Colonial origins[edit]Main article:

Colonial origins[edit]
Main article: Colonial history of the United States
Some of Britain's North American colonies became exceptional in the European world for their vibrant political culture, which attracted the most talented and ambitious young men into politics.[2] Reasons for this American exceptionalism included:

Suffrage was the most widespread in the world, with every man who owned a certain amount of property allowed to vote. While fewer than 20% of British men could vote, a majority of white American men were eligible. While the roots of democracy were apparent, nevertheless deference was typically shown to social elites in colonial elections.[3] That deference declined sharply with the American Revolution.
In each colony, elected bodies, especially the assemblies and county governments, decided a wide range of public and private business.[4] Topics of public concern and debate included land grants, commercial subsidies, and taxation, as well as oversight of roads, poor relief, taverns, and schools. Americans spent a great deal of time in court, as private lawsuits were very common. Legal affairs were overseen by local judges and juries, with a central role for trained lawyers. This promoted the rapid expansion of the legal profession, and the dominant role of lawyers in politics was apparent by the 1770s, as attested by the careers of John Adams and Thomas Jefferson, among many others.[5]
The North American colonies were exceptional in the world context because of the growth of representation of different interest groups. Unlike in Europe, where royal courts, aristocratic families and established churches exercised control, the American political culture was open to merchants, landlords, petty farmers, artisans, Anglicans, Presbyterians, Quakers, Germans, Scotch Irish, Yankees, Yorkers,[citation needed] and many other identifiable groups. Over 90% of the representatives elected to the legislature lived in their districts, unlike in the United Kingdom where it was common to have an absentee member of Parliament.
Americans became fascinated by and increasingly adopted the political values of republicanism, which stressed equal rights, the need for virtuous citizens, and the evils of corruption, luxury, and aristocracy.[6]
None of the colonies had political parties of the sort that formed in the 1790s, but each had shifting factions that vied for power.

ผลลัพธ์ (ไทย) 1:

โคโลเนียลที่มา [แก้]บทความหลัก: ประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกาบางส่วนของอาณานิคมอเมริกาเหนือของอังกฤษเป็นแสนในตนแห่งเมืองวัฒนธรรม ซึ่งดึงดูดชายหนุ่มมีพรสวรรค์ และมีความทะเยอทะยานในการเมือง โลกยุโรป [2] เหตุผลนี้ exceptionalism อเมริกันรวม:เจตจำนงเป็นที่แพร่หลายสุดในโลก กับทุกคนที่เป็นเจ้าของจำนวนทรัพย์สินที่ได้รับอนุญาตให้ออกเสียง ในขณะที่สามารถใช้สิทธิน้อยกว่า 20% ของผู้ชายอังกฤษ ส่วนใหญ่ของผู้ชายอเมริกันที่ขาวมีสิทธิ์ ในขณะที่รากของประชาธิปไตยชัดเจน ก็แสดงปกติแสดงต่อสังคมที่ร่ำรวยในการเลือกตั้งอาณานิคม [3] แสดงที่ปฏิเสธอย่างรวดเร็ว ด้วยการปฏิวัติอเมริกันในแต่ละโคโลนี ร่างกาย การเลือกตั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งแอสเซมบลีและรัฐบาลเขต ตัดสินใจที่หลากหลายธุรกิจ และเอกชน [4] หัวข้อของปัญหาสาธารณะและอภิปรายรวมมอบที่ดิน เงิน อุดหนุนทางการค้า และภาษีอากร ตลอดจนกำกับดูแลถนน บรรเทาต่ำ ร้านเหล้า และโรงเรียน ชาวอเมริกันใช้เวลามากของเวลาในศาล คดีส่วนตัวก็ธรรมดามาก กิจการตามกฎหมายถูกตรวจสอบ โดย juries กับศูนย์สำหรับฝึกอบรมทนายความและผู้พิพากษาท้องถิ่น นี้ส่งเสริมการขยายตัวอย่างรวดเร็วของอาชีพกฎหมาย และบทบาทโดดเด่นของทนายความในการเมืองก็ชัดเจน โดย 1770s ยึดตามอาชีพของจอห์นอดัมส์และโทมัสเจฟเฟอร์สัน มากมาย [5]อาณานิคมอเมริกาเหนือได้ดีในบริบทโลกเนื่องจากการเติบโตของตัวแทนของกลุ่มผลประโยชน์ต่าง ๆ ซึ่งแตกต่างจากในยุโรป ที่สนามรอยัล ครอบครัวชนชั้นสูง และคริสตจักรก่อตั้งขึ้นใช้สิทธิควบคุม การเมืองวัฒนธรรมอเมริกันมาลักเกษตรกร เจ้าของบ้าน ร้านค้า ช่าง ฝีมือ Anglicans, Presbyterians, Quakers ชาวเยอรมัน ไอริชสก๊อต Yankees ตรง ไหน, [แก้] และกลุ่มบุคคลอื่น ๆ มากมาย กว่า 90% ของตัวแทนที่ได้รับเลือกตั้งให้สภานิติบัญญัติอยู่ในเขตของพวกเขา ซึ่งแตกต่างจากในไทยที่มันเป็นธรรมดาที่จะมีสมาชิกไม่มาของรัฐสภาคนอเมริกันกลายเป็นหลงโดย และนำค่าของ republicanism ซึ่งเน้นสิทธิที่เท่าเทียมกัน ความต้องการพลเมืองที่มีคุณธรรม และความชั่วร้ายของการทุจริต หรู และชน ทางการเมืองมากขึ้น [6]ไม่มีของอาณานิคมมีพรรคการเมืองประเภทที่เกิดขึ้นใน 1790s แต่ละมีเปลี่ยนฝ่ายที่ vied สำหรับพลังงาน

ผลลัพธ์ (ไทย) 2:

ต้นกำเนิดของโคโลเนียล [แก้ไข]
บทความหลัก: ประวัติศาสตร์ยุคอาณานิคมของสหรัฐอเมริกา
บางส่วนของสหราชอาณาจักรนอร์ทอเมริกันอาณานิคมกลายเป็นที่โดดเด่นในโลกยุโรปสำหรับวัฒนธรรมทางการเมืองของพวกเขาที่มีชีวิตชีวาซึ่งดึงดูดชายหนุ่มที่มีพรสวรรค์ที่สุดและมีความทะเยอทะยานสู่การเมือง [2]. เหตุผลในการอเมริกัน exceptionalism นี้รวมถึง:

อธิษฐานเป็นที่แพร่หลายมากที่สุดในโลกที่มีทุกคนที่เป็นเจ้าของเงินจำนวนหนึ่งของทรัพย์สินที่ได้รับอนุญาตให้ลงคะแนนเสียง ในขณะที่น้อยกว่า 20% ของผู้ชายอังกฤษสามารถลงคะแนนส่วนใหญ่ของคนอเมริกันผิวขาวมีสิทธิ์ ในขณะที่รากของประชาธิปไตยเห็นได้ชัด แต่การแสดงความเคารพโดยทั่วไปแล้วแสดงให้เห็นว่าชนชั้นทางสังคมในการเลือกตั้งอาณานิคม. [3] การแสดงความเคารพที่ลดลงอย่างรวดเร็วด้วยการปฏิวัติอเมริกา.
ในแต่ละอาณานิคมร่างกายได้รับการเลือกตั้งโดยเฉพาะอย่างยิ่งการประกอบและรัฐบาลมณฑลตัดสินใจที่หลากหลายของธุรกิจภาครัฐและเอกชน. [4] หัวข้อของความกังวลของประชาชนและการอภิปรายรวมโอนที่ดินอุดหนุนเชิงพาณิชย์และการจัดเก็บภาษีเช่นเดียวกับการกำกับดูแลของถนนบรรเทายากจนเหล้าและโรงเรียน ชาวอเมริกันใช้เวลาจัดการที่ดีของเวลาในศาลเป็นคดีส่วนตัวเป็นเรื่องธรรมดามาก ฝ่ายกฎหมายได้รับการดูแลโดยผู้พิพากษาท้องถิ่นและคณะลูกขุนที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งสำหรับนักกฎหมายได้รับการฝึกฝน นี้ส่งเสริมการขยายตัวอย่างรวดเร็วของวิชาชีพทางกฎหมายและบทบาทที่โดดเด่นของทนายความในทางการเมืองก็เห็นได้ชัดจากยุค 1770 เป็นส่วนร่วมโดยการประกอบอาชีพของจอห์นอดัมส์และโทมัสเจฟเฟอร์สันในหมู่อื่น ๆ อีกมากมาย. [5]
นอร์ทอเมริกันอาณานิคมเป็นที่โดดเด่นใน บริบทโลกเพราะการเจริญเติบโตของการเป็นตัวแทนของกลุ่มผลประโยชน์ที่แตกต่างกัน ซึ่งแตกต่างจากในยุโรปที่สนามรอยัลครอบครัวขุนนางและสร้างโบสถ์ใช้มาตรการควบคุมที่วัฒนธรรมทางการเมืองอเมริกันเปิดให้พ่อค้าเจ้าของบ้านเกษตรกรอนุศิลป์ผู้นับถือ Presbyterians, อังกฤษ, เยอรมัน, สก็อตไอริชแยงกี้ชาว [อ้างอิงที่จำเป็น ] และอีกหลายกลุ่มที่สามารถระบุตัวอื่น ๆ กว่า 90% ของผู้แทนรับเลือกให้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติอาศัยอยู่ในเขตของพวกเขาแตกต่างจากในสหราชอาณาจักรที่มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีสมาชิกที่ขาดไปของรัฐสภา.
ชาวอเมริกันกลายเป็นหลงโดยและนำมาใช้มากขึ้นค่าทางการเมืองของปับซึ่งเน้นสิทธิเท่าเทียมกัน จำเป็นสำหรับประชาชนงามความดีและความชั่วร้ายของการทุจริตหรูหราและขุนนาง. [6]
ไม่มีอาณานิคมมีพรรคการเมืองของการจัดเรียงที่เกิดขึ้นในยุค 1790 แต่แต่ละคนก็มีการขยับกลุ่มที่ชักชวนให้อำนาจ

ผลลัพธ์ (ไทย) 3:

อาณานิคมกำเนิด [ แก้ไข ]บทความหลัก : ประวัติศาสตร์ยุคอาณานิคมของสหรัฐอเมริกาบางส่วนของสหราชอาณาจักรของอเมริกาเหนืออาณานิคมกลายเป็นที่ยอดเยี่ยมในโลกยุโรปวัฒนธรรมการเมืองของพวกเขาที่มีสีสันสดใสซึ่งดึงดูดที่เก่งที่สุด และทะเยอทะยาน ชายหนุ่มลงการเมือง [ 2 ] ด้วยเหตุผลนี้ exceptionalism อเมริกันรวมถึง :สิทธิเป็นแพร่หลายมากที่สุดในโลก กับทุก ๆคนที่เป็นเจ้าของจํานวนหนึ่งของทรัพย์สินที่ได้รับอนุญาตเพื่อโหวต ในขณะที่น้อยกว่า 20% ของคนอังกฤษสามารถโหวต ส่วนใหญ่ของคนอเมริกันสีขาวสิทธิ ในขณะที่รากของประชาธิปไตยได้ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างคือโดยทั่วไปจะแสดงถึงชนชั้นทางสังคมในการเลือกตั้งยุคอาณานิคม . [ 3 ] ที่ยืดเวลาลดลงอย่างรวดเร็ว ด้วยการปฏิวัติของอเมริกันในแต่ละนิคม การเลือกตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการประกอบและมณฑลรัฐบาลตัดสินใจที่หลากหลายของธุรกิจภาครัฐและเอกชน [ 4 ] หัวข้อที่เกี่ยวข้องและการอภิปรายสาธารณะ ได้แก่ ที่ดิน ทุนอุดหนุนการค้าและภาษีอากร ตลอดจนกำกับดูแลถนน โล่ง จนเหล้าและโรงเรียน คนอเมริกันใช้เวลาจัดการที่ดีของเวลาในศาล เป็นคดีส่วนตัว เป็นเรื่องปกติมาก ฝ่ายกฎหมายดูแลโดยผู้พิพากษาและคณะลูกขุนเป็นท้องถิ่นที่มีบทบาทกลางสำหรับทนายความที่ได้รับการฝึกฝน นี้การขยายตัวอย่างรวดเร็วของวิชาชีพทางกฎหมายและบทบาทเด่นของทนายความในการเมืองได้ชัดเจนโดย 1750 เป็น attested โดยอาชีพของจอห์น อดัมส์ และ โทมัส เจฟเฟอร์สัน , ในหมู่คนอื่น ๆ . [ 5 ]อาณานิคมอเมริกาเหนือเป็นพิเศษในบริบทโลก เพราะการเจริญเติบโตของการเป็นตัวแทนของกลุ่มผลประโยชน์ต่าง ๆ ไม่เหมือนในยุโรป ที่สนาม รอยัล ครอบครัวของชนชั้นสูงและก่อตั้งคริสตจักรใหม่ ควบคุม วัฒนธรรมการเมืองอเมริกันเปิดให้พ่อค้า เจ้าของบ้าน ใจแคบ เกษตรกรช่างฝีมือ ผู้นับถือ Presbyterians , อังกฤษ , เยอรมัน , สก็อต ไอริช แยงกี้ส์ ชาว [ อ้างอิงที่จำเป็น ] และกลุ่มอื่น ๆอีกมากมาย กว่า 90% ของสภาผู้แทนราษฎรการเลือกตั้งรัฐสภาอยู่ในเขตของพวกเขา ซึ่งแตกต่างจาก ใน สหราชอาณาจักร ซึ่งมันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีผู้ที่ขาดสมาชิกของรัฐสภาชาวอเมริกันเริ่มหลงใหลมากขึ้นและยอมรับค่านิยมทางการเมืองของภากร ซึ่งเน้นสิทธิที่เท่าเทียมกัน ให้ประชาชนมีคุณธรรม และความชั่วร้ายของการคอร์รัปชั่น ความหรูหรา และชนชั้นสูง [ 6 ]ไม่มีของอาณานิคมมีพรรคการเมืองของพวกที่ขึ้นในอังกฤษ แต่ละฝ่ายมีการขยับที่ vied สำหรับพลังงาน