StaffBranch relation shown in Figur

StaffBranch relation shown in Figure 13.3. The determinants for these functional depen- dencies are staffNo, branchNo, bAddress, (branchNo, position), and (bAddress, position). To identify the candidate key(s) for the StaffBranch relation, we must identify the attrib- ute (or group of attributes) that uniquely identifies each tuple in this relation. If a relation has more than one candidate key, we identify the candidate key that is to act as the primary key for the relation (see Section 3.2.5). All attributes that are not part of the primary key (non-primary-key attributes) should be functionally dependent on the key. The only candidate key of the StaffBranch relation, and therefore the primary key, is staffNo, as all other attributes of the relation are functionally dependent on staffNo. Although branchNo, bAddress, (branchNo, position), and (bAddress, position) are determinants in this relation, they are not candidate keys for the relation.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความสัมพันธ์ทาง StaffBranch ที่แสดงในรูปที่ 13.3 ดีเทอร์มิแนนต์สำหรับเหล่านี้ทำงาน depen-dencies มี staffNo, branchNo, bAddress (branchNo ตำแหน่ง), และ (bAddress ตำแหน่ง) ระบุคีย์ตัวเลือกสำหรับความสัมพันธ์ StaffBranch เราต้องระบุ attrib-ute (หรือกลุ่มของแอตทริบิวต์) ที่ไม่ซ้ำกัน identifies แต่ละทูเพิลในความสัมพันธ์นี้ ถ้าความสัมพันธ์มีมากกว่าหนึ่งตัวเลือกคีย์ เราระบุหมายเลขผู้สมัครที่จะทำหน้าที่เป็นคีย์หลักสำหรับความสัมพันธ์ (ดูหัวข้อ 3.2.5) แอตทริบิวต์ทั้งหมดที่เป็นส่วนหนึ่งของคีย์หลัก (แอตทริบิวต์ไม่ใช่คีย์หลัก) ไม่ ควรมีฟังก์ชันที่ขึ้นอยู่กับคีย์ สำคัญผู้สมัครเฉพาะของความสัมพันธ์ StaffBranch และคีย์หลัก เป็น staffNo เป็นคุณลักษณะอื่น ๆ ของความสัมพันธ์จะขึ้นอยู่กับฟังก์ชัน staffNo แม้ว่า branchNo, bAddress, (branchNo ตำแหน่ง), และ (bAddress ตำแหน่ง) เป็นดีเทอร์มิแนนต์ในความสัมพันธ์นี้ พวกเขาจะไม่คีย์ตัวเลือกสำหรับความสัมพันธ์การ

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความสัมพันธ์ StaffBranch แสดงในรูปที่ 13.3 ปัจจัยเหล่านี้ทำงาน dencies-depen เป็น staffNo, branchNo, bAddress, (branchNo ตำแหน่ง) และ (bAddress ตำแหน่ง) ที่สำคัญในการระบุผู้สมัคร (s) สำหรับความสัมพันธ์ StaffBranch เราต้องระบุ attrib-มาหา (หรือกลุ่มของคุณลักษณะ) ที่ระบุแต่ละ tuple ในความสัมพันธ์นี้ ถ้าความสัมพันธ์ที่สำคัญมีผู้สมัครมากกว่าหนึ่งเราระบุที่สำคัญผู้สมัครที่จะทำหน้าที่เป็นคีย์หลักสำหรับความสัมพันธ์ (ดูมาตรา 3.2.5) คุณสมบัติทั้งหมดที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของคีย์หลัก (คุณลักษณะที่ไม่คีย์หลัก) ควรจะขึ้นอยู่กับการทำงานที่สำคัญ ที่สำคัญผู้สมัครคนเดียวของความสัมพันธ์ StaffBranch และดังนั้นจึงเป็นคีย์หลักเป็น staffNo เป็นคุณลักษณะอื่น ๆ ทั้งหมดของความสัมพันธ์ที่มีหน้าที่ขึ้นอยู่กับ staffNo แม้ว่า branchNo, bAddress, (branchNo ตำแหน่ง) และ (bAddress ตำแหน่ง) เป็นปัจจัยในความสัมพันธ์นี้พวกเขาจะไม่ได้คีย์ผู้สมัครสำหรับความสัมพันธ์

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

staffbranch ความสัมพันธ์ที่แสดงในรูปที่ 13.3 . ปัจจัยเหล่านี้เป็นหน้าที่ depen - dencies staffno branchno baddress , , , ( ตำแหน่ง branchno ) และ ( ตำแหน่ง baddress ) ต้องระบุคีย์คู่แข่ง ( s ) สำหรับ staffbranch ความสัมพันธ์ เราต้องระบุแอดทริบ - ute ( หรือกลุ่มของแอททริบิวต์ที่เป็นเอกลักษณ์จึง identi ES แต่ละ tuple ในความสัมพันธ์นี้ ถ้าความสัมพันธ์มีมากกว่าหนึ่งคีย์ผู้สมัครเราระบุผู้สมัครคีย์ที่เป็นคีย์หลักสำหรับความสัมพันธ์ ( ดูมาตรางานการ ) คุณลักษณะทั้งหมดที่ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของคีย์หลัก ( ที่ไม่ใช่คีย์หลักแอตทริบิวต์ ) ควรจะขึ้นอยู่กับหน้าที่ที่สำคัญ เฉพาะผู้สมัครที่สำคัญของ staffbranch ความสัมพันธ์ และดังนั้น คีย์หลักคือ staffno , ,เป็นแอตทริบิวต์อื่น ๆทั้งหมดของความสัมพันธ์จะขึ้นอยู่กับหน้าที่ staffno . แม้ว่า branchno baddress , ( ตำแหน่ง branchno ) และ ( ตำแหน่ง baddress ) เป็นปัจจัยในความสัมพันธ์นี้ พวกเขาไม่เลือกปุ่มสำหรับความสัมพันธ์ .