Sharply limit direct cooperation am

Sharply limit direct cooperation among industry rivals. The most pervasive global policy fad in the competitiveness arena today is the call for more co- operative research and industry consortia. Operating on the belief that independent research by rivals is wasteful and that collaborative efforts achieve economies of scale, companies are likely to under invest in R&D because they cannot reap all the benefits, governments have braced the idea of more direct cooperation. In the United States, antitrust laws have been modified to allow more cooperative RA in Europe, mega projects such as ESPRIT, an information-technology project, bring together companies from several countries. Lurking behind much of this thinking is the fascination of Western governments with and fundamental misunderstanding of the countless cooperative research projects sponsored by the Ministry of International Trade and Industry (MITI), projects that appear to have contributed to Japan's competitive rise.
But a closer look at Japanese cooperative projects suggests a different story. Japanese companies participate in MITI projects to maintain good relations with MITI, to preserve their corporate images, and to hedge the risk that competitors will gain from the project largely defensive reasons. Companies rarely contribute their best scientists and engineers to cooperative projects and usually spend much more on their own private research in the same field. Typically, the government makes only a modest financial contribution to the project. The real value of Japanese cooperative research is to signal the importance of emerging technical areas and to stimulate proprietary company research. Cooperative projects prompt companies to explore new fields and boost R&D spending companies know that their domestic rivals are investigating them.
Under certain limited conditions, cooperative re search can prove beneficial. Projects should be in areas of basic product and process research, not in subjects closely connected to a company's proprietary sources of advantage. They should constitute only a modest portion of a company's overall research program in any given field. Cooperative research should be only indirect, channeled through independent organizations to which most industry participants have access. Organizational structures, like university labs and centers of excellence, reduce management problems and minimize the risk to rivalry. Finally, the most useful cooperative projects often involve fields that touch a number of industries and that require substantial R&D investments.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

จำกัดความร่วมมือโดยตรงระหว่างคู่แข่งอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว แฟชั่นตัวชุมชนที่แพร่หลายมากที่สุดในเวทีการแข่งขันวันนี้ได้เรียกร้องเพิ่มเติมผ่าตัดบริษัทวิจัยและอุตสาหกรรมจังหวัด ทำงานบนความเชื่อว่างานวิจัยอิสระคู่แข่ง wasteful และว่า ความพยายามร่วมกันให้บรรลุเศรษฐกิจของขนาด บริษัทอาจจะอยู่ภายใต้การลงทุนใน R & D เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทั้งหมด รัฐบาลได้ค้ำยันแนวคิดของความร่วมมือโดยตรงมากขึ้น ในสหรัฐอเมริกา กฎหมายผูกขาดมีการปรับเปลี่ยนให้ RA สหกรณ์ขึ้นในยุโรป ร็อคโครงการเช่นเครือ ESPRIT โครงการเทคโนโลยีสารสนเทศการ รวบรวมบริษัทจากหลายประเทศ ซุ่มซ่อนอยู่เบื้องหลังของความคิดนี้คือเสน่ห์ของรัฐบาลตะวันตกด้วย และเข้าใจผิดพื้นฐานของโครงการความร่วมมือวิจัยมากมายสนับสนุน โดยกระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรม (MITI), โครงการที่จะมีส่วนของญี่ปุ่นแข่งขันเพิ่มขึ้นแต่โครงการสหกรณ์ญี่ปุ่นแนะนำเรื่องต่าง ๆ บริษัทญี่ปุ่นเข้าร่วมในโครงการ MITI เพื่อรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับ MITI เก็บรูปภาพของบริษัท และกั้นความเสี่ยงที่คู่แข่งจะได้รับจากโครงการส่วนใหญ่ป้องกันสาเหตุ บริษัทไม่ค่อยสนับสนุนนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรโครงการสหกรณ์ความดี และมักจะใช้มากในการวิจัยส่วนตัวของตนเองในฟิลด์เดียวกัน โดยปกติ รัฐบาลทำให้เฉพาะเจียมเนื้อเจียมตัวเงินร่วมโครงการ มูลค่าแท้จริงของงานวิจัยสหกรณ์ญี่ปุ่นเป็นสัญญาณสำคัญของพื้นที่ทางเทคนิคที่เกิดขึ้น และกระตุ้นการวิจัยบริษัทกรรมสิทธิ์ โครงการสหกรณ์บริษัทพร้อมท์เพื่อสำรวจเขตข้อมูลใหม่ และเพิ่ม R & D ที่บริษัทใช้จ่ายรู้ว่า คู่แข่งภายในประเทศของพวกเขาจะตรวจสอบพวกเขาภายใต้เงื่อนไขจำกัด สหกรณ์กำลังค้นหาสามารถพิสูจน์ประโยชน์ โครงการควรจะอยู่ในพื้นที่ของผลิตภัณฑ์พื้นฐานและกระบวนการวิจัย ไม่ติดกับแหล่งที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทความได้เปรียบเรื่อง พวกเขาควรเป็นเฉพาะส่วนของบริษัทโดยรวมวิจัยโปรแกรมในฟิลด์ใด ๆ กำหนดเจียมเนื้อเจียมตัว งานวิจัยสหกรณ์ควรเท่าอ้อม จอผ่านองค์กรอิสระเพื่ออุตสาหกรรมซึ่งส่วนใหญ่ผู้เข้าร่วมสามารถเข้า โครงสร้างองค์กร มหาวิทยาลัย labs และศูนย์ความเป็นเลิศ ลดปัญหาการจัดการ และลดความเสี่ยงจากการแข่งขัน สุดท้าย โครงการสหกรณ์ประโยชน์มากที่สุดมักจะเกี่ยวข้องกับเขต ข้อมูลที่สัมผัสจำนวนอุตสาหกรรมที่ต้องลงทุน R & D พบ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

อย่างรวดเร็ว จำกัด ความร่วมมือโดยตรงในหมู่คู่แข่งในอุตสาหกรรม แฟชั่นนโยบายระดับโลกที่แพร่หลายมากที่สุดในเวทีการแข่งขันในวันนี้คือการเรียกร้องสำหรับการวิจัยการผ่าตัดร่วมมากขึ้นและไพรีอุตสาหกรรม ดำเนินงานเกี่ยวกับความเชื่อที่ว่าการวิจัยอิสระโดยคู่แข่งคือสิ้นเปลืองและการทำงานร่วมกันว่ามีความพยายามให้บรรลุการประหยัดจากขนาดของ บริษัท มีแนวโน้มที่จะอยู่ภายใต้การลงทุนใน R & D เพราะพวกเขาไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทั้งหมดที่รัฐบาลมีการค้ำยันความคิดของความร่วมมือโดยตรงมากขึ้น ในประเทศสหรัฐอเมริกา, กฎหมายต่อต้านการผูกขาดได้รับการแก้ไขเพื่อให้ RA ความร่วมมือมากขึ้นในยุโรปโครงการขนาดใหญ่เช่น ESPRIT, โครงการเทคโนโลยีสารสนเทศนำ บริษัท เข้าด้วยกันจากหลายประเทศ ที่ซุ่มซ่อนอยู่เบื้องหลังมากของความคิดนี้จะมีเสน่ห์ของรัฐบาลตะวันตกที่มีและความเข้าใจผิดพื้นฐานของโครงการวิจัยที่ร่วมมือกันนับไม่ถ้วนได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรม (MITI) โครงการที่ดูเหมือนจะมีส่วนร่วมในการเพิ่มขึ้นในการแข่งขันของประเทศญี่ปุ่น.
แต่มองใกล้ โครงการความร่วมมือญี่ปุ่นแสดงให้เห็นเรื่องที่แตกต่าง บริษัท ญี่ปุ่นที่มีส่วนร่วมในโครงการ MITI จะรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับ MITI เพื่อรักษาภาพขององค์กรของพวกเขาและเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่คู่แข่งจะได้รับจากโครงการส่วนใหญ่เหตุผลที่การป้องกัน บริษัท ไม่ค่อยมีส่วนร่วมในนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรที่ดีที่สุดของพวกเขาให้กับโครงการความร่วมมือและมักจะใช้จ่ายมากขึ้นในการวิจัยส่วนตัวของตัวเองในสาขาเดียวกัน โดยปกติแล้วรัฐบาลทำให้เพียงผลงานที่เจียมเนื้อเจียมตัวทางการเงินให้กับโครงการ มูลค่าที่แท้จริงของการวิจัยสหกรณ์ญี่ปุ่นที่จะส่งสัญญาณถึงความสำคัญของพื้นที่ทางเทคนิคที่เกิดขึ้นใหม่และเพื่อกระตุ้นให้เกิดการวิจัยของ บริษัท ที่เป็นกรรมสิทธิ์ บริษัท พรอมต์โครงการความร่วมมือกันในการสำรวจช่องใหม่และเพิ่มการวิจัยและพัฒนา บริษัท รู้ว่าการใช้จ่ายภายในประเทศคู่แข่งของพวกเขาจะตรวจสอบพวกเขา.
ภายใต้เงื่อนไขที่ จำกัด บางประการสหกรณ์ค้นหาใหม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นประโยชน์ โครงการควรจะอยู่ในพื้นที่ของผลิตภัณฑ์ขั้นพื้นฐานและขั้นตอนการวิจัยไม่ได้อยู่ในวิชาที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับแหล่งที่มาของ บริษัท ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของการได้เปรียบ พวกเขาควรจะเป็นเพียงส่วนเล็กน้อยของโครงการวิจัยโดยรวมของ บริษัท ในด้านใดก็ตาม วิจัยสหกรณ์ควรจะเป็นทางอ้อมเท่านั้นช่องทางผ่านองค์กรอิสระเพื่อที่ผู้เข้าร่วมมากที่สุดในอุตสาหกรรมที่มีการเข้าถึง โครงสร้างองค์กรเช่นห้องปฏิบัติการมหาวิทยาลัยและศูนย์ความเป็นเลิศลดปัญหาการจัดการและลดความเสี่ยงที่จะแข่งขัน ในที่สุดโครงการความร่วมมือกันมีประโยชน์มากที่สุดมักจะเกี่ยวข้องกับสาขาที่สัมผัสจำนวนของอุตสาหกรรมและที่สำคัญที่จำเป็นต้องลงทุน R & D

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ความร่วมมือระหว่างคู่แข่งโดยตรงอย่าง จำกัด อุตสาหกรรม ที่แพร่หลายมากที่สุดทั่วโลกนโยบาย fad ในเวทีการแข่งขันวันนี้จะเรียกเพิ่มเติม Co - วิจัยการผ่าตัดและ consortia อุตสาหกรรม ปฏิบัติการบนความเชื่อที่ว่า การค้นคว้าอิสระ โดยคู่แข่งเป็นการสิ้นเปลือง และความพยายามร่วมกันให้บรรลุเศรษฐกิจของขนาดภายใต้ บริษัท มีแนวโน้มที่จะลงทุนใน R & D เพราะพวกเขาไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทั้งหมด รัฐบาลต้องพยุงความคิดของความร่วมมือโดยตรงมากขึ้น ในสหรัฐอเมริกา , กฎหมายการป้องกันการผูกขาดได้รับการแก้ไขเพื่อให้สหกรณ์มากขึ้น ราในยุโรป , โครงการขนาดใหญ่เช่น Esprit , เทคโนโลยีสารสนเทศโครงการ รวบรวม บริษัท จากหลายประเทศเบื้องหลังของความคิดนี้คือเสน่ห์ของตะวันตกกับรัฐบาลและเข้าใจพื้นฐานของนับไม่ถ้วนสหกรณ์โครงการวิจัยสนับสนุนโดยกระทรวงการค้าระหว่างประเทศและอุตสาหกรรม ( มิติ ) , โครงการที่ปรากฏที่จะมีส่วนในการแข่งขันเพิ่มขึ้นของญี่ปุ่น .
แต่ดูโครงการสหกรณ์ญี่ปุ่นแสดงให้เห็นเรื่องราวที่แตกต่างกันบริษัท ญี่ปุ่นเข้าร่วมในโครงการมิติการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับมิติภาพองค์กรของตน เพื่อรักษา และป้องกันความเสี่ยงที่คู่แข่งจะได้รับจากโครงการ เหตุผลส่วนใหญ่รับ บริษัทไม่ค่อยสนับสนุนนักวิทยาศาสตร์ที่ดีที่สุดและวิศวกรโครงการสหกรณ์และมักจะใช้จ่ายมากขึ้นในการวิจัยส่วนบุคคลของพวกเขาเองในเขตข้อมูลเดียวกัน โดยทั่วไปแล้วรัฐบาลทำให้เพียงเจียมเนื้อเจียมตัว เงินสนับสนุนโครงการ มูลค่าที่แท้จริงของการวิจัยสหกรณ์ญี่ปุ่นคือ สัญญาณทางเทคนิคที่เกิดขึ้นและความสำคัญของพื้นที่เพื่อกระตุ้นให้เกิดการวิจัย บริษัท ที่เป็นกรรมสิทธิ์ . โครงการความร่วมมือให้บริษัทสำรวจเขตข้อมูลใหม่ และเพิ่ม R & D ใช้บริษัท ทราบว่าคู่แข่งในประเทศของพวกเขาจะตรวจสอบพวกเขา .
ภายใต้เงื่อนไขจำกัดบางอย่าง ค้นหาเป็นสหกรณ์สามารถพิสูจน์เป็นประโยชน์ โครงการควรอยู่ในพื้นที่ของผลิตภัณฑ์ขั้นพื้นฐานและกระบวนการวิจัย ไม่ใช่ในระดับที่ใกล้ชิดกับของ บริษัท ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของแหล่งที่มาของความได้เปรียบ พวกเขาควรเป็นเพียงส่วนหนึ่งของโครงการวิจัยรวมเจียมเนื้อเจียมตัวของบริษัทในเขตใดก็ตาม วิจัยควรมีเพียงทางอ้อมchanneled ผ่านองค์กรอิสระที่เข้าร่วมอุตสาหกรรมส่วนใหญ่มีการเข้าถึง โครงสร้างองค์การ เช่น มหาวิทยาลัย Labs และศูนย์ความเป็นเลิศ ลดปัญหาการจัดการและลดความเสี่ยงที่จะเกิด . ในที่สุด โครงการสหกรณ์มีประโยชน์มากที่สุดมักจะเกี่ยวข้องกับเขตข้อมูลที่จำนวนของอุตสาหกรรมและต้องการอย่างมาก R & D เงินลงทุน