Oil demand over the near-term is li

Oil demand over the near-term is likely to remain lackluster, given slow economic growth in most of the developed world and emerging markets. Meanwhile, conservation measures and environmental pressures are reducing long-term oil demand. Oversupply is also likely to persist, at least for the foreseeable future.
Some argue that the oil prices have entered a new range of $20 to $60 per barrel.Others see the fall as temporary, seizing the opportunity to purchase assets cheaply.
Saudi Arabia and OPEC are unlikely to adjust production significantly. Oil minister Ali al-Naimi has pointedly stated that Saudi Arabia will not cut production even if oil prices US:CLG5 fall to $20 per barrel. It is a historical shift, emphasizing market share rather than high prices, by controlling supply. Underlying the strategy is the focus on allowing low cost, efficient oil producers to increase their market power.

As the world’s largest crude oil exporter, Saudi Arabia is well-placed to implement this long-term strategy. It commands 25% of the world’s oil reserves. It has invested to maintain 2 million barrels per day spare capacity (over 80% of global spare capacity). It also has about $900 billion in foreign assets, giving it the wherewithal to survive significant revenue declines from lower oil prices for an extended period.
One constraint to the Saudi strategy is political. Lower prices damage U.S. shale gas and oil producers, and the complex politics of the Saudi-U.S. relationship will dictate managing the market share of shale oil rather than eliminating it completely.

In addition, countries with a dependence on oil-related revenues will be forced to increase production to maintain cash flow. The U.S. shale oil industry has more capacity coming on-stream and is likely to increase production, despite economic pressures, focusing on cash flow rather than profitability. High-leverage and high-debt servicing commitments will drive this behavior.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ความต้องการน้ำมันมากกว่า near-term จะยังคง lackluster ให้เติบโตทางเศรษฐกิจช้าที่สุดของโลกพัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ ในขณะเดียวกัน มาตรการอนุรักษ์และสิ่งแวดล้อมความกดดันจะลดความต้องการน้ำมันระยะยาว นอกจากนี้ยังจะ oversupply มานะ น้อยสำหรับในอนาคตอันใกล้บางคนโต้แย้งว่า ราคาน้ำมันที่ได้ใส่ช่วงใหม่ของ $20 ถึง $60 ต่อบาร์เรลคนอื่นดูอยู่เป็นชั่วคราว โอกาสในการซื้อสินทรัพย์ย่านปฏิบัติการยึดสถานซาอุดิอาระเบียและน้ำมันไม่น่าจะปรับปรุงการผลิตอย่างมีนัยสำคัญ น้ำมันรัฐมนตรีอาลีอัล-Naimi มี pointedly ระบุว่า ซาอุดีอาระเบียจะไม่ตัดผลิตแม้ US:CLG5 ราคาน้ำมันตกไป $20 ต่อบาร์เรล กะประวัติศาสตร์ เน้นส่วนแบ่งตลาดมากกว่าราคาสูง โดยการควบคุมอุปทานได้ ต้นแบบกลยุทธ์จะเน้นให้ผู้ผลิตต้นทุนต่ำ ประหยัดน้ำมันเพื่อเพิ่มอำนาจตลาดส่งออกน้ำมันดิบที่ใหญ่ที่สุดในโลก ประเทศซาอุดีอาระเบียเป็นแห่งการใช้กลยุทธ์นี้ระยะยาว มันสั่ง 25% ของน้ำมันโลก จึงได้ลงทุนเพื่อรักษา 2 ล้านบาร์เรลต่อวันผลิตอะไหล่ (กว่า 80% ของกำลังการผลิตอะไหล่ส่วนกลาง) มีประมาณ 900 พันล้านเหรียญในสินทรัพย์ต่างประเทศ ให้มัน wherewithal เพื่อความอยู่รอดที่สำคัญรายได้ลดลงจากราคาน้ำมันที่ลดลงเป็นระยะเวลานานข้อจำกัดหนึ่งถึงซาอุเป็นเมือง ราคาต่ำกว่าเสียสหรัฐอเมริกาดินดานน้ำมันและผู้ผลิต และการเมืองที่ซับซ้อนของความสัมพันธ์ประเทศสหรัฐอเมริกาจะบอกการจัดการส่วนแบ่งตลาดของดินดานน้ำมัน แทนที่ตัดออกอย่างสมบูรณ์นอกจากนี้ ประเทศที่ มีการพึ่งพาน้ำมันที่เกี่ยวข้องกับรายได้จะบังคับเพื่อเพิ่มการผลิตเพื่อรักษากระแสเงินสด อุตสาหกรรมน้ำมันดินดานสหรัฐฯ มีความจุมากมา on-stream และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มการผลิต แม้ มีแรงกดดันทางเศรษฐกิจ เน้นกระแสเงินสดมากกว่าผลกำไร ยก ระดับสูง และสูงหนี้ผูกพันบริการจะขับลักษณะนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ความต้องการใช้น้ำมันในช่วงระยะใกล้มีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่ที่น่าเบื่อให้การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอตัวในส่วนใหญ่ของประเทศที่พัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ ขณะเดียวกันมาตรการอนุรักษ์และแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อมจะช่วยลดความต้องการใช้น้ำมันในระยะยาว ล้นตลาดนี้ยังมีแนวโน้มที่จะยังคงมีอยู่อย่างน้อยในอนาคตอันใกล้.
บางคนอ้างว่าราคาน้ำมันที่มีการป้อนช่วงใหม่ของ $ 20 ถึง $ 60 ต่อ barrel.Others เห็นฤดูใบไม้ร่วงเป็นชั่วคราวคว้าโอกาสที่จะซื้อสินทรัพย์ราคาถูก.
ซาอุดีอาระเบียและ โอเปกไม่น่าจะปรับการผลิตอย่างมีนัยสำคัญ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงน้ำมันอาลีอัล-Naimi ได้อย่างชัดเจนระบุว่าซาอุดีอาระเบียจะไม่ลดการผลิตแม้ว่าราคาน้ำมันสหรัฐ: CLG5 ฤดูใบไม้ร่วงถึง $ 20 ต่อบาร์เรล มันเป็นความเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์ที่เน้นส่วนแบ่งการตลาดมากกว่าราคาสูงโดยการควบคุมอุปทาน อ้างอิงกลยุทธ์ที่เป็นจุดสำคัญในการช่วยให้ต้นทุนต่ำผลิตน้ำมันที่มีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มอำนาจการตลาดของพวกเขา. ในฐานะที่เป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบที่ใหญ่ที่สุดในโลก, ซาอุดีอาระเบียเป็นดีอยู่ที่จะใช้กลยุทธ์นี้ในระยะยาว มันคำสั่ง 25% ของโลกน้ำมันสำรอง มันมีการลงทุนในการรักษา 2 ล้านบาร์เรลต่อวันความจุสำรอง (กว่า 80% ของความจุสำรองทั่วโลก) นอกจากนี้ยังมีประมาณ $ 900,000,000,000 ในสินทรัพย์ต่างประเทศให้มันใช้จ่ายเพื่อความอยู่รอดลดลงของรายได้อย่างมีนัยสำคัญจากการลดลงของราคาน้ำมันเป็นเวลานาน. หนึ่งข้อ จำกัด ในการกลยุทธ์ซาอุดีอาระเบียเป็นเรื่องการเมือง ราคาที่ต่ำกว่าความเสียหายสหรัฐก๊าซจากชั้นหินและผู้ผลิตน้ำมันและการเมืองที่ซับซ้อนของความสัมพันธ์ Saudi สหรัฐจะกำหนดจัดการแบ่งการตลาดของหินน้ำมันมากกว่าการกำจัดมันสมบูรณ์. นอกจากนี้ประเทศที่มีการพึ่งพารายได้จากน้ำมันที่เกี่ยวข้องจะถูกบังคับ เพื่อเพิ่มการผลิตเพื่อรักษากระแสเงินสด อุตสาหกรรมหินน้ำมันสหรัฐมีความจุมากขึ้นมาบนสตรีมและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มการผลิตแม้จะมีแรงกดดันทางเศรษฐกิจโดยมุ่งเน้นที่กระแสเงินสดมากกว่าการทำกำไร ยกระดับสูงและภาระผูกพันการให้บริการสูงหนี้จะช่วยผลักดันการทำงานนี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

น้ำมันอุปสงค์มากกว่าในระยะสั้นมีแนวโน้มที่จะยังคงน่าเบื่อ ให้เศรษฐกิจเติบโตช้าในส่วนใหญ่ของโลกที่พัฒนาแล้ว และตลาดเกิดใหม่ . ขณะเดียวกัน มาตรการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและความดันจะลดความต้องการน้ำมันในระยะยาว ตลาดยังมีแนวโน้มที่จะยังคงมีอยู่ อย่างน้อยก็ในอนาคตอันใกล้ .
บางคนโต้แย้งว่า ราคาน้ำมันกำลังเข้าสู่ช่วงใหม่ของ $ 20 ถึง 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลคนอื่นเห็นอยู่ชั่วคราว , ยึดโอกาสที่จะซื้อทรัพย์สินในราคาถูก
ซาอุดีอาระเบียและโอเปกจะไม่ปรับการผลิตอย่างมีนัยสำคัญ รัฐมนตรีน้ำมันของ อาลี อัล naimi ได้อย่างชัดเจนระบุว่า ซาอุดีอาระเบียจะตัดการผลิตถ้าราคาน้ำมันเรา : clg5 ตกไป 20 เหรียญต่อบาร์เรล มันคือการเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์เน้นส่วนแบ่งตลาดมากกว่าราคาสูง โดยการควบคุมอุปทานพื้นฐานกลยุทธ์คือ มุ่งเน้นให้ต้นทุนต่ำ ผู้ผลิตน้ำมันที่มีประสิทธิภาพเพื่อเพิ่มอำนาจตลาดของพวกเขา .

เป็นผู้ส่งออกน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดของโลก ซาอุดิอาระเบีย ถูกวางไว้อย่างดีที่จะใช้กลยุทธ์นี้ในระยะยาว มันสั่ง 25 % ของน้ำมันสำรองของโลก มันมีการลงทุนเพื่อรักษา 2 ล้านบาร์เรลต่อวัน เหลือความจุ ( กว่า 80% ของความจุสำรองทั่วโลก )มันก็มีเกี่ยวกับ $ 900 พันล้านดอลลาร์ในสินทรัพย์ต่างประเทศ ให้ยานพาหนะเพื่อความอยู่รอดลดลงรายได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากราคาน้ํามันเป็นระยะ .
หนึ่งข้อจำกัดกลยุทธ์ซาอุฯการเมือง ลดราคาความเสียหายสหรัฐอเมริกาหินน้ำมันและผู้ผลิตน้ำมันและการเมืองของ saudi-u.s. ซับซ้อนความสัมพันธ์จะบอกผู้จัดการส่วนแบ่งตลาดหินน้ำมันแทนที่จะตัดออกอย่างสมบูรณ์

นอกจากนี้ ประเทศที่มีการพึ่งพารายได้จากน้ำมันที่เกี่ยวข้องจะถูกบังคับให้เพิ่มการผลิต เพื่อรักษากระแสเงินสด สหรัฐอเมริกาหินน้ำมันอุตสาหกรรมมีความจุมากขึ้นมาในกระแสและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มการผลิต แม้แรงกดดันทางเศรษฐกิจเน้นกระแสเงินสดมากกว่าผลกำไร ประโยชน์สูงและสูงบริการหนี้ผูกพันจะทำให้พฤติกรรมนี้
.