The ingredients listed (spirits, su

The ingredients listed (spirits, sugar, water, and bitters) match the ingredients of an Old Fashioned,[13] which originated as a term used by late 19th century bar patrons to distinguish cocktails made the “old-fashioned” way from newer, more complex cocktails.[14]

The term highball appears during the 1890s to distinguish a drink composed only of a distilled spirit and a mixer.[15]

The first "cocktail party" ever thrown was allegedly by Mrs. Julius S. Walsh Jr. of St. Louis, Missouri, in May 1917. Mrs. Walsh invited 50 guests to her home at noon on a Sunday. The party lasted an hour, until lunch was served at 1 pm. The site of this first cocktail party still stands. In 1924, the Roman Catholic Archdiocese of St. Louis bought the Walsh mansion at 4510 Lindell Boulevard, and it has served as the local archbishop's residence ever since.[16]

During Prohibition in the United States (1919–1933), when alcoholic beverages were illegal, cocktails were still consumed illegally in establishments known as speakeasies. The quality of liquor available during Prohibition was much worse than previously.[17] There was a shift from whiskey to gin, which does not require aging and is therefore easier to produce illicitly.[18] Honey, fruit juices, and other flavorings served to mask the foul taste of the inferior liquors. Sweet cocktails were easier to drink quickly, an important consideration when the establishment might be raided at any moment.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จับคู่ส่วนผสมอยู่ (สุรา น้ำตาล น้ำ และ bitters) ส่วนผสมของตัวเก่าแบบ, [13] ซึ่งมาเป็นคำที่ใช้เพื่อแยกค็อกเทล โดยนั่งแถบปลายศตวรรษที่ 19 ทำให้ทาง "ไม" จากค็อกเทลใหม่ ซับซ้อน [14]Highball ระยะระหว่างช่วงปี 1890 สื่อเพื่อแยกส่วนประกอบเฉพาะของจิตวิญญาณการกลั่นและการผสมเครื่องดื่มแล้ว [15]แบบแรก "ปาร์ตี้ค็อกเทล" เคยโยนได้หลัง โดยนางจูเลีย S. วอลช์จูเนียร์ของ St. Louis มิสซูรี ใน 1917 พฤษภาคม นางวอลช์เชิญแขก 50 ถึงบ้านเที่ยงในวันอาทิตย์ ฝ่ายกินเวลาเป็นชั่วโมง จนกระทั่งกลางวันแนะนำที่ 1 pm ไซต์ของปาร์ตี้ค็อกเทลนี้แรกที่ยังคงยืนอยู่ ใน 1924 โรมันคาทอลิก Archdiocese ของ St. Louis ซื้อแมนชั่นสวีที่ 4510 Lindell บูเลอวาร์ด และมันได้ทำหน้าที่เป็นอาศัยในถิ่นอาร์ชบิชอปแห่งของนับ [16]ระหว่าง Prohibition ในสหรัฐอเมริกา (ค.ศ. 1919 – 1933), เมื่อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ไม่ถูกต้อง ค็อกเทลยังใช้ผิดกฎหมายในสถานประกอบการที่เรียกว่า speakeasies คุณภาพของเหล้าช่วง Prohibition เลวร้ายยิ่งกว่าก่อนหน้านี้มาก [17] มีกะจากวิสกี้จะกิน ไม่จำเป็นต้องอายุ และจึงง่ายต่อการผลิต illicitly [18] น้ำผึ้ง ผลไม้ และ flavorings อื่น ๆ เพื่อหน้ากากเหม็นรสชาติของเหล้าน้อย ค็อกเทลหวานง่ายต่อการดื่มอย่างรวดเร็ว การพิจารณาสำคัญที่เมื่อก่อตั้งอาจถูกเอกชนตลอดเวลาได้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ส่วนผสมที่ระบุไว้ (สุรา, น้ำตาล, น้ำและขม) ตรงกับส่วนผสมของ Old Fashioned ที่ [13] ซึ่งมาเป็นคำที่ใช้ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ผู้อุปถัมภ์บาร์ที่จะแยกแยะค็อกเทลทำ "ล้าสมัย" ทางเดียวจากใหม่ที่ เครื่องดื่มค็อกเทลที่ซับซ้อนมากขึ้น. [14] highball คำที่ปรากฏในช่วงยุค 1890 ที่จะแยกแยะเครื่องดื่มประกอบด้วยเฉพาะของจิตวิญญาณและการกลั่นผสมได้. [15] ครั้งแรกที่ "งานเลี้ยงค็อกเทล" ที่เคยถูกกล่าวหาว่าโยนโดยนางจูเลียสเอสวอลช์จูเนียร์ เซนต์หลุยส์รัฐมิสซูรี่ในเดือนพฤษภาคม 1917 นางวอลช์เชิญแขก 50 ที่บ้านของเธอในตอนเที่ยงวันอาทิตย์ บุคคลที่กินเวลานานเป็นชั่วโมงจนถูกเสิร์ฟอาหารกลางวันที่ 01:00 เป็นที่ตั้งของงานเลี้ยงค็อกเทลนี้เป็นครั้งแรกยังคงยืนอยู่ ในปี 1924, อัครสังฆมณฑลคาทอลิกเซนต์หลุยส์ซื้อคฤหาสน์วอลช์ที่ 4510 ถนนลินเดลล์และจะได้ทำหน้าที่เป็นที่อยู่อาศัยของอาร์คบิชอปท้องถิ่นนับตั้งแต่. [16] ในช่วงห้ามในประเทศสหรัฐอเมริกา (1919-1933) เมื่อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถูกที่ผิดกฎหมายเครื่องดื่มค็อกเทลที่ได้รับการบริโภคยังคงผิดกฎหมายในสถานประกอบการที่รู้จักกันในตลาดมืด คุณภาพของสุราที่มีอยู่ระหว่างห้ามเป็นมากยิ่งกว่าก่อนหน้านี้. [17] มีการเปลี่ยนแปลงจากวิสกี้จินเป็นซึ่งไม่จำเป็นต้องมีริ้วรอยและดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะผลิตอย่างผิดกฏหมาย. [18] น้ำผึ้งน้ำผลไม้และรสอื่น ๆ ที่ทำหน้าที่ หน้ากากรสชาติเหม็นของสุรารองลงไป เครื่องดื่มค็อกเทลหวานได้ง่ายขึ้นที่จะดื่มได้อย่างรวดเร็วการพิจารณาที่สำคัญเมื่อสถานประกอบการอาจจะมีการบุกเข้าไปในช่วงเวลาใด