Anti-influenza viral drugs can be c

Anti-influenza viral drugs can be classified into two
groups: M2 protein inhibitors including amantadine and
rimantadine, which are effective against the type A virus,
although emergence of M2 inhibitor-resistant influenza
A viruses has occurred at high frequency in treated patients
(8, 9); and NA inhibitors such as zanamivir and
oseltamivir, which are used against both type A and type
B viruses. The NA inhibitors are more effective than the
M2 inhibitors, but influenza A viruses resistant to the NA
inhibitor oseltamivir have been found in 20% of children
treated with this drug

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

ยาเสพติดไวรัสไข้หวัดใหญ่ป้องกันอาจแบ่งได้เป็น 2กลุ่ม: M2 โปรตีน inhibitors ได้แก่อะแมนตาดีน และไรแมนตาดีน ซึ่งมีประสิทธิภาพต่อเชื้อเป็นชนิดแม้ว่าการเกิดขึ้นของ M2 ทนสารยับยั้งไข้หวัดใหญ่ไวรัสเกิดขึ้นที่ความถี่สูงในการบำบัดผู้ป่วย(8, 9); และนา inhibitors เช่นซานามิเวียร์ และoseltamivir ซึ่งใช้กับทั้งชนิด A และชนิดไวรัสบี Inhibitors นามีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าM2 inhibitors แต่ไวรัสไข้หวัดใหญ่ A ทนต่อการนาตรวจพบสารยับยั้ง oseltamivir ใน 20% ของเด็กรักษา ด้วยยานี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ยาเสพติดไวรัสป้องกันไข้หวัดใหญ่สามารถแบ่งได้เป็นสองกลุ่มคือ M2 ยับยั้งโปรตีนรวมทั้ง amantadine และ rimantadine ซึ่งมีผลบังคับใช้กับไวรัสชนิด A, แม้ว่าการเกิดขึ้นของโรคไข้หวัดใหญ่ M2 ทนยับยั้งไวรัสได้เกิดขึ้นที่ความถี่สูงในผู้ป่วยที่ได้รับการรักษา(8, 9); และยับยั้งเช่น NA และ zanamivir oseltamivir ซึ่งจะใช้กับทั้งสองชนิดและประเภทของไวรัสB สารยับยั้ง NA มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าสารยับยั้งM2 แต่ไวรัสไข้หวัดใหญ่ A ทนต่อการนาoseltamivir ยับยั้งได้ถูกพบใน 20% ของเด็กที่รับการรักษาด้วยยานี้

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

ต่อต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ยาเสพติดสามารถแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม : M2 โปรตีนยับยั้ง

และรวมถึงอะมันตาดีนไซโทพลาซึม ซึ่งจะมีผลบังคับใช้กับประเภทไวรัส
ถึงแม้ว่าการป้องกันไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นไวรัส M2
เกิดขึ้นที่ความถี่สูงในการรักษาผู้ป่วย
( 8 , 9 ) และ นา ยาซานามิเวียร์และ
เช่น โอเซลทามีเวียร์ ซึ่งใช้กับทั้งสองประเภทและชนิด
b ไวรัสนาสารยับยั้งที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
m2 inhibitors แต่ไข้หวัดใหญ่ไวรัสดื้อยาโอเซลทามิเวียนา
ยับยั้งได้รับพบว่า 20% ของเด็กที่ได้รับการรักษาด้วยยา