลังจากรัฐประหารที่ประสบความสำเร็จ ระบอบทหารมี abrogated อยู่ พ.ศ.2540 และ promulgated บริการชั่วคราว เจรจาต่อรองระหว่างนักการเมือง คนมีอิทธิพลและทหารได้กลายเป็น ปัจจัยสำคัญสำหรับการฟื้นฟูเสถียรภาพทางการเมืองชั่วคราว

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ระบบการเมืองของประเทศไทย
ตามมาตรฐานการเมืองของประเทศไทยที่มีการดำเนินการอยู่ในกรอบของรัฐธรรมนูญที่ระบบราชาธิปไตยโดยนายกรัฐมนตรีที่มีหัวของรัฐบาลและพระบารมีพระที่มีหัวของรัฐอยู่ในขณะนี้ ตุลาการที่จะเป็นอิสระของผู้บริหารและสาขาที่ สภานิติบัญญัติ แห่งชาติ ประเทศไทยมีระบบราชาธิปไตยศาลรัฐธรรมนูญพร้อมด้วยฝ่ายนิติบัญญัติ(องค์นิติบัญญัติ)ที่มีสอง สภา เลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย.
ราชอาณาจักรไทยและประเทศไทยช่วงดึกของสยามอยู่ ภายใต้ กฎข้อที่แท้จริงของกษัตริย์ อย่างไรก็ตามหลังจากการปฏิวัติประชาธิปไตย'ที่'ใน .1932 นำโดยเจ้าหน้าที่รัฐและทหาร westernize แบบดั้งเดิมตามแบบตะวันออกประเทศอย่างเป็นทางการแล้วก็กลายเป็นระบบราชาธิปไตย ภายใต้ รัฐธรรมนูญที่มีนายกรัฐมนตรีที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล รัฐธรรมนูญเขียนไว้เป็นครั้งแรกที่ออกแต่การเมืองที่กลายเป็นเวทีของการต่อสู้ระหว่างในหมู่ชนชั้นนำเก่าและใหม่เจ้าหน้าที่รัฐและนายพล รัฐประหารเกิดขึ้นจากในช่วงเวลาหนึ่งมักจะนำพาประเทศที่อยู่ ภายใต้ กฎของอีกฝ่ายทหาร ในวันที่ประเทศไทยมีสิบเจ็ด)และบริการเช่าเรือเพื่อสะท้อนถึงระดับที่สูงมากของความไม่แน่นอนทางการเมือง หลังจากประสบความสำเร็จทำรัฐประหารรัฐบาลทหารได้ถูกคณะรัฐประหารยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่มีอยู่และบริการเช่าเรือเพื่อประกาศใช้ การเจรจาต่อรองในหมู่คนของนักการเมืองระดับนายพลและมีอิทธิพลต่อได้กลายเป็นปัจจัยที่ดีเยี่ยมเพื่อรับการปรับปรุงใหม่ในความมั่นคงทางการเมืองชั่วคราว.